×

‘หุ้นพลังงาน’ เต็มมูลค่า แม้ราคาน้ำมันพุ่งสูงสุดรอบ 12 เดือน

23.11.2020
  • LOADING...
‘หุ้นพลังงาน’ เต็มมูลค่า แม้ราคาน้ำมันพุ่งสูงสุดรอบ 12 เดือน

ราคาน้ำมันวิ่ง 20% สูงสุดรอบ 12 สัปดาห์

 

ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ซื้อขายในตลาด NYMEX ล่าสุดขยับขึ้นมาทำจุดสูงสุดในรอบประมาณ 12 สัปดาห์ (ตั้งแต่เดือนกันยายน 2563) เพิ่มขึ้นราว 20% มาที่ระดับ 43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยปี 2563 ที่ผ่านมานี้ ราคาน้ำมัน WTI เคยปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 58.9 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

 

ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน (ENERG) ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกันแล้วกว่า 26% สุงสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง ส่งผลให้มูลค่าของกลุ่มขยับขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 3.45 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนอันดับหนึ่งราว 23% ของมูลค่าของตลาดหุ้นไทย (SET) ส่วนดัชนี SET ปรับขึ้นมา 19% 

 

กราฟราคาน้ำมันดิบ WTI ตั้งแต่ต้นปี 2563  

 

หุ้นพลังงานวิ่งนำตลาด แต่พื้นฐานอาจรับไม่ไหว 

 

จักรพงศ์ เชวงศรี ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมาตามความคาดหวังเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกจะฟื้นตัวได้ เช่น การเดินทาง และกิจกรรมการอื่นๆ ทางเศรษฐกิจ ซึ่งหุ้นกลุ่มน้ำมันก็เช่นเดียวกัน หากโควิด-19 จบ ทุกอย่างจะกลับไประดับเดียวกับก่อนหน้าการแพร่ระบาด

 

ซึ่งก่อนหน้านี้หุ้นกลุ่มพลังงานเคยลงไปซื้อขายที่ระดับ 0.6-0.8 เท่าของมูลค่าทางบัญชี (P/BV) แต่ปัจจุบันราคาถูกไล่ซื้อขึ้นมาซื้อขายที่ระดับ P/BV 1 เท่า ส่วนระดับก่อนหน้านี้กลุ่มพลังงานเคยซื้อขายที่ 1.1-1.2 เท่า 

 

ในเชิงกลยุทธ์ นักลงทุนที่เน้นลงทุนระยะสั้นอาจจะหาจังหวะขายทำกำไร เพราะราคาหุ้นที่ขึ้นมาไม่ใช่แค่ปัจจัยพื้นฐาน แต่มีเรื่องกระแสเงินลงทุน (Fund Flow) มาเกี่ยวข้องด้วย หาก Fund Flow หยุดอาจมีรอบของการขายทำกำไร ส่วนนักลงทุนระยะยาวอาจจะถือหุ้นไปจนถึงช่วงที่โควิด-19 จบ และเห็นกำไรของบริษัทกลับมาสู่ระดับปกติ 

 

“ส่วนนักลงทุนที่ไม่มีหุ้นอาจต้องรอต่อ เพราะปัจจุบันสถานการณ์ของโควิด-19 ตรงกันข้ามกับสถานการณ์การลงทุน ณ ตอนนี้ การแพร่ระบาดโดยรวมดูแย่กว่าเดิม แต่ตลาดเลือกจะมองข้ามข่าวร้าย โฟกัสเฉพาะสิ่งที่ดี ดูแค่ผลของการทดลองของวัคซีน แต่หากตลาดเกิดเปลี่ยนมุมมอง อาจจะเห็นภาพกลับกันได้ หลังจากที่ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานวิ่งขึ้นมาเร็วมาก ทุกคนพร้อมจะขายทำกำไรได้ทุกเมื่อ”

 

จับตาผลประชุม OPEC+ อาจช่วยประคองราคาน้ำมัน

 

ด้าน ปรินทร์ นิกรกิตติโกศล นักวิเคราะห์หุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า จริงๆ แล้วราคาหุ้นกลุ่มพลังงานได้แรงหนุนจาก 2 ปัจจัยประกอบกัน คือ กระแสเงินลงทุน (Fund Flow) และราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น 

 

โดยราคาน้ำมันสัปดาห์ก่อนเพิ่มขึ้น 4-5% ปรับขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน สาเหตุหลักมาจากเรื่องผลการทดสอบวัคซีนที่ออกมาค่อนข้างดี และข้อสองคือ สมาชิกกลุ่ม OPEC+ อาจจะชะลอการปรับเพิ่มโควต้าการผลิตน้ำมัน 

 

เดิมทีกลุ่ม OPEC+ ตกลงกันลดกำลังการผลิต 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน และต้นปี 2564 ข้อตกลงจะลดลงเหลือ 5.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้ ข้อตกลงดังกล่าวอาจจะยืดออกไปอีก 3 เดือน นอกจากนี้ วันศุกร์ที่ผ่านมา (20 พฤศจิกายน) มีรายงานการลดลงของแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ 2 แท่น ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 10 สัปดาห์ 

 

“คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปีนี้ที่ 42 ดอลลาร์ ส่วนปี 2564 คาดราคาเฉลี่ย 47 ดอลลาร์ และไม่คิดว่าราคาจะขยับไปถึง 50-60 ดอลลาร์ แม้การพัฒนาของวัคซีนจะเข้ามาหนุน แต่กลุ่ม OPEC+ จะเป็นคนปรับสมดุล เพราะไม่เช่นนั้นฝั่งสหรัฐฯ จะเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ได้ รวมถึงลิเบียซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตใหม่เข้ามา หลังปัญหาความไม่สงบในประเทศคลี่คลาย”

 

หากแยกย่อยในกลุ่มพลังงาน คือ กลุ่มน้ำมัน ปิโตรเคมี และโรงกลั่น ในส่วนของน้ำมันและปิโตรเคมีน่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน แม้ว่าอัพไซด์จะยังคงค่อนข้างจำกัดจากอุปทานที่มีโอกาสจะเพิ่มขึ้นได้ตามอุปสงค์ที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก 

 

ส่วนกลุ่มโรงกลั่นจะดีขึ้นได้จากฐานต่ำในปีนี้ ซึ่งค่าการกลั่นเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 0.3 ดอลลาร์ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 5-6 ดอลลาร์ โดยปี 2564 คาดว่าค่าการกลั่นจะกลับไปอยู่ที่ประมาณ 3 ดอลลาร์ จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ในส่วนของการลงทุนนั้น หุ้นโรงกลั่นขึ้นมาราว 40% สะท้อนข่าวไปค่อนข้างมากแล้ว 

 

นลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส มองว่า แม้ราคาน้ำมันจะปรับขึ้นมาได้บ้างในระยะสั้น แต่หากมองภาพรวมแล้ว จะเห็นว่าราคาน้ำมันยังค่อนข้างผันผวน ขณะที่การปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มน้ำมัน โดยหลักได้แรงหนุนจาก ‘Fund Flow’ ซึ่งเข้าซื้อหุ้นขนาดใหญ่ทั้งหมด 

 

ในเชิงปัจจัยพื้นฐานแล้ว หุ้นกลุ่มพลังงานยังไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก โดยกรอบราคาน้ำมันดิบดูไบในปีนี้น่าจะอยู่ราว 40-45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ถึงแม้อุปสงค์ต่อน้ำมันจะฟื้นตัวได้บ้าง แต่อุปทานยังจ่อที่จะเพิ่มขึ้นอยู่ ซึ่งในส่วนนี้คงต้องติดตามการประชุมของกลุ่มโอเปก (OPEC) ว่าจะลดกำลังการผลิตน้ำมันต่อไปหรือไม่ ซึ่งจะเป็นการช่วย ‘ประคอง’ ราคาน้ำมันให้ยังคงยืนอยู่ได้ 

 

“โดยเนื้อแท้หุ้นในกลุ่มน้ำมันยังไม่ได้มีอะไรโดดเด่นนัก หลายตัวที่ปรับขึ้นมาแรงเป็นเพราะ Fund Flow หากใครจะเข้าลงทุน อาจจะหาจังหวะเข้าลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว เพราะในเชิงพื้นฐานแล้ว ราคาระดับนี้เต็มมูลค่าพื้นฐานของปีนี้ไปเกือบทุกตัวแล้ว” 

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising