×

การที่ ‘อีลอน มัสก์’ เข้าฮุบ Twitter และเป็นข่าวฉาวรายวัน ทำให้ชาวอเมริกันชอบ Tesla น้อยลง สะเทือนถึงส่วนแบ่งตลาดที่กำลังหดหาย

08.12.2022
  • LOADING...

เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ อีลอน มัสก์ บุคคลที่รวยที่สุดในโลก แสดงออกด้วยท่าทีต่างๆ ที่ไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ ทั้งยังได้รับการปกป้องจากคำวิจารณ์ของสาธารณะด้วยกลุ่มแฟนบอยของเขา วีรกรรมของเขามีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น หมิ่นคณะกรรมการ ก.ล.ต. เรียกนักดำน้ำผู้ช่วยชีวิตว่าใคร่เด็ก และเมื่อต้นปีที่ผ่านมาก็วิจารณ์ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่าง โจ ไบเดน ว่า ‘หุ่นเชิดถุงเท้าเน่า’ 

 

ทั้งนี้เขาสูญเสียชื่อเสียงเพียงเล็กน้อยจากทั้งสองกรณี แต่ในที่สุด การเป็นผู้นำที่ Twitter อาจลดความน่าเชื่อถือของเขาได้ และไม่มีเวลาไหนแย่ไปกว่าตอนนี้แล้ว เพราะบริษัทรถยนต์ของ อีลอน มัสก์ อย่าง Tesla กำลังเริ่มสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับคู่แข่งรายใหม่และเก่า เช่น Ford, General Motors, Hyundai และ Kia

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

“ผมคิดว่าหากคุณเป็นผู้บริหารอาวุโสของ Tesla คุณคงกำลังอธิษฐานว่ามัสก์จะเปลี่ยนโฟกัสหรือหยุดข้องเกี่ยวกับ Twitter ได้แล้ว” มาริโอ นาตาเรลลี หุ้นส่วนผู้จัดการของที่ปรึกษาแบรนด์ MBLM กล่าว “คุณดูอย่างคานเยแล้วจะรู้ว่าบางอย่างมันพังลงได้ไวมาก”

 

จากงานวิจัยของ Morning Consult ระบุว่า การพังทลายดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นมานานแล้ว โดยตั้งแต่มัสก์เข้าฮุบ Twitter ในวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา จากการศึกษาพบว่าความชอบโดยรวมของ Tesla นั้นลดลง 6.2 คะแนนในหมู่ผู้ใหญ่ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ และมันแย่กว่ามากในการสำรวจชาวอเมริกันที่อยู่ฝั่งเดโมแครต โดยคะแนนลดลง 20 คะแนนในเดือนที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 3.9 คะแนนสำหรับคนที่อยู่ฝั่งรีพับลิกัน

 

ผลกระทบทั้งหมดทั้งปวงของการเปลี่ยนแปลงมุมมองของผู้บริโภคต่อมัสก์และ Tesla จะใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะส่งกระทบ แต่บริษัทกำลังเผชิญกับส่วนแบ่งยอดขายรถยนต์ EV ในสหรัฐฯ ที่ลดลง โดยจากข้อมูลของ S&P Global Mobility ในช่วง 9 เดือนแรกของปี ส่วนแบ่งในตลาดของ Tesla นั้นอยู่ที่ 65% แต่มันก็ลดลงจาก 79% ในปี 2020 จากการแข่งขันรถยนต์ EV ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ประกอบกับการที่ Tesla ยังไม่ยอมขายรถยนต์ที่มีราคาต่ำกว่าตอนนี้

 

“เนื่องจากความสนใจของผู้บริโภคกับรถยนต์ไฟฟ้านั้นเพิ่มขึ้นพร้อมๆ กับตัวเลือกที่มากขึ้น ความสามารถของ Tesla ในการรักษาส่วนแบ่งตลาดที่โดดเด่นจะถูกท้าทายในอนาคต” S&P กล่าวในรายงาน

 

แม้ยอดขายในสหรัฐฯ จะไม่ได้ลดลงมากนัก แต่การที่บริษัทไม่มีรถ EV ที่ราคาต่ำกว่า 50,000 ดอลลาร์ ได้สร้างโอกาสในการเติบโตให้กับคู่แข่งทั้งหลาย เช่น Hyundai, Kia, Volkswagen, Ford และ General Motors นอกจากนี้ในตลาดระดับลักชัวรียังมีแบรนด์ชั้นนำอย่าง Porsche, Mercedes-Benz, Lucid, Rivian, Audi และ BMW ที่กำลังตีตลาดรถ EV อีกด้วย 

 

เอริก โนเบิล ผู้ก่อตั้งและประธานที่ปรึกษาด้านยานยนต์ The CARLAB มองว่าการแข่งขันในระดับ Luxury Car ครั้งใหม่นี้อาจเป็นความท้าทายที่ยากสำหรับ Tesla เพราะผู้บริโภคระดับไฮเอนด์มองว่าตลาดกำลังเปลี่ยนไปแล้ว

 

“ในตลาด EV ตอนนี้ แบรนด์ที่จะทำได้ดีก็คือ Porsche Taycan หรือ Mercedes EQS” เขากล่าวพร้อมอ้างถึงบทสนทนาของผู้บริโภคกับบริษัท “ไม่มีช่องว่างให้ Tesla แล้วในหมู่คนรวย”

 

และนั่นคือปัญหาสำหรับ Tesla ที่ใช้ช่องว่างดังกล่าวเพื่อเป็นมาตรฐานระดับโลกสำหรับรถยนต์ EV ที่เปลี่ยนแปลงภาพรวมของอุตสาหกรรม

 

“พฤติกรรมของมัสก์กับ Twitter อาจทำให้ Tesla ได้รับผลกระทบในทางลบหรือไม่? ก็อาจจะ แต่ตอนนี้เราไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นหรือยัง” แอนดรูว์ มิลเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเติบโตของ Interbrand กล่าว “Tesla เป็นแบรนด์ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ในการขับเคลื่อน มีลัทธิแห่งความตื่นเต้นรอบๆ ผลิตภัณฑ์นั้น และนั่นเชื่อมโยงโดยตรงกับผู้ก่อตั้งคนนี้”

 

ผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตในอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่กลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์ 4 รุ่นในปัจจุบันของ Tesla ยังห่างไกลจากผลิตภัณฑ์ที่สดใหม่ที่สุดในตลาด 

 

รถยนต์ที่ทำยอดขายสูงสุดให้บริษัทอย่าง Model Y ออกขายตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2020 ขณะที่ Model 3 นั้นวางขายในปี 2017 และรุ่นเรือธงอย่าง Model S เปิดตัวในปี 2012 แม้จะมีการพัฒนามากมายในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ตัวรถก็ยังเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงจากครั้งแรกที่ชาวโลกเห็นเลยแม้แต่น้อย 

 

และแม้ว่าบริษัทจะมีแผนส่งมอบรถบรรทุกกึ่งพ่วงไฟฟ้าของตนอย่าง Semi ในเดือนนี้ แต่ผลิตภัณฑ์ตัวต่อไปที่สำคัญกว่าคือ Cybertruck รถปิกอัพในเวอร์ชันของมัสก์ตอนปี 2023

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising