×

ใจเย็นก่อน! ‘อีลอน มัสก์’ บอกว่า Tesla จะมีมาร์เก็ตแคปใหญ่กว่า Apple แต่นักวิเคราะห์เตือน ‘เรื่องนี้ต้องใช้เวลา’

21.10.2022
  • LOADING...
อีลอน มัสก์

การแถลงผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ‘อีลอน มัสก์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Tesla ได้เอ่ยต่อหน้านักลงทุนว่า ในวันหนึ่ง Tesla จะมีมาร์ตเก็ตแคปที่ใหญ่กว่า Apple แต่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทได้เตือน ‘เรื่องนี้ต้องใช้เวลา’

 

“ผมมีความเห็นว่าเราสามารถเหนือกว่า Apple ได้ในแง่ของมาร์เก็ตแคป อันที่จริงผมเห็นเส้นทางที่เป็นไปได้สำหรับ Tesla ที่จะมีมูลค่ามากกว่า Apple และ Saudi Aramco รวมกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะเกิดขึ้นหรือจะเป็นเรื่องง่าย” มัสก์กล่าว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ไม่ค่อยสดใสเท่าไรนัก แม้ตัวเลขจะเพิ่มขึ้น แต่นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2021 ที่ Tesla ทำผลงานพลาดเป้า

 

แม้มัสก์จะย้ำว่า โรงงานต่างๆ กำลังผลิตด้วยความเร็วเต็มที่ โดยจะส่งมอบรถยนต์ทุกคันที่ผลิตขึ้น และรักษาอัตรากำไรจากการดำเนินงานให้แข็งแกร่ง ซึ่ง Tesla ยังคง “ตั้งตารอที่จะทำลายสถิติในไตรมาสที่ 4” แต่เขาก็ยอมรับเช่นเดียวกันว่า การจะทำผลงานได้ตามเป้านั้นเป็นเรื่องที่ ‘ยากกว่าที่เคยเป็นมาเล็กน้อย’ เนื่องจากความท้าทายในตลาดจีนและยุโรป

 

โดยจีนกำลังประสบกับภาวะถดถอย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ส่วนยุโรปก็มีภาวะถดถอยอันเกิดขึ้นจากวิกฤตพลังงาน

 

ผลลัพธ์และท่าทีที่ระมัดระวังทำให้นักวิเคราะห์ต่างลดราคาเป้าหมาย Tesla ตามการรวบรวมข้อมูลของ Bloomberg ระบุว่า เป้าหมายราคาเฉลี่ยของ Tesla อยู่ที่ 293 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าราคาหุ้นในวันที่ 20 ตุลาคม ถึง 40% โดยราคาหุ้นของ Tesla ปิดอยู่ที่ 207.28 ดอลลาร์ ลดลง 6.7%

 

“เรายังคงระมัดระวังในการประเมินมูลค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของการคาดการณ์การเติบโตของการส่งมอบรถที่สูง และยังคงเห็นความเสี่ยงด้านลบที่เป็นสาระสำคัญต่อเป้าหมายราคา” ไรอัล ลินซ์แมน นักวิเคราะห์ของ J.P. Morgan เขียนไว้ในหมายเหตุ

 

ดูเหมือนว่าเป้าหมายของมัสก์ยังอยู่ห่างไกล เพราะแม้ Tesla จะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก แต่มีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ราว 6.5 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ Apple มีตัวเลขอยู่ที่ 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่ Saudi Aramco มีมูลค่า 2.1 ล้านล้านดอลลาร์

 

เนื่องจากผู้บริโภคในสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงและอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว นักลงทุนจึงจับตาดูความต้องการสินค้าที่ต้องใช้เวลาในการพิจารณาซื้ออย่างรอบคอบดังเช่นรถยนต์ ซึ่ง Tesla การส่งมอบในไตรมาสที่ 3 ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ นักวิเคราะห์และนักลงทุนต่างจับตามองสัญญาณของอุปสงค์ที่ลดลง

 

ความเสี่ยงดังกล่าวส่งผลโดยตรงต่อ Tesla เนื่องจากการประเมินมูลค่าขึ้นอยู่กับศักยภาพในการเติบโตในอนาคต โดย Tesla นั้นยังมีความเสี่ยงจากความวุ่นวายทางเศรษฐกิจทั่วโลก ปัญหาห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ที่ต่อเนื่อง และราคาวัตถุดิบที่สูง

 

“ในขณะที่ Tesla ต้องเผชิญกับความท้าทาย แต่เราเชื่อว่าการเติบโตและอัตรากำไรอาจมีความยืดหยุ่นมากกว่าอุตสาหกรรมที่เหลือในภาวะถดถอยทั่วโลก” เอ็มมานูเอล รอสเนอร์ นักวิเคราะห์ของ Deutsche Bank กล่าว ในขณะที่เขาจะลดราคาเป้าหมายของหุ้นลงเหลือราว 355-390 ดอลลาร์

 

ภาพ: John Shearer / Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising