×

อีลอน มัสก์ – เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ สองนักธุรกิจผู้ฮุบกิจการมาเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับต่างกัน

24.01.2023
  • LOADING...

ทั้ง เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ผู้กลายมาเป็นบุคคลที่รํ่ารวยที่สุดในโลกเมื่อไม่นานมานี้ และ อีลอน มัสก์ ผู้ที่เสียตำแหน่งนี้ให้แก่อาร์โนลต์ ต่างก็ลงทุนมากเกินไปสำหรับการเข้าซื้อกิจการและต้องเสียใจภายหลัง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างมากสำหรับนักธุรกิจ

 

อาร์โนลต์เป็นนักธุรกิจผู้สร้าง LVMH ในปารีสให้กลายเป็นแบรนด์หรูที่มีมูลค่ามากกว่า 4 แสนล้านดอลลาร์ และทำให้อาร์โนลต์มีมูลค่าความมั่งคั่งมากกว่า 1.8 แสนล้านดอลลาร์ ในทางกลับกัน การตัดสินใจที่ผิดพลาดของมัสก์จากการซื้อกิจการ ทำให้มัสก์ต้องเสียเงินมหาศาล แม้ว่าเขาจะยังคงมีความมั่งคั่งมากกว่า 1.3 แสนล้านดอลลาร์


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


เทียบดีล Tiffany และ Twitter

ในเดือนพฤศจิกายนปี 2019 LVMH ของอาร์โนลต์ ตกลงที่จะจ่ายเงิน 135 ดอลลาร์ต่อหุ้น หรือ 1.62 หมื่นล้านดอลลาร์ สำหรับแบรนด์หรูสัญชาติอเมริกันอย่าง Tiffany & Co. ซึ่งดีลดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วง 2-3 สัปดาห์ หลังจากที่ LVMH ยื่นข้อเสนอ 120 ดอลลาร์ต่อหุ้นให้แก่ Tiffany หลังจากพ่ายแพ้ในการเข้าซื้อทั้ง Gucci และ Hermès ทำให้ LVMH ตัดสินใจว่านี่เป็นดีลที่ต้องคว้ามาให้ได้

 

ราคาที่อาร์โนลต์ยื่นให้ Tiffany เป็นราคาพรีเมียมถึง 37% จากราคาซื้อขายหุ้น Tiffany ก่อนที่จะมีดีลเกิดขึ้น และเป็นดีลที่มีมูลค่าถึง 17 เท่าของกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของ Tiffany รวมถึงหนี้สินสุทธิ

 

อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของโควิดทำให้การซื้อกิจการ Tiffany ดูไม่คุ้มค่านัก อาร์โนลต์จึงตัดสินใจล้มดีลดังกล่าว ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ Tiffany จนเกิดการฟ้องร้องกัน

 

ในที่สุดทั้งสองฝ่ายตกลงซื้อขายกันอีกครั้งในเดือนตุลาคมปี 2020 โดยอาร์โนลต์ตกลงที่จะจ่ายเงิน 1.58 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับ Tiffany ซึ่งลดลงจากดีลก่อนหน้านี้ถึง 420 ล้านดอลลาร์ 

 

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการรักษาหน้าของอาร์โนลต์ เมื่อดีลของ Tiffany สิ้นสุดลงในเดือนมกราคมปี 2021 อาร์โนลต์ตัดสินใจปลดผู้บริหารระดับสูงของ Tiffany รวมถึงซีอีโอ หัวหน้าฝ่ายศิลป์ และหัวหน้าผู้อำนวยการฝ่ายแบรนด์ ก่อนจะตั้งทีมของเขาเอง อีกทั้งยังแต่งตั้งลูกชายของเขาอย่าง อเล็กซานเดอร์ ขึ้นเป็นตำแหน่งรองประธานบริหารผลิตภัณฑ์และการสื่อสาร โดยจำนวนพนักงานของ Tiffany ยังคงอยู่ที่ประมาณ 14,000 คน ณ เวลาที่ซื้อกิจการ 

 

อีกด้านหนึ่ง มัสก์ก็ได้ยื่นข้อเสนอซื้อ Twitter เมื่อเดือนเมษายนปี 2022 ในราคา 54.20 ดอลลาร์ต่อหุ้น หรือ 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากที่มีสัดส่วนการถือหุ้น 9.2% ในบริษัท ข้อเสนอของเขาอยู่ที่ระดับราคาพรีเมียม 38% สำหรับราคาซื้อขายหุ้น และ 44 เท่าจาก EBITDA ของ Twitter ด้วยราคาที่สูงลิ่ว ทำให้คณะกรรมการบริหารของ Twitter ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับข้อเสนอของมัสก์

 

เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น มัสก์ก็พยายามเกือบทุกอย่างเพื่อออกจากข้อตกลง ซึ่งไม่ต่างจากกรณีของอาร์โนลต์และ Tiffany ทั้งสองฝ่ายนำข้อพิพาทขึ้นสู่ศาลเดลาแวร์ แต่เมื่อหลักฐานเริ่มปรากฏขึ้นในรูปแบบของอีเมล ข้อความ และเอกสาร โอกาสของมัสก์สำหรับคดีความในศาลเริ่มดูเลือนรางลง เขาพยายามเจรจาข้อตกลงใหม่กับบอร์ดบริหาร Twitter แต่ก็ไม่สำเร็จ ทำให้มัสก์ตัดสินใจปิดดีล Twitter ในปลายเดือนตุลาคมปี 2022 ณ มูลค่าเดิม 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์

 

ความโกลาหลจึงเริ่มขึ้น มัสก์รีบไล่เหล่าผู้บริหาร Twitter และพนักงานกว่า 7,500 คน อีกทั้งยังสร้างความสับสนให้แก่ลูกค้าโฆษณาและผู้ใช้งานด้วยการทวีตที่คลุมเครือและการเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ที่ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ มัสก์เตือนว่าตอนนี้ Twitter กำลังขาดทุน 4 ล้านดอลลาร์ต่อวัน และบริษัทอาจต้องยื่นล้มละลาย

 

หากมัสก์มีแผนการสำหรับ Twitter ก็ยังไม่ชัดเจนว่าคืออะไร การกระทำที่อธิบายไม่ได้ของมัสก์ได้กัดเซาะทุนมูลค่า 3.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ที่เขาและหุ้นส่วนของเขาลงทุนในดีล Twitter และมูลค่าบางส่วนของเงินกู้ของ Twitter มูลค่า 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ ที่ถูกถือโดยธนาคารใน Wall Street

 

คนหนึ่งประสบความสำเร็จ อีกคนยังคงค้นหาต่อไป

ข้อตกลง Tiffany ประสบความสำเร็จอย่างมาก ความต้องการสินค้าฟุ่มเฟือยยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องจนถึงตอนนี้ ในการประชุมของ LVMH ประจำปี 2022 อาร์โนลต์ได้เรียก Tiffany ว่าเป็น “ไฮไลต์แห่งปี” ของ LVMH โดยกล่าวถึงประสิทธิภาพทางการเงินที่ยอดเยี่ยม รวมถึงรายได้ กำไร และกระแสเงินสดที่สูงขึ้น ในการประชุมประจำปี 2022 อาร์โนลต์ยังกล่าวว่า หาก Tiffany ยังเป็นบริษัทมหาชน ราคาหุ้นจะสูงกว่าราคาที่ LVMH เคยจ่ายถึงสองเท่า 

 

ในขณะเดียวกัน Tesla ซึ่งเป็นแหล่งความมั่งคั่งส่วนใหญ่ของมัสก์ ถูกกดดันจากการที่หุ้นกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มแย่ลง ส่วนหนึ่งเกิดจากการเทขายหุ้นเทคโนโลยีและหุ้นเติบโตอย่างหนัก รวมทั้งผลกระทบจากการจดจ่อกับ Twitter ของมัสก์ ประกอบกับดราม่าของการบริหารบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทำให้นักลงทุนหุ้น Tesla เกิดความกังวลเช่นกัน จนทำให้มูลค่าของ Tesla หายไปมากถึง 70% เมื่อปี 2022 

 

จากข้อมูลของ Bloomberg ความมั่งคั่งของมัสก์ลดลงประมาณ 1.3 แสนล้านดอลลาร์ จากจุดสูงสุดในเดือนเมษายนปี 2022 ทำให้ดีล Twitter เป็นเหมือนหายนะที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  

 

อ้างอิง:

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising