×

เปิดไดอะรี คิปโชเก บนเส้นทางสร้างประวัติศาสตร์มนุษย์คนแรกที่วิ่งจบระยะมาราธอนต่ำกว่า 2 ชั่วโมง

13.10.2019
  • LOADING...
Eliud Kipchoge INEOS 1 59 Challenge

HIGHLIGHTS

8 Mins. Read
  • เอเลียด คิปโชเก กลายเป็นมนุษย์คนแรกที่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์คนแรกที่วิ่งจบระยะมาราธอนด้วยเวลาต่ำกว่า 2 ชั่วโมงได้สำเร็จที่เวลา 1:59:40 ชั่วโมง
  • คิปโชเกได้จดบันทึกไดอะรีผ่านทาง INEOS 1:59 ตลอดการฝึกซ้อม โดยเปิดเผยว่า โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ คือแรงบันดาลใจสำคัญของการทำลายสถิติมาราธอนของเขาในครั้งนี้
  • ส่วนเคล็ดลับของการฝึกจิตวิทยาก่อนแข่งทุกครั้ง คือการคิดว่าตนเองคือนักกีฬาที่ดีที่สุดทุกครั้งก่อนลงแข่งขัน
  • ก่อนจะปิดท้ายด้วยบทสัมภาษณ์ ความหมายของความสำเร็จในวันนี้คือ ถ้าคุณมีความตั้งใจ มุ่งมั่น และเชื่อในสิ่งที่พูดออกมา สิ่งนั้นจะกลายเป็นความจริงได้” 

‘อย่าเป็นเพียงแค่นักวิ่งที่เร็วที่สุดในโลก แต่เป็นนักวิ่งที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์’  

 

คือประโยคที่ THE STANDARD ทิ้งท้ายไว้ในบทความ ที่กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของ เอเลียด คิปโชเก ยอดนักวิ่งชาวเคนยา หลังจากที่ทำลายสถิติโลกมาราธอนในศึกเบอร์ลินมาราธอน ปี 2018 ด้วยเวลา 2:01:39 ชั่วโมง 

 

มาถึงวันที่ 12 ตุลาคมปี 2019 นี้ คิปโชเกก็ได้ทำตามความต้องการของเขาได้สำเร็จ หลังจากที่เขากลายเป็นมนุษย์คนแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถทำลายกำแพงมาราธอนภายในระยะเวลา 2 ชั่วโมงได้สำเร็จในโครงการ INEOS 1:59 Challenge ที่กรุงเวียนนาประเทศออสเตรีย 

 

โดยคิปโชเกทำลายกำแพงความเชื่อว่า ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถวิ่งจบระยะมาราธอนได้ในเวลาต่ำกว่า 2 ชั่วโมงด้วยเวลา 1:59:40 ชั่วโมง และถูกยกย่องให้ขึ้นไปอยู่ร่วมกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์ ทั้งก้าวแรกบนดวงจันทร์ จนถึงการพิชิตเทือกเขาเอเวอเรสต์ครั้งแรก 

 

ซึ่งเราเชื่อว่าหลายคนก็ทราบถึงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง และนวัตกรรมต่างๆ ที่นำมาใช้เพื่อช่วยยกระดับศักยภาพของมนุษย์ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นยอดนักวิ่งมาราธอนที่ดีที่สุดตลอดกาล ก้าวข้ามขีดจำกัดที่ถูกหลายคนตั้งไว้เป็นเวลานานได้สำเร็จ 

 

แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนยกย่องไม่แพ้ทีมงานและนวัตกรรม คือตัวตนของคิปโชเก ที่สามารถรักษาสมาธิและความเร็วได้ตลอดระยะทาง จนนำพามาซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้ 

 

ซึ่งนอกเหนือจากนวัตกรรมในสนาม โครงการ INEOS 1:59 ยังได้เปิดเผยบันทึกประสบการณ์ของคิปโชเก ให้กับสื่อมวลชนทั่วโลก ถึงช่วงเวลาตลอดการฝึกซ้อม THE STANDARD จึงขอนำพาทุกคนตามรอยการเดินทางของมนุษย์คนแรกที่วิ่งจบมาราธอนได้ต่ำกว่า 2 ชั่วโมงได้สำเร็จ 

 

ไดอะรีบทแรก วันที่ 30 พฤษภาคม 2019 โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ ผู้สร้างสถิติวิ่ง 1 ไมล์ภายในเวลา 4 นาที 

 

Eliud Kipchoge INEOS 1 59 Challenge

 

บันทึกเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2019 ช่วงเวลาเดียวกับที่ทีม INEOS 1:59 Challenge เริ่มต้นเก็บตัวฝึกซ้อมที่เคนยา บ้านเกิดของเอเลียด คิปโชเก โดยไดอะรีบทแรกของคิปโชเก ได้กล่าวถึง โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ ผู้สร้างสถิติวิ่ง 1 ไมล์ภายในเวลา 4 นาที เป็นคนแรกของโลก ความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ เปรียบเสมือนหลักกิโลเมตรที่ศูนย์ ที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนทั้งโลก และผู้เป็นแรงบันดาลใจสำคัญของการทำลายกำแพงมาราธอนภายใน 2 ชั่วโมงของคิปโชเกในครั้งนี้

 

“สวัสดีครับทุกคน หลายเดือนต่อจากนี้ ผมจะแบ่งปันประสบการณ์การเดินทางสู่โครงการ INEOS 1:59 ที่ผมหวังว่าจะสร้างประวัติศาสตร์ และกลายเป็นมนุษย์คนแรกที่วิ่งมาราธอนจบในเวลาต่ำกว่า 2 ชั่วโมง” 

 

คิปโชเกเริ่มด้วยการกล่าวทักทาย พร้อมกับความคาดหวังในโครงการนี้

 

“หลังจากชัยชนะที่ลอนดอนมาราธอน ผมพบเจอกับสัปดาห์แห่งความวุ่นวาย ตั้งแต่วันจันทร์หลังจบการแข่งขันผมต้องไปถ่ายทำวิดีโอสำหรับ INEOS ต่อด้วยช่วงบ่าย ผมได้ไปพบกับเจ้าของ INEOS ผู้สนับสนุนหลัก และพนักงานของเขาที่ออฟฟิศ แต่หลังจากนั้นผมก็ได้เดินทางไปยังมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เพื่อแถลงข่าวบน Iffley Road ซึ่งเป็นสนามเดียวกับที่ โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ สร้างสถิติวิ่ง 1 ไมล์ภายในเวลา 4 นาที เป็นคนแรกของโลก 

 

Eliud Kipchoge INEOS 1 59 Challenge

 

“ผมรู้จักกับโรเจอร์ครั้งแรกผ่านการสนทนากันเมื่อปี 2004 สิ่งที่เขาทำไว้มันเป็นสิ่งที่วิเศษมาก ดังนั้นการได้กลับมาเยี่ยมชมสนามแข่งนี้ ที่สร้างประวัติศาสตร์ไว้เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ปี 1954 วันที่โรเจอร์สร้างสถิติไว้จึงเป็นแรงบันดาลใจที่ดีของผมมาก” 

 

ไดอะรีบทที่ 2 วันที่ 21 มิถุนายน 2019 “โลกของเราอยู่ห่างกับความสำเร็จเพียง 25 วินาที” 

 

Eliud Kipchoge INEOS 1 59 Challenge

 

“The world is only twenty-five seconds away.”

 

บันทึกบทที่ 2 ของคิปโชเกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2019 ซึ่งเขาได้เล่าย้อนไปถึงความพยายามครั้งแรกเมื่อปี 2017 ในโครงการ Breaking2 ซึ่งเขาห่างจากความสำเร็จไปเพียง 26 วินาทีเท่านั้น 

 

“ย้อนไปปี 2017 ในการเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์ Nike Breaking2 ผมพยายามอย่างเต็มที่ และวิ่งได้ 2:00:25 ชั่วโมง ผมไม่คาดหวังว่าจะได้รับโอกาสที่ 2 ในปีนี้ เพราะอีเวนต์ที่ใหญ่ขนาดนี้ใช้เวลานานในการจัด แต่ผมก็รู้สึกดีใจที่ INEOS ได้จัดทำขึ้นมา และผมเชื่อว่าครั้งนี้มันจะสำเร็จ 

 

“ตอนที่ผมเข้าร่วมโครงการ Breaking2 หลายคนบอกว่า Sub2 มาราธอนเป็นไปไม่ได้ และผมจำได้ว่าวันนั้นผมรู้สึกเหมือนนักมวยที่กำลังขึ้นสู่สังเวียน และไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น 

 

“แต่ผลที่ออกมา เราห่างจากความสำเร็จไปเพียง 26 วินาที และนั่นเป็นบทพิสูจน์แล้วว่า Sub2 มาราธอนสามารถเป็นไปได้ ผมจึงมีความสุขมากหลังจากวิ่งผ่านเข้าเส้นชัยในวันนั้น 

 

“ผมวิเคราะห์มาตลอดนับตั้งแต่ครั้งนั้น และผมเชื่อว่าจากประสบการณ์ที่มอนซา (Breaking2) ผมจะอยู่ในจุดที่ดีกว่าเดิม และวิ่งได้เร็วกว่าเดิม 26 วินาที เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ 

 

Eliud Kipchoge INEOS 1 59 Challenge

 

“ผมมีความเชื่ออย่างแรงกล้ามาตลอด อะไรก็เป็นไปได้ และความมั่นใจของผมเติบโตขึ้นตลอดเวลา ผมมีความเชื่อมั่นในการเตรียมพร้อม และการวางแผนที่ดี รวมถึงประสบการณ์จากทุกการแข่งขันจะช่วยให้ผมพร้อม 

 

“ผมยังได้รับการสนับสนุนจากทีมผู้สนับสนุนต่างๆ และชุมชนทีมวิ่งจากทั่วโลก ทุกคนมีความเชื่อ และอวยพรผม ในใจและในหัวของผม ผมนึกถึงตัวเองตอนที่ทำลายกำแพง Sub2 อยู่ตลอด ผมรอไม่ไหวแล้วที่จะถึงวันนั้น” 

 

ไดอะรีบทที่ 3 “หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ของผมยังเทียบไม่ได้เลยกับหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของทีม นั่นแหละคือสิ่งที่เรียกว่า ทีมเวิร์ก”

 

Eliud Kipchoge INEOS 1 59 Challenge

 

“One hundred percent of me is nothing compared to one percent of the team.”

 

เป็นอีกหนึ่งประโยคดังของเอเลียด คิปโชเก ซึ่งเขามักจะยืนยันเสมอในการให้สัมภาษณ์ของโครงการ INEOS 1:59 นี้ว่าเป็นผลงานของทีมนักวิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกที่ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ 

 

ซึ่งในบันทึกเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2019 คิปโชเกก็ได้เผยถึงความสำคัญของการทำงานเป็นทีมในกีฬาวิ่ง ที่หลายคนก่อนหน้านี้อาจเชื่อว่าเป็นกีฬาที่ให้ความสำคัญกับการเอาชนะใจตนเองเป็นหลัก 

 

“ประโยชน์อย่างหนึ่งที่ผมได้รับจากการฝึกซ้อมในแคมป์ คือสมาธิของการฝึกซ้อมแบบไร้การรบกวน อีกอย่างคือทีมเวิร์ก ผมสนุกกับการทำงานร่วมกับทีมวิ่ง NN Running Team ในแคมป์ฝึก สำหรับผมแล้วการวิ่งกับคนอื่นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก คุณสามารถวิ่งคนเดียวได้ แต่คุณจะไม่สามารถทำงานได้หนักเท่าเดิมทุกครั้ง นอกเสียจากว่าคุณเป็นอัจฉริยะ

 

“ผมคิดว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฝึกซ้อมอะไรก็ตามเพียงคนเดียว และได้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอ” 

 

ไดอะรีบทที่ 4 วันที่ 19 กรกฎาคม 2019 กีฬาสามารถสร้างความหวังในที่ที่ครั้งหนึ่งเคยสิ้นหวัง

 

Eliud Kipchoge INEOS 1 59 Challenge

 

“Sport has the power to change the world,” Mandela said. “It has the power to inspire. It has the power to unite people in a way that little else does. It speaks to youth in a language they understand. Sport can create hope where once there was only despair.” Nelson Mandela 

 

“กีฬามีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงโลก มีพลังที่จะสร้างแรงบันดาลใจ มีพลังที่จะรวมใจคนเข้าด้วยกัน กีฬามีพลังที่อย่างอื่นไม่มี กีฬาสามารถสื่อสารกับเยาวชนในภาษาที่พวกเขาเข้าใจ กีฬาสามารถสร้างความหวังในที่ที่ครั้งหนึ่งเคยสิ้นหวัง” เนลสัน แมนเดลา

 

คือประโยคที่เอเลียด คิปโชเก เลือกใช้ในการเริ่มต้นไดอะรีบทที่ 4 ของเขาเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2019 ซึ่งเขายอมรับว่าประโยคนี้เองคือเป้าหมายสำคัญของการตัดสินใจสร้างประวัติศาสตร์ด้วยกีฬา โดยเฉพาะเป้าหมายที่เขาต้องการพิสูจน์ว่ามนุษย์เราไร้ขีดจำกัด 

 

“นี่คือโควตที่ผมชื่นชอบมากที่สุด และโควตนี้ถูกแขวนอยู่บนหัวเตียงของผมในแคมป์ฝึกซ้อมเพื่อเป็นแรงบันดาลใจสำคัญ ประโยคนี้เป็นเครื่องเตือนใจว่าผมกำลังพยายามทำอะไรกับโครงการ INEOS 1:59 ว่าโครงการนี้ไม่ใช่เพื่อตัวของผม แต่มันคือการสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ และการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้คนว่าอะไรก็เป็นไปได้ 

 

นอกจากนี้ คิปโชเกยังได้เผยว่า ความสำคัญของการเตรียมพร้อมไม่ได้อยู่ที่การฝึกฝนร่างกายอย่างเดียว แต่การฝึกสมาธิ และสภาพจิตใจก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน 

 

“ก่อนการแข่งขันกรีฑา 5,000 เมตรรอบชิงในศึกกรีฑาชิงแชมป์โลกเมื่อปี 2003 ที่ปารีส แพทริก แซง โค้ชของผมบอกให้ผมมองตัวเองเป็นนักกีฬาที่ดีที่สุด ในการแข่งขันนั้น ผมเอาชนะ เคเนนิซา เบเกเล และ อีชาม เอล เกร์รูจ (Hicham El Guerrouj) สองตำนานของวงการ และคว้าเหรียญทองได้สำเร็จ 

 

“หลังจากวันนั้นผมจะลงสนามแข่งขันพร้อมกับความเชื่อว่าผมจะทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ ตลอด 16 ปีที่ผ่านมา ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และ INEOS 1:59 ก็จะเป็นเช่นเดียวกัน

 

“ผมคิดว่าความรู้สึกนี้เหมือนกับทนายความที่เดินขึ้นศาลพร้อมกับความมั่นใจว่าเขาเตรียมตัวมาอย่างดีที่สุด และเขาเดินเข้าอาคารมาพร้อมความคิดที่ว่าเขาเป็นผู้ชนะแล้ว 

 

ไดอะรีบทที่ 5 วันที่ 16 สิงหาคม 2019 “อย่าหวังที่จะไล่จับกระต่ายพร้อมกัน 2 ตัว” 

 

Eliud Kipchoge INEOS 1 59 Challenge

 

“Don’t chase two rabbits at once.”

 

วันที่ 16 สิงหาคม 2019 คือบันทึกสุดท้ายก่อนที่คิปโชเกจะออกเดินทางสู่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม คิปโชเกเล่าถึงความสำคัญของครอบครัว เพื่อนสนิท และสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้เขารักษาสมาธิ และโฟกัสที่เป้าหมายสำคัญที่สุด ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเข้าสู่เส้นทางของโครงการ INEOS 1:59 

 

“ตอนนี้มีความคาดหวังมากมายรอบตัวของอีเวนต์ มีความกดดันเกิดขึ้น และมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรับมือ แต่ผมก็เคยผ่านจุดนี้มาก่อนกับการเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Breaking2 ผมรู้ว่าผมต้องทำอะไร และสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผมในการรับมือกับความคาดหวังคือการทำทุกอย่างให้เรียบง่าย และปกติ ทำทุกอย่างไปทีละขั้นตอน

 

Eliud Kipchoge INEOS 1 59 Challenge

 

“การเตรียมพร้อมทางด้านสภาพจิตใจของผมมีความท้าทายพอๆ กับการเตรียมพร้อมร่างกาย นี่เป็นสิ่งสำคัญในช่วงเวลา 2 เดือนต่อจากนี้ ที่ผมต้องพูดกับตัวเองอย่างต่อเนื่องว่าผมจะสามารถทำ Sub2 ได้สำเร็จ ผมต้องบอกตัวเองเสมอว่า มันเป็นไปได้

 

“ผมนอนห้องเดียวกับ Augustine Choge หนึ่งใน Pacer ที่จะเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ ซึ่งเป็นคนที่มี Mindset เดียวกับผม เราแทบจะไม่พูดถึงโครงการเลย แต่ในใจเรารู้ดีว่าเราทำได้ 

 

“ตอนที่ผมกลับบ้าน ผมได้พักผ่อน และได้รับการสนับสนุนจากเกรซ ภรรยาของผม และลูกๆ ทั้ง 3 คน 

 

“ช่วงเวลาพักผ่อนเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์ที่ผมใช้เวลาอยู่ในฟาร์ม และก่อนที่วันจะจบลง ผมจะอ่านหนังสือ เหมือนกับที่บางคนรู้ว่าผมเป็นแฟนคลับรถแข่งฟอร์มูลาวัน ตอนนี้ผมก็กำลังอ่านเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และจุดเริ่มต้นของการแข่งขัน” 

 

บทสุดท้าย: วันที่ 12 ตุลาคม 2019 จากการทำงานร่วมกันเราได้ไปถึงดวงจันทร์แล้ว 

 

Eliud Kipchoge INEOS 1 59 Challenge

 

“เอเลียด คิโปเก ในฐานะตัวแทนของ Kenya Civil Aviation Authority เราขออวยพรให้คุณโชคดีกับโครงการ INEOS 1:59 Challenge และนำพาความสำเร็จนั้นกลับมาสู่บ้านเรา”

 

เครื่องบินออกจากเคนยา บ้านเกิดของนักวิ่งวัย 34 ปี ที่กำลังเดินทางไปสร้างสถิติโลกครั้งใหม่สำหรับวงการวิ่ง เมื่อ เอเลียด คิปโชเก นักวิ่งมาราธอนระดับตำนานได้ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ INEOS 1:59 Challenge ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 

 

แม้ว่าการเตรียมพร้อมทุกอย่างจะดำเนินการไปตามแผน รวมถึงภายในงานแถลงข่าวเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม คิปโชเกจะได้ตอบคำถามสื่อมวลชนได้อย่างสุขุม และมีสมาธิแน่วแน่กับเป้าหมายที่เขาต้องการ 

 

แต่สุดท้ายเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 12 ตุลาคม ท่ามกลางการเตรียมพร้อมของทีมผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของวงการกีฬา และนักวิ่งอีก 41 ชีวิตจากทั่วโลกกำลังเตรียมพร้อมทำภารกิจสำคัญ 

 

คิปโชเกก็ได้พบเจอกับความกดดันที่เขาคาดไม่ถึง โดยคืนวันที่ 11 ตุลาคมเขาเข้านอนตามเวลาปกติ 21:00 น. แต่อยู่ดีๆ เขาก็ตื่นขึ้นมาก่อนกำหนดที่ 03:00 น. เขาพยายามพลิกตัวไปมาเพื่อพยายามนอน แต่ความคิดของเขามีแต่ความวุ่นวายอยู่ในหัว และสุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นมา กินเมนูอาหารก่อนแข่งขันตามปกติ และเริ่มต้นนับถอยหลังสู่เวลาออกตัว 08:15 น. 

 

“นั่นเป็นช่วงเวลาที่ยากที่สุดสำหรับผม ผมไม่ผ่อนคลายเลย” คิปโชเกเล่าถึงช่วงเวลาที่เขาพบเจอกับความกดดันไม่กี่ชั่วโมงก่อนการแข่งขัน 

 

ขณะที่ แพทริก แซง โค้ชคู่ใจของคิปโชเก ก็ยอมรับว่าเขาตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น 

 

“ผมกังวลมาก และต้องเข้าห้องน้ำหลายครั้ง” 

 

แต่สุดท้ายทุกอย่างก็เป็นไปตามแผน เอเลียด คิปโชเก ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งการวิ่งที่มีรูปแบบเป็นตัว V กลับหัว และวิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ย 2:50 ได้เกือบตลอดระยะทาง และมุ่งเข้าเส้นชัยด้วยเวลาที่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมงถึง 20 วินาที 

 

หลังจากที่เขาเร่งฝีเท้าในช่วงกิโลเมตรสุดท้าย ผ่านเส้นชัย คิปโชเกโผเข้ากอดภรรยา ก่อนที่เกรซจะกล่าวกับเขาว่า 

 

“ยินดีด้วย คุณทำได้ ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ได้เกิดขึ้นแล้ว” 

 

ภาพของนักวิ่ง Pacer กว่า 40 ชีวิตโผเขากอด และร่วมยกคิปโชเกขึ้นบนฟ้าในฐานะมนุษย์คนแรกที่ได้ทำลายกำแพงการวิ่งมาราธอนในเวลาต่ำกว่า 2 ชั่วโมงได้สำเร็จ 

 

ซึ่งหลังทุกการเฉลิมฉลองภายในสวนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นปอดของกรุงเวียนนาได้จบลง 

 

คิปโชเกก็ได้กล่าวขอบคุณทุกคนว่า 

 

“จากการทำงานร่วมกันเราได้ไปถึงดวงจันทร์แล้ว นี่เป็นประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ และจะถูกแปรเปลี่ยนเป็นพลังบวกไปทั่ว ความหมายของความสำเร็จในวันนี้คือ ถ้าคุณมีความตั้งใจ มุ่งมั่น และเชื่อในสิ่งที่พูดออกมา สิ่งนั้นจะกลายเป็นความจริงได้” 

 

แม้ว่าความสำเร็จของเอเลียด คิปโชเก ในวันนี้จะไม่ได้รับการบันทึกเป็นสถิติโลกอย่างเป็นทางการโดยสหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ หรือ IAAF เนื่องจากการวิ่งครั้งนี้ใช้ทั้ง Pacer นักวิ่งสลับเข้าออกตลอดการวิ่ง และการที่ใช้จักรยานส่งเครื่องดื่มให้นักวิ่ง เป็นการละเมิดระเบียบการแข่งขันของ IAAF 

 

แต่อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จครั้งนี้ของคิปโชเก ก็ได้ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์เป็นที่เรียบร้อย ในฐานะมนุษย์คนแรกที่ทำลายความเชื่อว่ามนุษย์ไม่สามารถวิ่งจบระยะ 42.195 กิโลเมตร ด้วยเวลาต่ำกว่า 2 ชั่วโมง 

 

เปรียบเสมือนกับ เอดมันด์ ฮิลลารี นักปีนเขาชาวนิวซีแลนด์ และ เทนซิง นอร์เก ชาวเชอร์ปา ได้เป็นนักปีนเขาคู่แรกที่สามารถพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้โดยใช้ถังออกซิเจนสำรองในปี 1953 

 

ซึ่งหลังจากนั้น 27 ปีถัดมา ถึงจะมี ไรน์โฮลด์ เมสเนอร์ (Reinhold Messner) ที่ปีนขึ้นยอดเขาเพียงคนเดียวได้สำเร็จ โดยไม่ใช้ถังออกซิเจนสำรอง ไม่ใช้ลูกหาบ รวมทั้งไม่ใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือที่ใช้กันทั่วไป

 

ความสำเร็จของเมสเนอร์ แน่นอนย่อมได้รับการยอมรับว่าเป็นความสำเร็จทางกีฬามากกว่าฮิลลารี และนอร์เก แต่ถามว่าใครกันที่เป็นผู้ที่ถูกจดจำในประวัติศาสตร์โลกมากกว่ากัน? 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising