กิจวัตรประจำวันที่เราทุกคนเรียนรู้ และปฏิบัติมาตลอดตั้งแต่จำความได้กระทั่งเติบโตคือ การแปรงฟัน และการแปรงฟันวันละสองครั้งก็เป็นสิ่งที่ทันตแพทย์แนะนำ เพราะเป็นเรื่องจำเป็นต่อสุขภาพช่องปาก การให้ความสำคัญต่อการเลือกใช้แปรงสีฟันจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการแปรงฟันที่ไม่ดีสามารถนำไปสู่ปัญหาเกี่ยวกับฟันและช่องปากได้สารพัด ทั้งปัญหาฟันผุ คราบหินปูน กลิ่นปาก รวมถึงการอักเสบอื่นๆ เช่น เหงือกอักเสบ ซึ่งปัจจุบันสังเกตว่าคนส่วนใหญ่เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการแปรงฟันมากขึ้น วัดได้จากเทรนด์ตลาดของแปรงสีฟันที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนแปรงสีฟันไฟฟ้า หรือ Electric Toothbrush ได้รับความนิยมไม่มากเท่าทุกวันนี้
หนึ่งปัจจัยสำคัญคือราคาที่ค่อนข้างสูง แต่เมื่อกระแสของแปรงสีฟันไฟฟ้าได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้การแข่งขันในตลาดดุเดือด และประชาชนมีตัวเลือกมากกว่าเดิม ทั้งเรื่องราคาที่จับต้องได้ และคุณสมบัติในการรักษาความสะอาดของฟันและช่องปากที่หลายเสียงเทใจให้แปรงสีฟันไฟฟ้าว่าใช้ดีกว่าแปรงสีฟันธรรมดา ทำให้ THE STANDARD POP อยากพาไปสำรวจข้อดีข้อเสียของแปรงสีฟันไฟฟ้าว่าดีจริงหรือไม่
รู้จักแปรงสีฟันไฟฟ้า Electric Toothbrush อันแรกของโลก
ก่อนอื่นเราอยากพาไปรู้จักกับที่มาของแปรงสีฟันไฟฟ้าอันแรกของโลก ซึ่งเกิดขึ้นในปี 1927 ผลิตโดยบริษัท Electro Massage Toothbrush Company ในประเทศสหรัฐอเมริกา และต่อมาปี 1954 Dr. Philippe Guy Woog ก็ผลิตแปรงสีฟันไฟฟ้าขึ้นในสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงขยายไปในประเทศฝรั่งเศสในเวลาต่อมา โดยแปรงสีฟันไฟฟ้าในยุคแรกๆ นั้น ถูกออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อใช้สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวมือหรือแขนได้เป็นปกติ รวมถึงใช้สำหรับผู้ป่วยทันตกรรมจัดฟัน
ซึ่งหน้าตาของแปรงสีฟันไฟฟ้าในยุคบุกเบิกนั้นค่อนข้างเทอะทะ ด้ามจับมีขนาดเท่ากระบอกไฟฉาย ใช้งานโดยการใช้อุปกรณ์เสียบไฟเข้ากับเต้ารับไฟมาตรฐานในขณะนั้น ต่อมาในปี 1960 ก็เริ่มคิดค้นวิธีชาร์จไฟแบบไร้สาย โดยชาร์จด้วยแบตเตอรี่ แต่ก็พบปัญหาที่ตามมามากมาย ทั้งความถนัดในการจับ รวมถึงอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่สั้นเกินไป จากจุดอ่อนต่างๆ ที่เกิดขึ้นนำไปสู่การที่หลายๆ บริษัทพัฒนาแปรงสีฟันไฟฟ้าให้ดีกว่าเดิม กระทั่งมีการผลิตแปรงสีฟันอัลตราโซนิกเครื่องแรกที่เรียกว่า Ultima ขึ้นมา และต่อมาก็ได้รับการจดสิทธิบัตรในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1992 และได้รับอนุญาตจาก FDA ให้ใช้ในชีวิตประจำวันที่บ้านได้
*(FDA ย่อมาจาก Food and Drug Administration หมายถึง องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหน่วยงานจากรัฐบาลกลาง โดยคอยทำหน้าที่สอดส่องดูแลสวัสดิภาพด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับการใช้ยา อาหาร อุปกรณ์ทางการแพทย์ และเครื่องสำอางต่างๆ ของชาวอเมริกัน) โดยในปัจจุบันนับว่าแปรงสีฟันไฟฟ้ามีการพัฒนาแบบก้าวกระโดดและทันสมัยกว่าเดิมมาก จนกลายเป็นเทรนด์ยอดนิยมที่ทุกคน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าแทนแปรงสีฟันแบบเดิมๆ ในชีวิตประจำวันกันอย่างแพร่หลาย
แปรงสีฟันไฟฟ้าน่าสนใจแห่งปี 2020
เว็บไซต์ Digital Trends มีการเปิดเผยสุดยอดแปรงสีฟันไฟฟ้าสำหรับปี 2020 โดยแบ่งแยกออกเป็นแต่ละประเภทตามคุณสมบัติที่ใช้งานแตกต่างกันไว้อย่างน่าสนใจ เช่น แปรงสีฟันไฟฟ้าที่มีการใช้งานโดยรวมดีที่สุด, แปรงสีฟันไฟฟ้าที่แก้ปัญหาไหมขัดฟันดีที่สุด, แปรงสีฟันไฟฟ้าที่ดีที่สุดสำหรับฟันบอบบาง, แปรงสีฟันไฟฟ้าที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ดีสุด, แปรงสีฟันไฟฟ้าที่ราคาเป็นมิตรที่สุด และตัวเลือกของแปรงสีฟันไฟฟ้าที่เหมาะกับเด็กมากที่สุด เราจะพาไปดูสุดยอดแปรงสีฟันไฟฟ้าแต่ละประเภทดังนี้
แปรงสีฟันไฟฟ้าที่มีการใช้งานโดยรวมดีที่สุด
Oral-B Pro 1000 คือแปรงสีฟันที่หน้าตาอาจจะไม่สวยงามหรูหรา แต่นี่คือแปรงสีฟันไฟฟ้าที่ออกแบบมาเพื่อทุกคนที่ต้องการจะดูแลสุขภาพช่องปากที่เหนือกว่าวิธีแปรงฟันแบบธรรมดา มันมาพร้อมการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ สามารถเข้าถึงจุดที่เข้าถึงยากที่สุด ความดีงามคือมันจะส่งเสียงเตือนเบาๆ ทุกๆ 30 วินาที เพื่อเตือนให้เรารู้ว่าพร้อมจะเข้าสู่จุดต่อไปในช่องปาก และหยุดเมื่อแปรงครบเวลา 2 นาที และถ้าเรากดแปรงด้วยน้ำหนักที่แรงเกินไป แปรงจะหยุดหมุนทันที เพื่อเตือนให้รู้ว่าการกดแรงไป มีผลต่อความเสี่ยงทำให้เหงือกระคายเคือง ซึ่งแปรงรุ่นนี้สามารถใช้งานร่วมกับหัวแปรงอื่นๆ ได้ถึง 9 แบบด้วยกัน เพื่อให้เข้ากับสภาพฟันของแต่ละคน รวมถึงหัวแปรงสำหรับคนจัดฟันก็มีให้เลือกใช้ด้วย (ราคา 5,990 บาท)
แปรงสีฟันไฟฟ้าที่แก้ปัญหาไหมขัดฟันดีที่สุด
Waterpik Complete Care 9.0 คือแปรงสีฟันไฟฟ้าที่ตอบโจทย์คนที่ชอบใช้ไหมขัดฟันมาก เพราะเป็นการรวมการแปรงฟันและการใช้ไหมขัดฟันไว้ในหนึ่งไอเท็ม โดยจะมี 3 โหมดให้เลือกใช้ ที่ครอบคลุมทั้งการทำความสะอาดและการขัดฟันขาว คนที่ชอบขัดฟันด้วยวิธีเดิมๆ อย่างไหมขัดฟันอาจจะลืมการใช้ไหมขัดฟันไปตลอดกาล เพราะไอเท็มนี้มาพร้อมเทคนิคการพ่นน้ำขนาดเล็กที่ทรงพลังในการกำจัดคราบจุลินทรีย์ เศษอาหาร และแบคทีเรียได้อย่างง่ายดาย (ราคา 4,790-6,190 บาท)
แปรงสีฟันไฟฟ้าที่ดีที่สุดสำหรับฟันบอบบาง
ใครเป็นคนที่มีฟันบอบบาง แนะนำ ISSA 2 Toothbrush ซึ่งผลิตโดย Foreo เจ้าดังที่เป็นเจ้าแม่ด้านแปรงล้างหน้า คราวนี้มาทำแปรงสีฟันไฟฟ้าสำหรับฟันที่ต้องการการทำความสะอาดแบบอ่อนโยน ซึ่งใช้ซิลิโคนในการผลิต และมีหัวแปรงแบบผสมที่ช่วยให้การแปรงฟันเป็นไปอย่างนุ่มนวล และสามารถใช้นวดเหงือกได้เป็นอย่างดี จุดเด่นมีการปรับอายุการใช้งานแบตเตอรี่จากเดิมคือใช้แบตได้นาน 6 เดือน มาเป็นการพัฒนาแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานถึง 365 วันหรือหนึ่งปี มีการอ้างอิงจากการสำรวจวิจัยของ Foreo เองพบว่า แปรงซิลิโคนของ ISSA นั้นถูกสุขอนามัยมากกว่าแปรงสีฟันปกติถึง 35 เท่า และการเปลี่ยนหัวเพียงปีละครั้ง เมื่อเทียบกับราคาก็ถือว่าคุ้มค่าแก่การลงทุนสุดๆ (ราคา 6,034 บาท)
แปรงสีฟันไฟฟ้าที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ดีที่สุด
Oral-B Genius Pro 8000 ได้เครดิตที่ค่อนข้างดีต่อเนื่องจากกระแสรีวิวในโลกออนไลน์ รวมถึงการเมนชันถึงโดยเว็บไซต์ Digital Trends ก็ทำให้น่าสนใจว่าแปรงสีฟันไฟฟ้ารุ่นนี้มีดีอย่างไร ความอัจฉริยะเหมือนชื่อแปรงที่เด่นชัดสุดคือการใช้บลูทูธร่วมกับแอปพลิเคชัน Oral-B เพื่อการแปรงฟันที่ดีที่สุด ผ่านการตรวจจับตำแหน่งที่น่าทึ่ง ควบคู่ไปกับการสร้างแผนที่ใบหน้าในการทำงานของแปรง ที่จะให้คำแนะนำแบบเรียลไทม์ถึงจุดที่ควรจะแปรงถัดไป และฟันที่ทำความสะอาดแล้ว Smart Ring หลากสีที่ดูผ่านแอปฯ ทางหน้าจอมือถือจะทำหน้าที่เซนเซอร์ จับเวลา เพื่อตรวจสอบและปรับปรุงวิธีการแปรงฟันให้ เมื่อเวลาผ่านไปแปรงจะทำความรู้จักกับนิสัยการทำความสะอาดของเราได้ และจะให้คำแนะนำเราเพื่อให้การแปรงฟันถูกต้องตามที่ทันตแพทย์แนะนำ ประกอบไปด้วย 6 โหมดการทำงานที่ปรับเปลี่ยนได้ง่าย พกพาเดินทางสะดวก และดูทันสมัยสุดๆ (ราคา 7,290 บาท)
ส่วนแปรงสีฟันไฟฟ้าที่ราคาเป็นมิตรที่สุด ในบ้านเรามีหลากหลายแบรนด์ ส่วนมากจะเป็นหัวแปรงแบบสั่น หรือหมุน ซึ่งจะมีราคาที่ไม่แพงเกินไป สำหรับคนที่มีงบจำกัดก็สามารถเริ่มต้นจากแบบนี้ได้ ราคาเริ่มตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงพันต้นๆ การชาร์จมีทั้งแบบเปลี่ยนถ่านซึ่งพกพาง่ายเวลาเดินทาง และแบบชาร์จแบตฯ ซึ่งจะใช้งานได้ทนทานกว่า ไม่ต้องเปลี่ยนถ่านบ่อยๆ ซึ่งอาจใช้งานได้นาน 7-10 วันต่อการชาร์จแบตฯ หนึ่งครั้ง และมีความเสถียรมากกว่า
We Say: ถ้าเป็นแปรงสีฟันไฟฟ้าที่กำลังฮิตในประเทศไทย หนีไม่พ้นแปรงยี่ห้อ Xiaomi รุ่น Soocare X3 ซึ่งมาพร้อมคุณสมบัติชาร์จไฟแบบไร้สาย จุดเด่นคือได้รับการรับรองจาก FDA ของสหรัฐอเมริกา วัยรุ่นไทยชอบกันมาก เห็นได้จากรีวิวตามโลกออนไลน์ที่มียอดไลก์ยอดแชร์กระหน่ำ รวมไปถึงยอดขายที่พุ่งสูง โดยมีการทำงานที่ตอบโจทย์ครบ เนื่องจากหัวแปรงเป็นแบบโซนิกที่สามารถปล่อยคลื่นเสียงในการกำจัดคราบหินปูน มีระบบสั่นเพื่อเตือนให้เปลี่ยนจุดแปรงทุกๆ 30 วินาที
(ราคา 1,350 บาท)
ข้อควรระวังในการซื้อแปรงสีฟันไฟฟ้า
- ควรศึกษาประเภทของแปรงสีฟันไฟฟ้าแบบต่างๆ ที่เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเอง
- ควรซื้อแปรงสีฟันไฟฟ้าที่ได้รับมาตรฐาน และเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ งดซื้อของเลียนแบบหรือของปลอม
- ศึกษาคู่มือวิธีใช้ให้ละเอียด ควรใช้แปรงให้ถูกต้อง ไม่กดน้ำหนักแรงไป หรือไม่แปรงไว้นานเกินเวลาที่กำหนดคือ 2 นาที เพราะอาจส่งผลเสียต่อเหงือกและฟัน
- สำหรับมือใหม่ ควรใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าในโหมดสั่นระดับเบาสุดก่อน
ภาพ: Courtesy of Brand
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: