วันนี้ (13 กันยายน) THE STANDARD ติดตามคณะนักลงทุนญี่ปุ่น 500 ราย นำโดย ฮิโรชิเกะ เซโกะ รมว. กระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ลงพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อลงพื้นที่จริงและรับฟังข้อมูลนโยบายการพัฒนาอีอีซี ที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา พร้อมสำรวจพื้นที่ที่เอื้อต่อการลงทุนในเขตนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง นิคมอุตสาหกรรมเหมราช สํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ และสำนักงานวิทยสิริเมธี
ซึ่งมีสนามบินอู่ตะเภา เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานที่จะพัฒนาเพื่อรองรับอีอีซี ใช้งบประมาณในการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภากว่า 2 แสนล้านบาท โดยวางแผนให้สนามบินอู่ตะเภา เป็นสนามบินหลักแห่งที่ 3 ของไทย ต่อจากดอนเมืองและสุวรรณภูมิ เชื่อมต่อ 3 สนามบินด้วยรถไฟความเร็วสูง
อุตตม สาวนายน รมว. กระทรวงอุตสาหกรรม เผยขณะนี้กำลังเร่งผลักดันให้เกิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 5 โครงการหลักเพื่อให้มีความพร้อมต่อการลงทุนเร็วที่สุด ได้แก่
- การก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3
- การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
- การพัฒนา 3 ท่าเรือ
- โครงการดึงดูดอุตสาหกรรมเป้าหมาย
และ 5. การพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
พร้อมเปิดเผยด้วยว่าช่วง 5 เดือนแรกของการตั้งสำนักงานอีอีซี มีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนไปแล้วทั้งสิ้น 160 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 23,400 ล้านบาท และเป็นคำขอใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายกว่า 14,200 ล้านบาท
สำหรับบริษัทที่ลงทุนในอีอีซีแล้วและสามารถเปิดเผยได้ อาทิ โตโยต้า ที่ลงทุนในรถยนต์ไฮบริด HEV แล้ว
นอกจากนี้ยังมีสัญญาณที่ดี ที่คาดว่าจะมีการลงนามในสัญญาร่วมทุนกับบริษัทโบอิ้ง และทีจีแอร์บัสในเดือนมีนาคม 2561 รวมทั้ง บริษัทไมโครซอฟท์, ไอบีเอ็ม และ Amazon.com
ที่คาดว่าจะลงนามความร่วมมือในเดือนกันยายนนี้ ในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรม (EECd)
รู้จัก ‘อีอีซี’ โครงการความหวังเศรษฐกิจไทย 1.5 ล้านล้านบาท ภาคต่อของ ‘อีสเทิร์นซีบอร์ด’ ยุคป๋าเปรม
อ้างอิง: