วันนี้ (9 มิถุนายน) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (สำนักงาน กกต.) แสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. กล่าวภายหลังถึงกรณีที่ กกต. มีมติให้มีการนับคะแนนใหม่ 47 หน่วยเลือกตั้งใน 16 จังหวัดที่มีปัญหานั้น ประชาชนจะสามารถเข้าไปสังเกตการณ์ได้หรือไม่ แสวงกล่าวว่า ในวันที่ 11 มิถุนายนที่จะมีการนับคะแนนใหม่ ประชาชนสามารถเข้าไปร่วมสังเกตการณ์ได้เหมือนเดิม และในส่วนของสำนักงาน กกต. เองก็จะมีการบันทึกภาพและวิดีโอไว้ทุกขั้นตอน เพื่อเป็นหลักฐานและใช้ประโยชน์ต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการเปลี่ยนสโลแกนจาก ‘สุจริต โปร่งใส เที่ยงธรรม’ เป็น ‘สุจริต เที่ยงธรรม ชอบด้วยกฎหมาย’ ว่าเหตุใดจึงเอาคำโปร่งใสออก แสวงกล่าวว่า สำหรับสโลแกนนั้นความสุจริตและเที่ยงธรรมรวมคำว่าโปร่งใสอยู่แล้ว พร้อมทั้งมองว่าไม่แตกต่างจากสิ่งที่เราทำอยู่ เราจะใช้สโลแกนว่าอย่างไร แต่สิ่งที่เราได้แสดงออกในการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งที่เราทำอย่างสมควรมีเกียรติหรือไม่
แสวงกล่าวต่อไปว่า เรื่องความโปร่งใสนั้นพิจารณาได้จาก 2 อย่าง คือ หลังการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา สำนักงาน กกต. ได้แสดงให้เห็นแล้ว โปร่งใสที่ 1 เห็นได้ด้วยตา ทุกคนสามารถไปสังเกตการณ์ที่หน่วยการเลือกตั้งได้ และความโปร่งใสที่ 2 คือ มีระบบการตรวจสอบได้ว่ากระบวนการที่เราดำเนินการอยู่นั้นเมื่อประชาชนสงสัยสามารถตรวจสอบได้ด้วยตนเองหรือเดินทางมาตรวจสอบที่สำนักงาน กกต. ได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่ากรณีที่ กกต. สั่งให้มีการคะแนนนับใหม่ ถูกมองว่าดึงเกมทางการเมืองและรับรองผลการเลือกตั้งได้เมื่อไรนั้น แสวงกล่าวว่า นับตั้งแต่วันเลือกตั้งและประกาศผลอย่างเป็นทางการที่แต่ละเขตได้รวบรวมคะแนนส่งมา สำนักงาน กกต. ไม่ได้หยุดนิ่ง และได้ตระหนักถึงประชาชนที่ยังเฝ้ารอการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในช่วงเวลาใด แม้ว่ากฎหมายจะให้เวลาในการทำงาน 60 วัน หรือถึงวันที่ 13 กรกฎาคมนี้
แสวงกล่าวต่ออีกว่า การทำงานของ กกต. ในการนับคะแนนใหม่นั้นได้มีการตรวจสอบและเสนอคณะกรรมการเพื่อพิจารณา ซึ่งเป็นการตรวจสอบหลังจากที่มีการรวมผลคะแนนแล้ว และพบว่ามีคะแนนไม่ตรงกับบัตรเลือกตั้งและจำนวนประชาชนที่มาใช้สิทธิ จึงสั่งให้มีการนับคะแนนใหม่ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 124 ไม่สามารถงดเว้นได้ แม้ว่าจะไม่ทำให้คะแนนเปลี่ยนแปลงไป ส่วนที่มีการแสดงความคิดเห็นว่าเป็นการดึงเกมและทำให้ประกาศผลการเลือกตั้งล่าช้านั้น กรณีที่มีการนับคะแนนใหม่นั้นไม่กระทบ แต่เรื่องการประกาศผลนั้น ในชั้นสำนักงานฯ ได้เร่งรัดเสนอเพื่อให้ กกต. ได้พิจารณาภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งตามขั้นตอนทยอยพิจารณาจากกลุ่มว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่ไม่มีเรื่องร้องเรียนก่อน และมั่นใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามเวลาที่ควรจะเป็น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการถือหุ้นสื่อของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล แสวงกล่าวว่า เรื่องนี้มีปัญหาทางเทคนิคอยู่ คือผู้ร้องมาร้องก่อนวันเลือกตั้ง ซึ่งกรณีมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติต้องร้องภายใน 7 วัน ก่อนวันเลือกตั้ง ซึ่งสำนักงาน กกต. ก็ต้องพิจารณาว่าสิ่งที่ร้องมีเหตุหรือมีมูลที่จะดำเนินการต่อไปหรือไม่ เพื่อเสนอให้ กกต. พิจารณา และทาง กกต. มีความเห็นว่าให้ทำให้รอบคอบและเสนอขึ้นไปใหม่ ส่วน กกต. จะรับไว้พิจารณาหรือไม่ เป็นอีกประเด็น และถ้ารับแล้วจะผิดหรือถูก ก็เป็นอีกประเด็น ดังนั้นเรื่องนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของสำนักงาน กกต.
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวว่าจะมีการดำเนินการข้อหารู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส. แต่ยังคงลงรับสมัคร ตามมาตรา 151 แสวงกล่าวว่า เรื่องการมีลักษณะต้องห้ามของการลงสมัคร หากเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งต้องส่งศาลฎีกาวินิจฉัย แต่หลังเลือกตั้งก่อนการประกาศผลยังเป็นช่องโหว่อยู่ ซึ่งสำนักงาน กกต. ก็คิดว่าหากมีการยื่นจะทำอะไรได้บ้าง ซึ่งสามารถทำคดีอาญา ตามมาตรา 151 ได้ ส่วนถ้าประกาศรับรองผลไปแล้ว การให้พ้นจาก ส.ส. ก็ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 คือสมาชิกรัฐสภา 1 ใน 10 เข้าชื่อ เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ กกต. ก็สามารถยื่นได้ แต่เราต้องมีพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าขณะนี้ กกต. กำลังพิจารณาควบคู่ ระหว่างคดีอาญา ตามมาตรา 151 และคดีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ แสวงกล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าคดีคุณสมบัติฯ ยังพิจารณาไม่ได้ ตอนนี้พิจารณาได้เฉพาะคดีอาญา ตามมาตรา 151 แต่คดีคุณสมบัติฯ ยังทำไม่ได้ เพราะยังไม่เป็น ส.ส.
“ตามคำร้องร้องว่าคุณไม่มีคุณสมบัติในการลงสมัคร ส.ส. เพราะคุณมีลักษณะต้องห้ามที่กฎหมายกำหนด เมื่อคุณไม่มีคุณสมบัติก็จะไปสู่ข้อหารู้อยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติแต่ยังลงสมัคร ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 151 แต่เรื่องของการพ้น เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ซึ่งตอนนี้ยังเป็นอนาคตที่มาไม่ถึง ยังไงก็ต้องประกาศผลให้เป็น ส.ส. ไปก่อน เพราะพ้นในช่วงการยื่นของศาลฎีกามาแล้ว กกต. ไม่มีอำนาจไม่ประกาศ แต่สามารถพิจารณาคดีอาญาได้” แสวงกล่าวทิ้งท้าย
