Echo ซีรีส์เรื่องล่าสุดจาก Marvel Studios และยังเป็นผลงานเรื่องแรกภายใต้แบรนด์ใหม่อย่าง Marvel Spotlight ซึ่งจะโฟกัสไปที่ตัวละครฮีโร่ระดับท้องถนน มีเรื่องราวที่สมจริงสมจังมากขึ้น และไม่ได้เชื่อมโยงกับจักรวาล MCU มากนัก โดยซีรีส์ได้ Sydney Freeland และ Catriona McKenzie มารับหน้าที่ผู้กำกับ พร้อมด้วย Alaqua Cox และ Vincent D’Onofrio กลับมารับบทเป็นนักสู้หญิงหูหนวกนาม Maya Lopez และเจ้าพ่ออาชญากร Kingpin เช่นเดิม หลังจากที่พวกเขาได้เปิดตัวในจักรวาล MCU มาแล้วในซีรีส์ Hawkeye (2021)
Echo ว่าด้วยเรื่องราวต่อจากเหตุการณ์ในซีรีส์ Hawkeye เมื่อ Maya ตัดสินใจสังหาร Kingpin เธอก็ตัดสินใจออกเดินทางสู่บ้านเกิดในชุมชนเล็กๆ ของชนเผ่าช็อกทอว์ที่โอคลาโฮมา เพื่อทำเป้าหมายบางอย่างให้สำเร็จ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นให้เธอต้องเผชิญกับอดีตอันเจ็บปวด
ในบรรดาซีรีส์จาก MCU มากมายหลายเรื่อง Hawkeye คือหนึ่งในผลงานที่ส่วนตัวผู้เขียนชื่นชอบมากที่สุด ทั้งเรื่องราวของ Clint Barton (Jeremy Renner) และ Kate Bishop (Hailee Steinfeld) ที่ทำให้เราหลงรักและอยากเอาใจช่วย การผสมผสานความดราม่า คอเมดี้ และแอ็กชันออกมาได้อย่างกลมกล่อม ไปจนถึงเหล่าตัวละครโดยรอบอย่าง Yelena (Florence Pugh), Kingpin และ Maya ที่เข้ามาเติมเต็มให้ซีรีส์น่าติดตามมากขึ้น
และหากลองโฟกัสที่เฉพาะตัวละคร Maya จุดเด่นที่ตัวละครนี้เข้ามาช่วยเติมเต็มซีรีส์ Hawkeye อย่างเด่นชัดเห็นจะเป็นด้านแอ็กชันที่ดุเดือด โดยเฉพาะฉากเปิดตัวของเธอที่ต้องประมือกับ Clint และ Kate ซึ่งเป็นการเปิดตัวที่สร้างความสนใจแก่เราได้ในทันที
ขณะเดียวกันการผูกโยงปมปัญหาของเธอเข้ากับ Clint และ Kingpin ซึ่งได้นักแสดงอย่าง Vincent D’Onofrio จากซีรีส์ Daredevil (2015) ฉบับ Netflix กลับมารับบทเดิมอีกครั้ง ก็เป็นองค์ประกอบที่ชวนให้เราอยากติดตามต่อว่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง Maya และ Kingpin เป็นอย่างไร และทีมสร้างจะหยิบสองตัวละครนี้มาต่อยอดอย่างไรในอนาคตเช่นกัน
มาถึงซีรีส์ Echo ความยาว 5 ตอน จุดเด่นสำคัญของซีรีส์คือการพาผู้ชมไปทำความรู้จักกับ Maya อย่างครบถ้วน ทั้งเรื่องราววัยเด็กที่ต้องเผชิญกับความสูญเสีย และทำให้เกิดรอยร้าวภายในครอบครัวของตัวเอง จนนำมาสู่การต้องออกเดินทางจากบ้านเกิดมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในนิวยอร์ก และได้มาพบกับ Kingpin ซึ่งค่อยๆ พาเราไปติดตามการเติบโตของเธอที่มี ‘ความแค้น’ และ ‘ความรุนแรง’ เป็นแรงผลักดันสำคัญ และปลูกปั้นให้เธอเป็นเธอในปัจจุบัน
ขณะเดียวกันซีรีส์ยังนำเสนอวัฒนธรรมของชนพื้นเมืองอเมริกันเข้ากับเส้นเรื่องหลักของตัวละครได้น่าสนใจเช่นกัน กับการส่งต่อพลังจากบรรพบุรุษถึงคนรุ่นหลัง เพื่อปูที่มาที่ไปเกี่ยวกับความสามารถของเธอ ไปพร้อมกับการฉายภาพความสัมพันธ์ระหว่าง Maya และผู้เป็นแม่ ซึ่งเสริมให้ซีรีส์ Echo เป็นผลงานที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวเมื่อเทียบผลงานของ MCU เรื่องอื่นๆ
ส่วนจุดที่เราคิดว่าเป็นทั้งจุดเด่นและข้อสังเกตของซีรีส์ เห็นจะเป็นฉากแอ็กชันที่ดุเดือดและรุนแรง โดยเฉพาะฉากปะทะกันของ Maya และ Daredevil ในตอนแรกที่ออกแบบการต่อสู้ มุมกล้อง และการตัดต่อออกมาได้สนุกสนานและลื่นไหล ไปจนถึงฉากแอ็กชันบนลานสเกตที่โดดเด่นไม่แพ้กัน
แต่เรื่องน่าเสียดายก็คือตัวซีรีส์ค่อนข้างใส่ฉากแอ็กชันเข้ามาน้อยเกินไปสักหน่อย อย่างในฉากที่ Maya แอบบุกขึ้นรถไฟขนของที่ดูเหมือนทีมสร้างจะพยายามให้เป็นหนึ่งในฉากไฮไลต์ของเรื่อง แต่การออกแบบฉากดังกล่าวก็ไม่ได้ชวนลุ้นระทึกมากนัก รวมถึงฉากแอ็กชันสุดท้ายของเรื่องเองก็ดูจะถูกเล่าแบบรวบรัดตัดตอนไปพอสมควร จนเราแอบเสียดายที่ไม่ได้เห็น Maya ใช้พลังของตัวเองอย่างเต็มที่
นอกจากฉากแอ็กชันแล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่น่าเสียดายไม่แพ้กัน คือพาร์ตความสัมพันธ์ระหว่าง Maya และลูกพี่ลูกน้องอย่าง Bonnie (Devery Jacobs) ที่ดูเหมือนว่าซีรีส์จะพยายามปูเรื่องราวและให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ตั้งแต่แรก แต่ทีมสร้างก็ไม่ได้เล่าหรือขยายความให้เราเห็นถึงความผูกพันมากเท่าไรนัก
ในภาพรวมแล้ว Echo เป็นซีรีส์ที่พาเราไปทำความรู้จักเรื่องราวของ Maya ค่อนข้างครบถ้วน ทั้งการเผชิญกับความสูญเสียตั้งแต่วัยเด็ก การถูกสั่งสอนให้รู้จักแต่การต่อสู้และความรุนแรง ไปจนถึงการวนเวียนอยู่กับการล้างแค้น จนทำให้ Maya มีมิติที่น่าสนใจ แต่ขณะเดียวกันสิ่งที่ควรจะเป็นจุดขายของเรื่องอย่างฉากแอ็กชันที่แม้จะออกแบบมาสนุกสนาน แต่ซีรีส์กลับใส่เข้ามาน้อยเกินไปสักหน่อย
สามารถรับชมซีรีส์ Echo ทั้ง 5 ตอนได้แล้วทาง Disney+ Hotstar
รับชมตัวอย่างได้ที่:
ภาพ: Marvel Studios
