‘พลังงานหมุนเวียน’ กำลังเป็นเทรนด์ที่อยู่ในความสนใจของผู้บริโภค เพราะเชื่อว่าจะเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่ไม่ทำให้เกิดมลพิษให้กับโลกไปมากกว่านี้
‘เชื้อเพลิงฟอสซิล’ เช่น ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ เร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสมดุลของธรรมชาติ มนุษย์ และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ บนโลก
สิ่งที่น่าตกใจคือ การผลิตพลังงานไฟฟ้าและพลังงานความร้อนโดยการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกในปริมาณมาก พลังงานไฟฟ้าส่วนใหญ่ยังคงผลิตมาจากการเผาไหม้ถ่านหิน น้ำมัน หรือก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีอานุภาพในการห่มคลุมโลก และดักเก็บความร้อนจากดวงอาทิตย์
ในขณะที่พลังงานไฟฟ้าที่ใช้กันทั่วโลกมีประมาณ 1 ใน 4 ส่วนเท่านั้นที่ผลิตจากพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และแหล่งพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ โดยพลังงานเหล่านี้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือมลพิษออกสู่อากาศเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย
เดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน
สำหรับ ‘บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)’ หรือ ‘เอ็กโก กรุ๊ป’ ตระหนักดีว่าธุรกิจผลิตไฟฟ้าและพลังงานมีส่วนสำคัญในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
“ตลอด 30 ปีของการดำเนินธุรกิจ เอ็กโก กรุ๊ป ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นทางในการทำธุรกิจ เพราะเรามีความเชื่อเรื่อง ‘ต้นทางดี จะก่อกำเนิดผลลัพธ์ปลายทางดี’ ไม่ว่าจะเป็นการกระจายเชื้อเพลิง (ทั้งพลังงานดั้งเดิมและพลังงานหมุนเวียน) ในการผลิตไฟฟ้าให้สมดุล เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงาน การเพิ่มการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่องทุกปี และการก่อตั้งมูลนิธิไทยรักษ์ป่า เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำสำคัญของประเทศมานานกว่า 20 ปี” เทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป กล่าว
ดังนั้น เอ็กโก กรุ๊ป จึงเร่งขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติให้พร้อมตอบสนองต่อการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมพลังงาน ภายใต้ทิศทางการดำเนินธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน ด้วยแนวคิด ‘Cleaner, Smarter and Stronger to Drive Sustainable Growth’ ด้วยการกำหนดเป้าหมาย ได้แก่
- เป้าหมายระยะกลาง: เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% และลดการปล่อยปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตได้ (Carbon Emission Intensity) ลง 10% ภายในปี 2573
- เป้าหมายระยะยาว: บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี 2593
อุตสาหกรรมไฟฟ้าและพลังงานกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน
เทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยต่อว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมไฟฟ้าและพลังงานอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยได้รับแรงกดดันจากปัจจัย 5 ด้าน หรือ 4D+1E ได้แก่
- Digitalization: การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว
- Decarbonization: กระแสลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจก เนื่องจากปัญหาโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- Decentralization: การกระจายศูนย์ของแหล่งผลิตพลังงาน
- Deregulation: การปรับปรุงกฎระเบียบในด้านต่างๆ
- Electrification: ความนิยมใช้พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น
จากปัจจัย 4D+1E ที่ได้กล่าวมาข้างต้น ทำให้ตลาดพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดกำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับหลายประเทศทั่วโลกได้มีนโยบายสนับสนุนอย่างจริงจัง เช่น สหรัฐอเมริกามีกฎหมายว่าด้วยการปรับลดเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act) ที่มุ่งเป้าเรื่องสิ่งแวดล้อมและการส่งเสริมพลังงานสะอาดครั้งใหญ่
ด้านประเทศไทยก็มีการจัดทำแผนพัฒนาพลังงานชาติ เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดเช่นกัน
ลงทุนเพื่อค้นหาแหล่งพลังงานหมุนเวียนจากทั่วโลก
สำหรับโรดแมปการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) เอ็กโก กรุ๊ป ให้ความสำคัญกับการขยายพอร์ตโฟลิโอธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดทั้งในไทยและต่างประเทศ จนปัจจุบันมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,424 เมกะวัตต์ ทั้งจากชีวมวล พลังงานน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานความร้อนใต้พิภพ และเซลล์เชื้อเพลิง คิดเป็นสัดส่วนกว่า 22% ของกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 6,377 เมกะวัตต์
ดังเช่นในปี 2564 เอ็กโก กรุ๊ป ได้ลงทุนผ่านการถือหุ้น 17.46% ใน ‘เอเพ็กซ์ คลีน เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง’ (APEX) ผู้พัฒนาพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งดำเนินธุรกิจด้วยการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน ตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงเริ่มดำเนินการก่อสร้าง (Notice to Proceed-NTP) หรือเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date-COD) แล้วขายโครงการที่พัฒนาเหล่านั้นให้แก่นักลงทุนอื่น
ในปัจจุบัน เอเพ็กซ์ได้ขายโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ มูลค่ารวมกว่า 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีโครงการพลังงานสะอาดหลากหลายประเภทที่อยู่ระหว่างการพัฒนา จำนวนมากกว่า 50,000 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเป็นฐานในการต่อยอดการลงทุนในโครงการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดอื่นๆ ของเอ็กโก กรุ๊ป ในสหรัฐอเมริกาในอนาคต
สำหรับในประเทศไทย เอ็กโก กรุ๊ป มีแผนที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียนของภาครัฐในประเทศไทย โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์และระบบแบตเตอรี่กักเก็บพลังงานด้วย
ขณะเดียวกัน เอ็กโก กรุ๊ป มีนโยบายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงดั้งเดิมที่ถือหุ้นอยู่ ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนและนำมาใช้กับโรงไฟฟ้า เช่น เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage-CCS) และการศึกษาเพื่อนำไฮโดรเจนและแอมโมเนียมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผสมเพื่อลดการปลดปล่อยคาร์บอน เป็นต้น รวมถึงการศึกษาและพัฒนาพลังงานทางเลือกอื่นๆ เช่น ไฮโดรเจน แอมโมเนีย และการผลิตไฟฟ้าจากเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor-SMR) ซึ่งเป็นพลังงานที่ไม่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ มีเสถียรภาพ และราคาเริ่มแข่งขันได้
เดินหน้าศึกษาการใช้ ‘ไฮโดรเจน’
นอกเหนือจากพลังงานหมุนเวียนที่กล่าวมาแล้ว สิ่งที่น่าสนใจคือ เอ็กโก กรุ๊ป กำลังศึกษา ‘ไฮโดรเจน’ เพื่อเป็นพลังงานทางเลือกในอนาคตสำหรับการผลิตไฟฟ้า
การที่ไฮโดรเจนมีศักยภาพเป็นแหล่งพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้หลายประเทศทั่วโลกได้มีการประกาศแผนหรือนโยบายสนับสนุนการผลิตและการใช้งานที่เกี่ยวข้องกับไฮโดรเจน เพื่อเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และผลักดันให้ประเทศมุ่งสู่การปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) อาทิ
- สหรัฐอเมริกา ได้มีการจัดทำแผนที่นำทางเศรษฐกิจไฮโดรเจนของสหรัฐอเมริกา ซึ่งในแต่ละช่วงมีเรื่องสำคัญเฉพาะสำหรับการนำไฮโดรเจนไปใช้ในภาคพลังงานและการขนส่ง และภาคพลังงานความร้อน
- สหราชอาณาจักร ได้มีการกำหนดเป้าประสงค์เบื้องต้นที่เกี่ยวกับพลังงานไฮโดรเจน โดยตั้งเป้าจะผลิตไฮโดรเจนด้วยกำลังการผลิตที่ 5GW ในปี 2573 โดยนำไปใช้ประโยชน์ในภาคผลิตไฟฟ้า ภาคพลังงานความร้อน และภาคขนส่ง
- เยอรมนี ได้มีการจัดทำแผนที่นำทางเศรษฐกิจไฮโดรเจนของประเทศ โดยแบ่งออกเป็น 3 ภาคส่วนสำคัญ ได้แก่ การผลิตไฮโดรเจน ภาคขนส่ง และภาคพลังงานความร้อน
- ออสเตรเลีย ได้ประกาศแผนการพัฒนายุทธศาสตร์ไฮโดรเจนระดับประเทศ และแนวทางสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมไฮโดรเจน ทั้งด้านการส่งออกไฮโดรเจน ไฮโดรเจนสำหรับการขนส่ง สำหรับในเครือข่ายก๊าซ สำหรับผู้ใช้ในอุตสาหกรรม รวมถึงเพื่อรองรับระบบไฟฟ้า
สำหรับประเทศไทยเองได้มองว่า ‘เทคโนโลยีไฮโดรเจน’ จะช่วยขับเคลื่อนแนวนโยบายกรอบแผนพลังงานชาติมุ่งสู่เป้าหมายพลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2608–2613
จากศักยภาพของการใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าในอนาคต ทำให้เอ็กโก กรุ๊ป ได้ร่วมกับ กฟผ. และพันธมิตร ศึกษาและพัฒนาโครงการนี้อย่างจริงจัง เพื่อก้าวเข้าสู่ธุรกิจนี้อย่างเป็นรูปธรรม และเป็นผู้นำในธุรกิจในอนาคต
ในปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป อยู่ระหว่างดำเนินโครงการนำร่องผลิตไฟฟ้าจากเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) ซึ่งใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงตั้งต้นในการผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้า ‘คลองหลวง’ จังหวัดปทุมธานี กำลังผลิต 5 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเห็นโครงการเป็นรูปธรรมในปี 2566 และคาดว่าจะสามารถขยายกำลังผลิตได้ถึง 30 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567
ซึ่งนี่จะกลายเป็นพลังงานสะอาดแห่งอนาคตที่เชื่อถือได้ และตอบโจทย์การมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ สำหรับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมในประเทศไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เมื่อ ‘เป้าหมายสีเขียว’ และ ‘เป้ายอดขาย’ ไม่สอดคล้องกัน เปิดช่องโหว่นโยบาย สิ่งแวดล้อม ในอุตสาหกรรมแฟชั่น
- ธปท. เตรียมออก Standard Practice ด้านสิ่งแวดล้อมในไตรมาส 3 พร้อมกำหนดให้แบงก์ส่งแผนและเป้าสีเขียวที่จับต้องได้ต้นปีหน้า
- Brand & Marketing Trend 2022: เปิดเทรนด์ยุคใหม่ของโลกหลังโควิด แบรนด์ถึงเวลาต้องเปลี่ยนครั้งใหญ่
อ้างอิง: