เป็นอีกครั้งที่เมืองดูไบในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สร้างปรากฏการณ์อันน่าตื่นเต้นให้กับวงการสถาปัตยกรรม หลังจากที่พวกเขามี บุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ (Burj Khalifa) อาคารที่สูงที่สุดในโลกที่มนุษย์ก่อสร้าง และรั้งตำแหน่งดังกล่าวอยู่มาเป็นเวลา 8 ปีเต็มแล้ว ครั้งนี้ดูไบมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับคนทั่วโลก ด้วยการเปิดอาคารหน้าตาคล้าย ‘กรอบรูป’ ที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปเมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากผ่านกระบวนการก่อสร้างมานานถึง 10 ปีเต็มด้วยเม็ดเงินกว่า 43.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.39 พันล้านบาท ไม่มีเงินทำไม่ได้นะ!
ดูไบ เฟรม ขณะก่อสร้าง Photo: HowesDubai
ทำไมต้อง ‘กรอบรูป’ ?
คอนเซปต์ง่ายๆ ของ ‘ดูไบ เฟรม’ กรอบรูปฉาบทองคำความสูงขนาด 150 เมตร กว้าง 93 เมตรนี้คือการแสดงภาพให้ผู้เข้าชมได้เห็นถึงสภาพแวดล้อมของดูไบ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เพราะที่ตั้งของดูไบ เฟรม นั้นอยู่บริเวณสวนสาธารณะ Zabeel Park ในเขต Al Kefaf ทางตอนเหนือของเมืองดูไบ ซึ่งเป็นเขตแบ่งระหว่างเมืองเก่าและเมืองใหม่อย่างพอดิบพอดี
Photo: Dubai-frame
ดังนั้นหากคุณยืนอยู่ฟากเมืองเก่า คุณก็จะเห็นภาพของ ‘Modern Dubai’ ที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้าในกรอบรูปนั้นทั้ง เอมิเรตส์ ทาวเวอร์ หรือ บุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ ก็ตาม ส่วนถ้าหากคุณอยู่ฝั่งเมืองใหม่ วิวในกรอบรูปดังกล่าวก็จะเป็นกลุ่มเมืองเก่าอย่าง Deira เมือง Umm Harare และเมือง Karama
Photo: Dezeen
ฉายภาพอดีต อนาคต และปัจจุบัน
ไม่ใช่แค่วิวทิวทัศน์ของ ดูไบ เฟรม ที่ฉายให้เห็นภาพทั้งเมืองเก่าและเมืองใหม่ แต่ภายในอาคารนั้นยังบรรจุสิ่งที่น่าสนใจไว้เช่นกัน ‘Dubai Frame Exhibition’ นิทรรศการที่ถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมาของเจ้ากรอบรูปขนาดยักษ์นี้ รวมไปถึงยังมี ‘Past Dubai Gallery’ สถานที่จัดแสดงการเจริญเติบโตของดูไบแบบปีต่อปี โดยใช้เทคนิคการจัดแสดงที่ผสมผสานสื่อหลากชนิดอันน่าตื่นตาตื่นใจ ทั้งโปรเจกเตอร์ หมอก และกลิ่น
และเมื่อเต็มอิ่มกับยุคอดีตแล้ว คุณจะต้องเดินทางต่อไปยังลิฟต์แก้วเพื่อส่งคุณขึ้นไปยังจุดสูงสุดของดูไบ เฟรม ที่ชั้น 48 เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศโดยรอบของเมืองดูไบที่คุณจะเห็นสภาพปัจจุบันของดูไบทั้งในส่วนเมืองเก่าและเมืองใหม่ ที่สำคัญยังมีบางส่วนของจุดชมวิวเป็นพื้นกระจก ที่เพิ่มประสบการณ์ความหวาดเสียวให้คุณด้วยเช่นกัน
ทิวทัศน์ฝั่งตัวเมืองเก่าของดูไบจากจุดชมวิวของ ดูไบ เฟรม
Photo: What’s On Dubai
หลังจากนั้นคุณจะถูกส่งกลับลงมาโดยลิฟต์โดยสารอีกตัวซึ่งจะพาคุณไปยัง ‘Future Dubai Gallery’ อุโมงค์ที่จะฉายภาพสามมิติและบอกเล่าการคาดเดาอนาคตของดูไบในอีก 50 ปีข้างหน้า ประหนึ่งได้นั่งไทม์แมชชีนไปดูสภาพบ้านเมืองล่วงหน้า
Photo: Supreme Tourism AE
Photo: Inhabitat
ความฉาวโฉ่ของไอคอนใหม่
โครงการ ดูไบ เฟรม นี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งเทศบาลเมืองดูไบจับมือกับบริษัทผลิตโลหะชื่อดังจากเยอรมนีอย่าง ThyssenKrupp จัดการแข่งขันระดับนานาชาติเพื่อเฟ้นหาแบบอาคารจากโจทย์ ‘โครงสร้างขนาดสูงที่สามาถแสดงความเป็นเมืองดูไบออกมาได้’ จากผู้เข้าร่วมแข่งขันกว่า 900 คนทั่วโลก ผลคือสถาปนิกจากเม็กซิโกชื่อ Fernando Donis (เฟอร์นานโด โดนิส) เป็นผู้ชนะไป
ภาพร่างแรกทั้งสองภาพที่ เฟอร์นานโด โดนิส ส่งเข้าประกวด
ซึ่งเขากล่าวว่าถูกเทศบาลนครดูไบขโมยไอเดียไป
Photo: CNN
แต่ก็ไม่ใช่จะเป็นเรื่องดีกับตัวเขาเท่าไรนัก เพราะเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของการแข่งขันระบุว่า ‘การออกแบบของผู้ชนะจะต้องได้รับการพิจารณาโดยเทศบาลนครดูไบ และจะได้รับการว่าจ้างให้ใช้แบบดังกล่าวได้ก็ต่อเมื่อมีการเซ็นสัญญาลงนามโดยทั้งสองฝ่ายเท่านั้น’ แต่แล้ว เฟอร์นานโด โดนิส ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง CNN เมื่อปีก่อนว่าเทศบาลเมืองดูไบได้ทำการเปลี่ยนแปลงแบบของเขาเล็กน้อยและเดินหน้าโครงการนี้ต่อไปโดยไม่มีการเซ็นสัญญาใดๆ เกิดขึ้นทั้งนั้น อีกทั้งเขาเองยังไม่ได้ค่าออกแบบหรือเงินชดเชยใดๆ จากกรณีที่เกิดขึ้น
ภาพบรรยากาศด้านบนจุดชมวิวของดูไบ เฟรม
Photo: Dubai Sightseeing
อย่างไรก็ตาม หากคุณมีโอกาสแวะเวียนไปละแวกนั้น ก็ลองไปเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมที่มีเรื่องราวแห่งนี้ได้ ‘ดูไบ เฟรม’ เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น.โดยเสียค่าเข้าชมประมาณ 50 ดีแรห์ม หรือประมาณ 435 บาทไทย เด็กอายุมากกว่า 3 ปีเสียค่าเข้าชม 20 ดีแรห์มหรือ 175 บาทไทย ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี และผู้พิการเข้าชมฟรี
Maps:
Photo: Courtesy of Dubai Frame
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องได้ที่
อ้างอิง:
- www.thedubaiframe.com/
- dition.cnn.com/style/article/dubai-frame-opening/index.html
- whatson.ae/dubai/2018/01/visitors-guide-dubai-frame/
- www.designmena.com/thoughts/dubai-frame-opens-to-the-public
- ถึงแม้ เฟอร์นานโด โดนิส จะไม่ได้รับเงินค่าชดเชยจากการถูกนำแบบอาคารไปปรับใช้ แต่เขาก็อีเมลมาถึง CNN ว่า เขามีความสุขที่ได้เห็นดูไบ เฟรม เฉิดฉายอยู่ใจกลางเมืองดูไบ
- อาคารแห่งนี้มีเหล็กเป็นส่วนประกอบถึง 2,000 ตัน และใช้กระจกลามิเนตอีกกว่า 2,900 ตารางเมตร รวมไปถึงฉาบไปด้วยทองคำอีกกว่า 15,000 ตารางเมตร
- นอกจากนี้ลวดลายที่คุณเห็นอยู่ภายนอกของดูไบ เฟรม คือลวดลายเดียวกันกับโลโก้งาน Dubai World Expo ที่จะมีขึ้นในปี 2020 อีกด้วย