สถานการณ์วิกฤตการเงินโลกในปัจจุบันน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของหลายประเทศ
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คงจะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ-การเงินโลก เพราะเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาได้เห็นธนาคารระดับกลาง-ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปเผชิญปัญหาวิกฤตความเชื่อมั่นจนต้องให้รัฐบาลมาช่วย ‘อุ้ม’ (Bailout)
อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทยความเสี่ยงนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อระบบการเงินของประเทศ ซึ่งยังคงเสถียรภาพและมีความมั่นคง ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานต่างๆ ที่คอยดูแลความมั่นคงของสถาบันการเงินในประเทศ
หนึ่งในหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้คือ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) หรือ Deposit Protection Agency (DPA) ซึ่งมีวิสัยทัศน์เป็นองค์กรคุ้มครองเงินฝากที่น่าเชื่อถือและทันสมัย สร้างความมั่นใจให้ผู้ฝากและประชาชนในเรื่องของความปลอดภัยของเงินฝาก
จากรายงานสถิติเงินฝาก ณ สิ้นปี 2565 พบว่ามีจำนวนผู้ฝากที่ได้รับความคุ้มครองรวมทั้งสิ้น 90.41 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2564 กว่า 4.58 ล้านราย เติบโตกว่า 5.34% (YoY) ครอบคลุมเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครองรวมทั้งสิ้น 16.17 ล้านล้านบาท เติบโตกว่า 3.72% (YoY) ซึ่งมีผู้ฝากที่ได้รับความคุ้มครองเต็มจำนวนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 98.02 ของผู้ฝากที่ได้รับความคุ้มครองทั้งหมด โดยปัจจุบันกองทุนคุ้มครองเงินฝากมีจำนวนรวม 1.37 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ความเสถียรของระบบการเงินในประเทศไทยมาจากทิศทางของ สคฝ. ที่ดำเนินภารกิจคุ้มครองเงินฝากอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายคือการรักษาความมั่นคงในระบบการเงิน โดยปรับปรุงและประสานงานกับภาคเอกชนและภาครัฐ รวมถึงกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อควบคุมความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
เพื่อปกป้องผู้ฝากเงินอย่างมีประสิทธิภาพ สคฝ. ได้มีกระบวนการคุ้มครองเงินฝากที่รวดเร็วในกรณีที่สถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต โดยการทำงานร่วมกันกับสถาบันการเงินทั้งหมด 32 แห่ง ตลอดจนใช้เทคโนโลยีที่ปลอดภัยสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลและระบบประมวลผลข้อมูล
นอกจากนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน สคฝ. ได้เดินหน้าให้ความรู้เรื่องระบบคุ้มครองเงินฝากอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานที่ป้องกันและช่วยลดความตื่นตัวเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อสถาบันการเงิน ด้วยวิธีการสื่อสารที่เหมาะสม เพื่อให้ข้อมูลชัดเจนและถูกต้องต่อผู้ฝากเงินและประชาชน
ด้านการสร้างความมั่นคงในระบบการเงินเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยร่วมมือกับเครือข่ายความมั่นคงทางการเงิน (Financial Safety Net) และใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเงินฝากเพื่อศึกษาสถานการณ์และมีความเข้าใจที่ถูกต้องในสถานการณ์ต่างๆ
สคฝ. ยังได้เผยอีกว่า ได้มีการพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพและธรรมาภิบาลอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรและระบบเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ดีและปรับปรุงการบริหารงานในสถานการณ์ปกติและวิกฤต ซึ่งรวมถึงระบบปฏิบัติการจ่ายคืนเงินฝากและระบบปฏิบัติการภายในต่างๆ ที่เชื่อมต่อกับช่องทางการสื่อสาร ทำให้พร้อมที่จะดำเนินงานตามอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ธนาคารออมสิน เปิดตัวเงินฝากดอกเบี้ยขั้นบันได จ่ายสูงสุด 4.5% และ 10% หวังส่งเสริมการออมระยะยาว
- ส่องแบงก์รัฐ-พาณิชย์ ขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ เท่าไรกันบ้าง? หลัง กนง. ประชุมนัดแรกของปี 2566
- คลอดแล้ว! เกณฑ์ ‘Virtual Bank’ ธปท. จำกัดไลเซนส์แค่ 3 ราย เผยมีผู้สนใจแล้ว 10 ราย เล็งประกาศผลกลางปีหน้าก่อนเริ่มให้บริการจริงปี 68