ตลอด 8 เดือนที่ผ่านมา บรรยากาศการลงทุนของโลกเต็มไปด้วยความผันผวนและปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบหลายสิบปี นำไปสู่การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ตามมาด้วยความเสี่ยงในเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมไปถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ยังคงยืดเยื้อ สถานการณ์เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ตลาดหุ้นไม่ชอบทั้งสิ้น
ขณะที่การลงทุนทางเลือกอย่างสินค้าโภคภัณฑ์ก็ผันผวนมากขึ้นหลังจากเป็นขาขึ้นรอบใหญ่ แต่หากจะเลือกฝากเงินไว้กับธนาคารก็ต้องเผชิญกับดอกเบี้ยที่ยังต่ำและเงินเฟ้อที่สูง
บนสถานการณ์เช่นนี้แล้ว นักลงทุนยังมีทางเลือกการลงทุนแบบใดบ้างที่ยังให้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และไม่ต้องเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินต้นอย่างมีนัยสำคัญ
ทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจคือ กองทุนประเภทหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงแบบ Double Shark-Fin แต่ก่อนอื่นเราคงต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่า ‘กองทุนครีบฉลาม’ ที่ว่านี้มันคืออะไร
สาเหตุที่กองทุนนี้ได้ชื่อว่า Double Shark-Fin เป็นเพราะว่าลักษณะการจ่ายผลตอบแทนมีหน้าตาคล้ายกับครีบฉลาม 2 ด้าน ผ่านการลงทุนในสินทรัพย์ 2 ประเภท คือ 1. ตราสารหนี้ (หุ้นกู้) คุณภาพดี และเงินฝากธนาคาร เพื่อรับผลตอบแทนที่แน่นอน และ 2. สัญญาซื้อขายล่วงหน้าประเภทออปชัน สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น
ตัวอย่างของกองทุนประเภทนี้ คือ SCBDSHARC1YA โดยกองทุนนี้จะแบ่งการลงทุนออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่
ส่วนที่ 1 (99.25%) ลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีและเงินฝาก เมื่อครบกำหนดอายุ 1 ปีจะได้รับเงินลงทุนคืนพร้อมดอกเบี้ยซึ่งมีมูลค่าเทียบเท่ากับเงินต้น
ส่วนที่ 2 (0.75%) ลงทุนในสัญญาออปชันที่อ้างอิงกับผลตอบแทนของราคาทองคำ XAUUSD (Gold Spot) ที่มีลักษณะการจ่ายผลตอบแทนแบบ TWin-Win เป็นส่วนสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้กับกองทุน
ซึ่งการลงทุนในส่วนที่ 2 นี้เองที่เป็นที่มาของครีบฉลาม 2 ฝั่ง โดยการลงทุนในสัญญาออปชันของราคาทองคำดังกล่าวจะจ่ายผลตอบแทนแบบ Twin-Win Payoff
จากรูปข้างต้น Knockout คือ เหตุการณ์ที่ราคาสินทรัพย์ ณ วันทำการใดทำการหนึ่งระหว่างอายุสัญญาปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับราคาสินทรัพย์อ้างอิง ณ วันเริ่มต้นสัญญา หากเป็นเช่นนี้กองทุนจะปิดสัญญาออปชันเพื่อคำนวณผลตอบแทนโดยอัตโนมัติ
แต่หากไม่เกิดการ Knockout ตลอดระยะเวลา 1 ปีจะมีการคำนวณผลตอบแทนของสัญญาออปชัน XAUUSD ณ วันพิจารณา โดยมีกรอบผลตอบแทนในส่วนของสัญญาออปชันตั้งแต่ 0% ถึง +5% โดยแบ่งได้ 4 กรณี ดังนี้
สำหรับกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน USD/THB จะได้รับผลตอบแทนดังนี้
กรณีที่ 1 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ณ วันเริ่มต้นสัญญา อยู่ที่ 35 บาทต่อดอลลาร์ และวันที่พิจารณาดัชนีอ้างอิงอยู่ที่ 30 บาทต่อดอลลาร์ มีวิธีการคำนวณดังนี้
อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันพิจารณาดัชนีอ้างอิง หารอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันเริ่มต้นสัญญา
เช่น (30 / 35 = 0.86) การเปลี่ยนแปลงของดัชนีอ้างอิง ณ วันครบอายุสัญญา หารดัชนีอ้างอิง ณ วันเริ่มต้นสัญญา (1,080/1,000) – 1 = 0.08 ดังนั้น ผลตอบแทน (50% x 0.08) x 0.86 x 1,000,000 = 34,400 บาท โดยจะได้รับผลตอบแทนรวมเงินต้น + ดอกเบี้ย + ออปชัน = 1,034,400 บาท
กรณีที่ 2 ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ณ วันเริ่มต้นสัญญา อยู่ที่ 35 บาทต่อดอลลาร์ และวันที่พิจารณาดัชนีอ้างอิงอยู่ที่ 40 บาทต่อดอลลาร์ คำนวณดังนี้
อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันพิจารณาดัชนีอ้างอิง หารอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันเริ่มต้นสัญญา
เช่น (40 / 35 = 1.14) การเปลี่ยนแปลงของดัชนีอ้างอิง ณ วันที่พิจารณา หารดัชนีอ้างอิง ณ วันเริ่มต้นสัญญา (1,080 / 1,000) – 1 = 0.08 ผลตอบแทน (50% x 0.08 ) x 1.14 x 1,000,000 = 45,600 บาท จะได้รับผลตอบแทนรวมเงินต้น + ดอกเบี้ย + ออปชัน = 1,045,600 บาท
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่ากองทุน SCBDSHARC1YA มีจุดเด่นจากการที่นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนแม้ว่าราคาทองคำจะปรับตัวลดลง (ในกรอบที่กำหนดสัญญาไว้) และด้วยอายุโครงการเพียง 1 ปี จึงช่วยลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง
นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการสูญเสียเงินต้นต่ำ ด้วยการเลือกลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ Investment Grade ขึ้นไป พร้อมโอกาสรับผลตอบแทนชดเชยใกล้เคียงอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
อย่างไรก็ตาม ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยงไม่ว่าจะมากหรือน้อย โดยความเสี่ยงหลักของ SCBDSHARC1YA คือกองทุนไม่สามารถการันตีผลตอบแทน และนักลงทุนจะได้รับเงินลงทุนคืนพร้อมผลตอบแทนก็ต่อเมื่อครบกำหนดอายุโครงการ 1 ปีเท่านั้น แม้ว่าจะเกิดกรณี Knockout แล้วหรือไม่ก็ตาม
ขณะเดียวกัน ความเสี่ยงเรื่องของการผิดนัดชำระหนี้ (Default Risk) ก็อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนไม่ได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวน รวมทั้งความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน และการไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
สำหรับนักลงทุนที่สนใจกองทุน SCBDSHARC1YA สามารถลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท ผ่าน SCB EASY App หรือที่ธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขา ได้เปิดเสนอขายกองทุน SCBDSHARC1YA มีอายุ 1 ปี เปิดขายหน่วยลงทุนครั้งเดียว ระยะเวลา IPO ระหว่างวันที่ 1-9 กันยายน 2565 ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท
หมายเหตุ:
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
คำเตือน:
- กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Double Structured Complex Return 1YA ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (SCBDSHARC1YA) ความเสี่ยง 5 เสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง
- การลงทุนในผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีความซับซ้อนซึ่งมีปัจจัยอ้างอิง มีความแตกต่างจากการลงทุนในปัจจัยอ้างอิงโดยตรง จึงอาจทำให้ราคาของผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนดังกล่าวมีความผันผวนแตกต่างจากราคาของปัจจัยอ้างอิงได้ (ในกรณีที่เป็นกองทุนรวมที่มีปัจจัยอ้างอิง (Underlying Asset) และกำหนดเงื่อนไขการจ่ายผลตอบแทนโดยอ้างอิงกับปัจจัยอ้างอิงดังกล่าว)
- กองทุนมีอายุโครงการประมาณ 1 ปี ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนในช่วงเวลา 1 ปีได้ ดังนั้นหากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าวผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมากได้
- กองทุนที่มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนและไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุน หรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
- การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน
- ศึกษาข้อมูลกองทุนหลักและหนังสือชี้ชวนกองทุนที่ร่วมรายการเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม www.scbam.com และสามารถศึกษารายละเอียดกองทุนรวมเพิ่มเติมผ่าน SCB EASY App
