วันนี้ (26 มกราคม) เจ้าของแพลตฟอร์ม Facebook และ Instagram อย่าง Meta ภายใต้การนำของ CEO คนสำคัญอย่าง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เผยว่า โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เตรียมได้รับอนุญาตให้กลับมาใช้สื่อโซเชียลดังกล่าวได้อีกครั้งภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ หลังจากถูกแบนบัญชีผู้ใช้งานเป็นระยะเวลานานถึง 2 ปี
บัญชี Facebook และ Instagram ของทรัมป์ถูกระงับการใช้งานตั้งแต่ช่วงต้นปี 2021 หลังจากที่ทีมงาน Meta พิจารณาแล้วว่า อดีตผู้นำสหรัฐฯ ใช้ช่องทางสื่อโซเชียลดังกล่าวปลุกระดมทางการเมือง จนนำไปสู่การก่อเหตุจลาจลบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 เนื่องจากทรัมป์และบรรดาผู้สนับสนุนต่างไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ครั้งล่าสุด จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตขณะเกิดเหตุจลาจลอย่างน้อย 5 ราย
ทางด้าน นิก เคล็กก์ ประธานด้านกิจการระหว่างประเทศของ Meta ระบุว่า สาธารณชนควรที่จะได้รับรู้ว่า นักการเมืองของพวกเขากำลังพูดเรื่องอะไร สื่อสารเรื่องอะไร หลังจากที่ตรวจสอบบัญชีของทรัมป์แล้วพบว่า บัญชีดังกล่าวไม่ได้มีความเสี่ยงที่จะสร้างความเสียหายหรือเป็นอันตรายแก่สาธารณชนอีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการละเมิดกฎของชุมชน Facebook และ Instagram ในอดีต ส่งผลให้ทรัมป์อาจต้องเผชิญบทลงโทษที่รุนแรงขึ้น หากมีการละเมิดกฎของชุมชนเกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต
โดยก่อนหน้านี้บรรดาสมาชิกพรรครีพับลิกันต่างเรียกร้องให้ Meta ยกเลิกการแบนบัญชีโซเชียลของทรัมป์ เพื่อที่จะใช้บัญชีเหล่านี้เป็นช่องทางในการสื่อสารแคมเปญและความคิดเห็นต่างๆ ก่อนที่จะเตรียมลงชิงชัยเก้าอี้ผู้นำสหรัฐอเมริกาสมัยที่ 2 ในปี 2024
ขณะที่บัญชี Twitter ของทรัมป์เองก็ถูกแบนในช่วงเวลาเดียวกันนั้น เนื่องจากละเมิดกฎชุมชนของ Twitter และปลุกระดมให้นำไปสู่การใช้ความรุนแรง ก่อนที่ CEO ของ Twitter อย่าง ลีออน มัสก์ จะประกาศยกเลิกโทษแบนดังกล่าวเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2022 หลังจากสร้างโพลสำรวจความคิดเห็นของคนในชุมชน Twitter ถึงประเด็นการปลดโทษแบนให้ทรัมป์ แต่จนถึงขณะนี้ทรัมป์ก็ยังไม่ได้กลับเข้าใช้บัญชี Twitter ของตนอีกครั้งแต่อย่างใด พร้อมระบุว่า เขายังไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องใช้ Twitter
ข่าวการยกเลิกโทษแบนบัญชี Facebook และ Instagram ของทรัมป์ ทำให้ผู้สนับสนุนของเขาบางส่วนเริ่มทยอยกลับไปแสดงความยินดีกับทรัมป์ที่โพสต์ล่าสุดที่เขาเคยลงไว้ก่อนที่บัญชีจะถูกระงับ โดยการกลับเข้าสู่แพลตฟอร์มโซเชียลของทรัมป์ครั้งนี้ อาจทำให้การเมืองอเมริกันในช่วงหลังจากนี้ดุเดือดและมีสีสันมากยิ่งขึ้น
ภาพ: Joe Raedle / Getty Images
อ้างอิง: