หลังการลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ของ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อร่วมประชุมกับเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อหาทางออกในพื้นที่โครงการก่อสร้างบ้านพักและอาคารชุดของข้าราชการตุลาการเชิงดอยสุเทพ หรือหมู่บ้านป่าแหว่ง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
มีข้อสรุปในการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นว่าให้คืนพื้นที่ให้กรมธนารักษ์ไปดำเนินการฟื้นฟูให้กลับมามีสภาพเป็นป่าดังเดิม โดยมีประชาชนชาวเชียงใหม่ร่วมกันปลูกป่า และห้ามผู้ใดเข้าไปดำเนินการใดๆ ในพื้นที่ดังกล่าวอีกต่อไป แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะมีการรื้อบ้านพักที่ก่อสร้างไปแล้วหรือไม่
THE STANDARD ตรวจสอบปฏิกิริยาล่าสุดจากภาคประชาชนต่อการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดย นายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ประธานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ เปิดเผยว่าประชาชนยังกังวลเรื่องความโปร่งใสของภาครัฐ กลัวว่าจะมีวาระแอบแฝงของทีมกฎหมาย ตอนนี้สิ่งที่เราต้องทำคือตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการจัดการสิ่งปลูกสร้างให้ทำการรื้อถอนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ต้องถามกลับว่าทำไมรัฐบาลที่มีกฎหมายไม่มาช่วยเราทำ เพราะประชาชนกังวลเรื่องนี้ ในเมื่อรัฐบาลมีทีมกฎหมายเยอะแยะ หรือรัฐบาลไม่อยากจะรื้อ รัฐบาลมีวาระแอบแฝงอะไรหรือไม่ ทำไมถึงต้องให้ชาวเชียงใหม่มาทำ
ด้าน นายบัณรส บัวคลี่ ภาคีคนฮักเชียงใหม่ เปิดเผยว่าทางกลุ่มประชาชนต้องการเน้นย้ำเรื่องการดำเนินการต้องเป็นขั้นตอนที่ถูกระเบียบวาระ และยังไม่สามารถเห็นภาพของวิธีการอย่างชัดเจน แต่ขั้นตอนมีการแบ่งเป็นการฟื้นฟูที่เริ่มทำได้บ้างแล้ว เช่น การปลูกป่าในส่วนที่ไม่ได้ใช้งาน ซึ่งมีความเห็นว่าขั้นตอนทุกอย่างจะต้องมีการเห็นชอบจากคณะกรรมการในพื้นที่เอง ทางรัฐในส่วนท้องถิ่นได้ให้ความร่วมมือและความสะดวกมาตามข้อกำหนด โดยอาจจะต้องมี ครม. เข้ามาเกี่ยวข้อง และต้องการเน้นย้ำว่าขั้นตอนการรื้อถอนต้องมีการอ้างอิงตามกฎหมาย ซึ่งกฎหมายที่คาดว่าจะยกขึ้นมาแน่ๆ คือเรื่องความปลอดภัย กฎหมายอุบัติภัย เพราะอาจเกิดการพังทลายได้ และเป็นอันตรายต่อชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง
นายบัณรสเปิดเผยอีกว่า สิ่งที่ประชาชนต้องการความชัดเจนคือประชาชนไม่ต้องการให้เป็นอย่างอื่น นอกจากป่าเหมือนเดิมในท้ายที่สุด เปลี่ยนเป็นระบบนิเวศแบบเดิม ไม้พันธุ์เดิม ไม่ต้องการให้เป็นแผลเป็น
“มวลชนเองก็ไม่เข้าใจ ทำไมไม่รื้อ ก็ต้องอธิบายให้เข้าใจว่ามันมีเป็นกระบวนการเป็นขั้นเป็นตอน ต้องเป็นไปตามราชการ สิ่งที่ผมแถลงการณ์ก็เพื่อสร้างความชัดเจน แนวทางของเราไม่ใช่การที่มีม็อบมากดดันแล้วสั่งให้รื้อหรือสร้างบรรทัดฐานอะไรก็ได้
“สิ่งที่เราดำเนินการมาตั้งแต่ต้นคือการไม่ใช้ ม.44 ตามกฎหมายปัจจุบัน ถ้าเราต้องการให้มันถูกต้องด้วยกฎหมายก็ต้องเริ่มด้วยกรรมการที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะเป็นยังไง เรายังไม่รู้ จึงยังไม่สามารถบอกได้ ช่วงนี้เรายังพอมีเวลาหายใจอยู่ มีเวลาเตรียมตัว เพราะถ้าเราจะเอาผิดกับเขา เราก็ต้องมีข้อมูลที่ประจักษ์ชัด ยกตัวอย่างที่เราบอกว่ามีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทีมงานก็ต้องไปตรวจ ไปดู เพื่อยืนยันว่ามีผลกระทบจริง ไม่ใช่แค่คำกล่าวหาเฉยๆ นี่จึงจะเป็นจุดตั้งต้นของกระบวนการทางกฎหมายอย่างแท้จริงต่อไป” นายบัณรสกล่าว
.
มีรายงานว่าระหว่างนี้ภาคประชาชนจะมีการประชุมคณะกรรมการและมีกิจกรรมร่วมกับภาครัฐในการเชิญชวนชาวบ้านปลูกป่าวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ เพื่อเป็นการฟื้นฟูก่อนที่จะเข้าฤดูน้ำหลาก
