×

ถอดสูตรวิธีคิดและการทำงานของ 2 ซีอีโอแห่งสปา Divana ผู้พลิกวิกฤตชีวิตด้วยการปรับตัว

16.11.2019
  • LOADING...
Divana

HIGHLIGHTS

5 MINS. READ
  • ถอดสูตรวิธีคิดและการทำงานของ 2 ซีอีโอ ตง-ธเนศ จิระเสวกดิลก และ ตี๋-พัฒนพงศ์ รานุรักษ์ แห่งแบรนด์สปา Divana ผู้พลิกวิกฤตในชีวิต จนประสบความสำเร็จด้วยแพสชันและการปรับตัว 

ตง-ธเนศ จิระเสวกดิลก และ ตี๋-พัฒนพงศ์ รานุรักษ์ ไม่ได้เป็นแค่ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์
สปาระดับพรีเมียมชื่อ Divana ด้วยกันเท่านั้น แต่มิตรภาพของทั้งคู่ยาวนานกว่านั้นมาก เพราะเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยทำงานเป็นพนักงานต้อนรับให้กับสายบินสวิสแอร์ ดูเหมือนชีวิตที่ได้ทำงานไปด้วยและเที่ยวรอบโลกไปด้วยกำลังไปได้สวย แต่พวกเขาต้องช็อกกับเหตุการณ์ 9/11 ภาพข่าวเครื่องบินพุ่งเข้าชนตึกเวิลด์เทรดถล่มย่อยยับที่สหรัฐอเมริกาในวันนั้น เป็นสัญญาณเตือนว่า อาชีพของพวกเขาถึงคราววิกฤตแน่ เมื่อลางสังหรณ์มันชัด และการเลย์ออฟก็เกิดขึ้นจริง ทั้งคู่กลายเป็นคนตกงานในที่สุด

 

เรื่องราวชีวิตหลังจากนั้น THE STANDARD ได้พูดคุยกับพวกเขาอีกครั้ง และเราได้ถอดสูตรวิธีคิดและการทำงานของทั้งสองคนตลอด 18 ปี เรื่องราวเหล่านี้อาจมีส่วนสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครก็ตามที่คิดจะทำธุรกิจของตัวเองไม่มากก็น้อย

 

Divana


ถ้าไม่ตกงาน ก็คงไม่ได้สร้างแบรนด์
พัฒนพงศ์: จุดเริ่มต้นของการทำแบรนด์สปา Divana ก็มาจาก ‘ตกงาน’ แหละ ตอนนั้นปี 2544 เราทั้งคู่ทำงานด้วยกันอยู่ที่สายการบินสวิสแอร์ อยู่ดีๆ วันหนึ่งเราเห็นข่าวเครื่องบินชนตึก วันนั้นผมทำงานอยู่บนเครื่องบินที่กำลังบินจากซูริกไปยังโจฮันเนสเบิร์ก พอรู้ข่าวตอนนั้นเรา Forecast ได้เลย อาชีพเราหลังจากนั้นแย่แน่ จากนั้นก็ถูกเลย์ออฟหมด ผมก็คิดว่า โอเค ถึงเวลาแล้วที่เราจะออกจากคอมฟอร์ตโซนของตัวเอง คงจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ ไอเดียแรกคือ ผมจะไปขายน้ำเต้าหู้ (หัวเราะ) ตอนนั้นคิดชื่อแบรนด์รอไว้แล้ว แต่พอดีตงเขาทำวิทยานิพนธ์เรื่อง ‘โอกาสความเป็นไปได้ของธุรกิจสปาไทย’ เลยคิดว่าลองธุรกิจนี้ดูไหม 

 

ที่ผมสนใจทำเรื่องสุขภาพ เพราะสมัยเรียนอยู่ปี 1 คุณแม่ผมป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองแตก ค่ารักษาเพียง 3 อาทิตย์หมดไปหลายล้าน จนเคยแพลนว่า อาจต้องขายบ้าน จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ผมรู้สึกว่าอยากทำธุรกิจอะไรก็ได้ที่ทำให้คนไม่ป่วย มันเป็นจิตใ้ต้สำนึกที่เราอยากจะทำมาตลอด 

 

Divana

 

บ้านหนึ่งหลังสร้าง Divana แห่งแรก ทำจนเงินหมด ได้มา 4 ห้อง

พัฒนพงศ์: ผมได้บ้านมาหลังหนึ่ง (ปัจจุบันเป็น Divana Massage & Spa สาขาแรก) อยู่ในซอยสุขุมวิท 25 ทีแรกก็ให้เพื่อนไปทำร้านอาหาร เพื่อนก็ไม่สู้ เราก็เลยลองชวนกันมาทำสปา ระหว่างนั้นผมก็ตั้งใจจะทำปริญญาเอกด้วย กับบ้านนั้นผมก็ลงเงินไว้แล้วตงก็มาเซตอัพไปก่อน ทำไปสักพักตงบอกไม่ไหวแล้ว ต้องมาช่วยกัน เพราะไม่มีคนทำสวน ผมก็ต้องมาทำสวน (หัวเราะ) มาทำก่อสร้าง มาถ่ายรูปต่างๆ สมัยก่อนแย่กว่านี้อีกนะครับ ทำเสร็จจนเงินหมดแล้วได้มา 4 ห้อง มีพนักงาน 4 คน 

 

เราเริ่มต้นทำจากแพสชันในตัวเอง มาเป็นธุรกิจสปา และต่อยอดไปยังบริการต่างๆ ทั้งยังนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ตั้งแต่แรก สิ่งเหล่านี้เป็นคำตอบว่า เราเดินมาถูกทาง และเราจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ เพราะยังมีแพสชันเกิดขึ้นทุกวัน 

 

Divana Divana

 

หัวใจของ Divana คือความสุขของสุขภาพที่ยั่งยืน 

พัฒนพงศ์: เวลามีคนถามว่า Divana ทำอะไร ผมจะตอบว่า Divana ทำเรื่องความสุขของสุขภาพที่ยั่งยืน ซึ่ง Divana มาจากชื่อของเจ้าหญิงองค์หนึ่ง แต่จริงๆ ในชื่อนี้มีความหมายแฝงอยู่ก็คือความบ้า (Crazy) อย่างสมมติเราหลงใหลผู้หญิงหนึ่งคนแล้วเราลืมทุกอย่าง ลืมแม้กระทั่งลมหายใจตัวเอง นี่เรียกว่า Divana ในแบบของเรา นับตั้งแต่วันแรกที่ทำธุรกิจก็ยอมรับว่า เราทั้งคู่ต่างล้มลุกคลุกคลาน พอทำ Divana แห่งแรกเสร็จก็ต้องวัดกันเลย ตอนนั้นคิดว่าถ้าไม่มีลูกค้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเหลือเงินติดตัวอยู่เพียง 90,000 กว่าบาท 

 

ธเนศ: เพราะตอนที่เราทำ Divana Massage & Spa เมื่อ 18 ปีก่อน คนไทยยังรู้จักแค่การนวดไทยจากวัดโพธิ์ หรือหัตถเวชเท่านั้น ส่วนอีกขั้วก็เป็นสปาในโรงแรมไปเลย พอเรามาลุยธุรกิจนี้จึงค่อนข้างเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนไทย จึงเริ่มต้นจับกลุ่มลูกค้าต่างชาติ เพราะเราทำงานสายการบินมา นักท่องเที่ยวจึงเป็นกลุ่มที่เราคุ้นเคย พอเริ่มทำก็ต้องอาศัยการสื่อสาร การรับรู้ การสร้างประสบการณ์ของสปาให้คนรู้จักมันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็สนุก 


จากใจรัก ต่อยอดสู่แนวคิดการบริหารธุรกิจ 

ธเนศ: อย่างแรกเลยคือ สิ่งที่เราทำมาทุกอย่างมันเริ่มจากแพสชัน มันเป็นสิ่งใกล้ตัวเรา เป็นสิ่งที่เราชอบ การมุ่งมาทำเรื่องสุขภาพมันก็มาจากหลายแรงบันดาลใจ อย่างตี๋ก็มาจากคุณแม่ ที่อยากจะให้แม่แข็งแรง ผมก็เหมือนกัน ไม่ต่างกัน อยากให้ตัวเองและครอบครัวแข็งแรง เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้ไปแช่น้ำ มีความสุขที่ได้เข้าใกล้กับธรรมชาติ เหล่านี้มันเกิดจากแพสชัน และมันส่งผลสำคัญต่อการทำงานบริการในทุกธุรกิจที่เราทำ ไม่ว่าจะเป็นสปา คลินิก หรือร้านอาหาร รวมถึงผลิตภัณฑ์สกินแคร์ 

 

สิ่งที่เราใส่ไปในทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำล้วนเป็นแพสชัน จากแพสชันมันต่อเนื่องไปสู่วิชันหรือวิธิคิดของเราว่า สุดท้ายแล้วเป้าหมายของการทำธุรกิจ เราอยากจะให้มันไปถึงไหน จากสิ่งที่เรามองคือ เราอยากให้มันเป็นเรื่องของความสุขและสุขภาพที่ดีของเราทุกคน เราต้องทำให้มันอยู่ได้อย่างยั่งยืน นี่คือสิ่งที่เราวาดภาพไว้แต่แรก ดังนั้นเราจึงอยากส่งต่อเรื่องการดูแลสุขภาพให้กับคนที่เรารักและคนรอบข้างเรา แล้วหลังจากนั้นเราก็มองว่า อยากให้ประเทศไทยเป็นหัวใจด้านสุขภาพของคนทั้งโลก ดังนั้น Valley of Wellness มันจึงได้เกิดขึ้น เพราะเราเชื่อว่า สิ่งที่เราพูดมันไม่เท่ากับสิ่งที่เราทำให้เห็น เราหวังอยากปักหมุดให้ประเทศของเราเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพที่ผู้คนจะได้เติมเต็มทั้งในเรื่องของกาย ใจ และจิตวิญญาณ เพราะเรามีครบทุกอย่าง และเราสามารถทำได้ 

 

สิ่งที่เราใส่ไปในทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำล้วนเป็นแพสชัน จากแพสชันมันต่อเนื่องไปสู่วิชัน

 

หัวใจสำคัญในการบริหารธุรกิจ
ธเนศ: ผมมองว่ามันต้องมีไดนามิก เราต้องคอยปรับตัว เพราะโลกในปัจจุบันมันมีเรื่องของ Distruption กำลังเข้ามา และเทคโนโลยีก็เปลี่ยนไปทุกวัน ทุกคนต้องเป็น Smart Human ที่จะสามารถปรับตัวเองให้อยู่ได้ในโลกที่เปลี่ยนไป ผมกับตี๋เองก็ต้องฝึกทุกวันเหมือนกัน ในการเป็นซีอีโอก็ต้องเอาตัวชี้วัดมาคอยชี้ว่าเราไปถึงจุดที่ต้องการหรือยัง เราสามารถสร้าง Business Model ได้ไหม เราฝึกกันมาทุกวัน และเราก็ถ่ายทอดแนวคิดนี้ไปสู่พนักงานของเราทุกๆ คนด้วย เพราะทุกคนอยู่ในยุคที่ไม่สามารถทำอะไรที่ถนัดเพียงสิ่งเดียวได้ เราจะต้องฝึก ต้องปรับตัวเสมอ เพราะต่อไปมันจะมี AI ที่เข้ามาอยู่ในชีวิตคนเรามากขึ้นเรื่อยๆ เราต้องรับมือกับมันได้ 

 

ธเนศ: ยิ่งธุรกิจเราเป็นงานด้านบริการ มองในภาพกว้างมันคือธุรกิจที่ถนัดของประเทศไทย เพราะฉะนั้นทำอย่างไรที่เราจะสามารถดึงเอาสิ่งที่เราถนัดไปสร้างมูลค่า และสามารถไปครอบกับเทคโนโลยีที่มันเกิด แล้วเติมเต็มในเรื่องความพอใจสูงสุดของลูกค้าให้ได้ เราต้องเข้าใจลูกค้า เข้าใจหัวใจของเขา เข้าใจพฤติกรรมของเขา สำหรับผมมองว่า การทุ่มเทและเอาใจใส่เป็นสิ่งสำคัญในการที่เราจะสร้างความพอใจให้กับลูกค้าได้ และอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการบริหารแบรนด์ ผมว่าต้องเป็นแบรนด์ที่มีความรัก คือทำธุรกิจตรงนี้ถ้ามันไม่เป็นที่รักของคนอื่น มันก็จะไม่ตอบโจทย์ในเรื่องของการทำให้ธุรกิจอยู่ได้อย่างยั่งยืน

 

Divana

 

ความชอบตอบโจทย์เป้าหมายให้การทำงาน
ธเนศ: เราตั้งเป้าหมายไว้ไกลมาก เพราะเป้าของเราไม่ใช่แค่ตัวเรา แต่มันคือเป้าหมายที่เราสามารถนำเอาประสบการณ์ของตัวเองถ่ายทอดไปสู่ผู้อื่น และไปสู่ประเทศชาติของเราได้ ดังนั้น ความชอบของเราจึงไม่มีวันหมด มันเกิดขึ้นทุกวัน เราให้ความสำคัญกับความจริงใจ ใส่ใจ และบันดาลใจ เป็นคติในสิ่งที่เราทำที่มันกระจายออกมา อีกอันหนึ่งในเรื่องของ Core Value ในแบรนด์ของเราคือ Oriental Wisdom การผสมผสานความเป็นภูมิปัญญาตะวันออกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ของเรา แล้วถ่ายทอดมันออกมาในทุกๆ มิติ ทั้งสปา ทรีตเมนต์ บริการ ผลิตภัณฑ์ อย่างที่สองเราใส่นวัตกรรมเข้าไป เพราะนวัตกรรมเป็นหัวใจหลักของแบรนด์เราตั้งแต่เริ่มต้น อยู่แล้ว ทำให้เรามีงานบริการที่แตกต่าง จะเห็นว่าเรามีซิกเนเจอร์ทรีตเมนต์ในแต่ละสาขา อย่างที่สามก็สำคัญ เราเรียกว่าเป็น Wellness Experience ที่เป็นมาตรฐานสากลของการทำงานบริการ 

 

ธเนศ: จากเดิมที่เราทำเรื่องการนำภูมิปัญญาตะวันออกมาผสมผสานกับงานบริการ จนขยายจาก Divana Spa มาสู่ Dii (Divana Integrated Innovation) เราก็ใส่นวัตกรรมเรื่องศาสตร์การแพทย์ รวมทั้งเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ต่างๆ เช่น Brain Wave Music เราเอามาใช้สร้างความผ่อนคลายให้ลูกค้าด้วยคลื่นเสียงที่เข้ามาในหู หรือ Lighting Therapy แสงสีเขียวกับสีน้ำเงิน จากผลวิจัยของทางการแพทย์ระบุว่า แสงทั้งสองสี ถ้ามันรวมกันในปริมาณที่พอเหมาะในจังหวะเดียวกัน มันจะเกิดสภาวะที่เขาเรียกว่า การผ่อนคลายในระดับที่ลึกมาก จึงช่วยให้ลูกค้าผ่อนคลายสูงสุด

 

อีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการบริหารแบรนด์ ผมว่าต้องเป็นแบรนด์ที่มีความรัก ทำธุรกิจตรงนี้ ถ้ามันไม่เป็นที่รักของคนอื่น ก็จะไม่ตอบโจทย์ในเรื่องของการทำให้ธุรกิจอยู่ได้อย่างยั่งยืน

 

ดอกผลแห่งความสำเร็จของ Divana สู่การเรียนรู้ที่ไม่จบสิ้น
พัฒนพงศ์: ผมว่าเรามาไกลพอสมควร ตอนเปิดแรกๆ CNN มาลงให้ แล้วแบรนด์เราได้เป็น Top 10 Best Massage in Bangkok เรามี Lonely Planet ทำให้เราได้เป็น Top 50 Destinations in the World เราได้รางวัลจากหนังสือและนิตยสารต่างๆ ทั้งไทยและต่างประเทศกว่า 100 รางวัล สิ่งเหล่านี้ช่วยพิสูจน์ว่า สิ่งที่เราเริ่มต้นทำจากแพสชันในตัวเองมาเป็นธุรกิจสปา และต่อยอดไปยังบริการต่างๆ ทั้งยังมีการนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ตั้งแต่แรก สิ่งเหล่านี้เป็นคำตอบว่า เราเดินมาถูกทาง และเราจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ เพราะยังมีแพสชันเกิดขึ้นทุกวัน 

 

ธเนศ: ผมเรียนรู้ทุกวันว่าสิ่งสำคัญคือทุกครั้งที่เกิดวิกฤต มันจะทำให้เราเห็นจุดอ่อนของตัวเรา สิ่งสำคัญคือ พอเรามองเห็นจุดอ่อน เราจะต้องกล้าที่จะแก้ไข เหตุการณ์ทุกเรื่องที่เป็นอุปสรรค หรือทำไปแล้วมันไม่ประสบความสำเร็จ เราเปลี่ยนมาเป็นโอกาสที่จะต้องสร้างความแข็งแรงให้กับจุดอ่อนนั้น แล้วก้าวข้ามผ่านมันไปให้ได้ ผมจะสนุกไปกับมัน ผมจะเรียนรู้ไปกับมัน แล้วจะรีบปรับตัว เป็น Mind Set ที่เราทำมาตั้งแต่ต้น ทุกครั้งที่เราผ่านมันมาได้ มันจะช่วยพัฒนาศักยภาพของเรา และทำให้แบรนดิ้งของเราแข็งแรงขึ้นไปพร้อมกัน  

 

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

FYI
  • Divana เริ่มต้นธุรกิจสปาในปี 2544 ปัจจุบันมีสปาทั้งหมด 5 สาขา คือ
  • Divana Massage & Spa สุขุมวิท 25
  • Divana Divine Spa ทองหล่อ 17
  • Divana Virtue Spa ถนนศรีเวียง สีลม
  • Divana Nurture Spa สุขุมวิท 11
  • Divana Scentuara Spa ซอยสมคิด 
  • นอกจากนี้ยังมีคลินิก Dii, ร้านคาเฟ่ Divana และผลิตภัณฑ์สกินแคร์ด้วย 
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X