เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อของสหรัฐฯ ได้รายงานข่าวใหญ่โดยอ้างข้อมูลจากเอกสารที่หลุดออกมาว่า ศาลสูงสหรัฐฯ เปิดการลงคะแนนเสียงขั้นต้นให้ยกเลิกกฎหมาย Roe v. Wade ปี 1973 ที่อนุญาตให้สตรีสามารถยุติการตั้งครรภ์อย่างถูกต้องตามกฎหมายได้ทั่วประเทศ โดยข่าวดังกล่าวได้กลายมาเป็นประเด็นสุดร้อนแรงทางการเมือง และทำให้พรรคเดโมแครตเริ่มกลับมาได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนเพิ่มขึ้น ก่อนที่การเลือกตั้งกลางเทอมจะเปิดฉากในเดือนพฤศจิกายนนี้
ก่อนหน้านี้ผลการสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศบ่งชี้ว่า พรรคเดโมแครตมีคะแนนนิยมตามหลังพรรครีพับลิกัน แต่ด้วยเหตุที่พรรคเดโมแครตแสดงจุดยืนสนับสนุนสิทธิการทำแท้งเสรีในประเทศ การตัดสินใจดังกล่าวของศาลสูงสหรัฐฯ จึงทำให้นโยบายของเดโมแครตกลายเป็นที่จับตาอีกครั้ง
เอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครตกล่าวว่า “ดิฉันโกรธมากกับข่าวที่เกิดขึ้น และพร้อมที่จะสู้สุดใจ” ท่ามกลางเสียงเชียร์จากบรรดาผู้ประท้วงหลายพันคนที่ออกมารวมตัวกันหน้าศาลฎีกาเพื่อแสดงจุดยืนคัดค้านการยกเลิกกฎหมายทำแท้งในสหรัฐฯ
“ดิฉันเติบโตในอเมริกา ดินแดนที่ผู้หญิงเคยต้องเผชิญกับปัญหาหลายประการจากการที่ไม่สามารถทำแท้งได้” วอร์เรนกล่าว “เราจะไม่ถอยหลังกลับไปอยู่จุดนั้นอีกแล้ว”
แม้การตัดสินใจขั้นต้นของศาลสูงสหรัฐฯ จะยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด แต่หากในขั้นสุดท้ายแล้วการลงคะแนนเสียงไม่พลิกโผ ก็จะส่งผลให้หลายรัฐในประเทศสามารถออกคำสั่งห้ามทำแท้งหรือออกข้อกำหนดที่เข้มงวดเพิ่มขึ้นได้ โดยคาดว่าศาลสูงจะมีการประกาศคำตัดสินอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน
ทั้งนี้ พรรคเดโมแครตคาดหวังว่าข่าวดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่ช่วยจุดประกายให้ประชาชนหันมาสนใจนโยบายของพรรค โดยเฉพาะกลุ่มฐานเสียงที่เป็นคนรุ่นใหม่ คนผิวสี หรือสตรีชายขอบ ที่เคยผิดหวังจากการที่รัฐไม่ได้ผลักดันประเด็นปัญหาต่างๆ ให้เกิดความคืบหน้า
“ดิฉันหวังว่าผู้หญิงทั่วประเทศจะลุกขึ้นสู้และตระหนักว่านี่ไม่ใช่เพียงทฤษฎีอีกต่อไป” เด็บบี้ สตาเบโนว์ วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตกล่าว
ด้าน แคทเธอรีน คอร์เตซ มาสโต วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครต มองว่าประเด็นการทำแท้งจะเป็นประเด็นสำคัญที่อาจพลิกผลการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
คอร์เตซ มาสโต เปิดเผยในการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า “จงอย่าได้ประเมินประเด็นนี้ต่ำไป” เพราะหากศาลสูงตัดสินใจยกเลิกกฎหมายนี้จริงก็จะสร้างความโกรธแค้นให้กับสตรีทั่วประเทศที่เคยมีสิทธิเสรีภาพเหนือร่างกายของตนเอง
ในทางกลับกัน พรรครีพับลิกันได้ออกตัวสนับสนุนให้สหรัฐฯ ออกคำสั่งแบนการทำแท้งมาโดยตลอด หรือตั้งแต่ก่อนที่จะมีการตรากฎหมาย Roe v. Wade ปี 1973 เสียด้วยซ้ำ โดยนักวางแผนกลยุทธ์ของรีพับลิกันกังวลว่าการคว่ำกฎหมายดังกล่าวก่อนการเลือกตั้งจะทำให้เกิดกระแสตีกลับมาต่อต้านพรรคได้ ซึ่งเป็นการเดินเกมที่ต้องระมัดระวัง เพราะขณะนี้รีพับลิกันมีคะแนนนิยมเหนือกว่าเดโมแครต
ลินด์ซีย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน ยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงกฎหมายทำแท้งของประเทศอาจมีส่วนช่วยหนุนคะแนนเสียงของพรรคเดโมแครตให้เพิ่มขึ้นในศึกการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง แต่ก็ยังคงมองว่าสิ่งที่จะชี้ชะตาการเลือกตั้งนั้นขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจมากกว่า
“แม้กฎหมายทำแท้งจะเป็นประเด็นใหม่ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันในระดับประเทศ แต่ดิฉันคิดว่าผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งส่วนใหญ่ไม่ใช่คนที่จะเลือกสนับสนุนพรรคใดพรรคหนึ่งเพราะแค่ประเด็นๆ เดียว”
ริก สก็อตต์ วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกัน ได้ออกมาส่งสัญญาณว่า พรรครีพับลิกันจะหาเสียงด้วยการมุ่งเน้นไปที่ด้านเศรษฐกิจและโจมตีนโยบายการบริหารประเทศที่ล้มเหลวของรัฐบาลไบเดน
“แม้การทำแท้งจะเป็นประเด็นสำคัญสำหรับหลายๆ คน แต่ประเด็นเงินเฟ้อ อาชญากรรม และปัญหาตามแนวชายแดนสหรัฐฯ ก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน” สก็อตต์กล่าว
ทั้งนี้ แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นถือเป็นผลดีสำหรับรัฐบาลผสมของประธานาธิบดีโจ ไบเดน อีกทั้งยังทำให้พรรคเดโมแครตมีนโยบายที่เป็นจุดยืนเด่นชัดสำหรับการหาเสียงเลือกตั้งกลางเทอม แต่ถึงเช่นนั้น ผู้เชี่ยวชาญมองว่าประเด็นดังกล่าวก็อาจยังไม่แข็งพอที่จะทำให้พรรคเดโมแคตรเอาชนะการเลือกตั้งได้ เนื่องจากความนิยมของตัวไบเดนเองก็ยังคงอ่อนแอ
ภาพ: Bonnie Jo Mount / The Washington Post via Getty Images
อ้างอิง: