ท่ามกลางดวงดาวมากมายที่ผลัดกันโผล่พ้นขอบฟ้าพรีเมียร์ลีกขึ้นมา เดเล อัลลี เคยเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ได้รับการยกย่องว่า มีโอกาสจะไปได้ไกลที่สุดในบรรดานักเตะชาวอังกฤษด้วยกัน
เก่งขนาดไหน? ครั้งหนึ่ง เปเล่ ราชาลูกหนังผู้ล่วงลับ เคยกล่าวชื่นชมอดีตนักเตะดาวรุ่งของท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ว่าเป็นความหวังใหม่ของทีมชาติอังกฤษ เช่นเดียวกันกับ ชาบี เอร์นานเดซ นายใหญ่แห่งบาร์เซโลนา ที่เคยเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่เก่งที่สุดของโลก ก็กล่าวในทางเดียวกัน
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นหนึ่งในนักเตะรุ่นใหม่ที่โดดเด่นที่สุดของอังกฤษ เขามีพรสวรรค์สูงมาก มีเทคนิคการเล่นที่สูงมาก ผมเข้าใจได้เลยว่าทำไมแฟนท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ถึงหวังว่าเขาจะเป็น พอล แกสคอยน์ คนใหม่”
แต่การเปรียบเปรยกับ พอล แกสคอยน์ ก็เป็นเหมือนคำสาปล่วงหน้า เพราะอดีตโกลเดนบอยของวงการฟุตบอลอังกฤษเองก็เคย ‘หลงทาง’ มาก่อน ไม่เพียงแต่เพราะอาการบาดเจ็บรุนแรงที่หัวเข่า แต่รวมถึงพฤติกรรมส่วนตัวที่ติดเหล้าอย่างหนัก จนสุดท้ายก็ไปไม่ถึงจุดที่พรสวรรค์ของเขาควรจะนำทางไปได้
ไม่กี่ปีหลังการแจ้งเกิดอย่างสวยงาม ความสุกสกาวในดวงดาวที่ชื่ออัลลีก็ค่อยๆ ลับก่อนจะดับแสงไป
ในวัยแค่ 27 ปี แต่อัลลีเหมือนจะอยู่ทางแยกสุดท้ายของชีวิตการเป็นนักฟุตบอลในระดับท็อป เขาต้องออกจากสเปอร์สมาอยู่กับเอฟเวอร์ตัน และไม่สามารถทำผลงานได้สมความคาดหวัง แม้จะโดนส่งตัวไปเล่นในตุรกีกับเบซิคตัส ก็กลายเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งตอกย้ำถึงความล้มเหลว
หลายคนมองว่าเขาเป็นแบบนี้เพราะทำตัวเอง ไม่ตั้งใจฝึกซ้อม สูญเสียความมุ่งมั่น
แต่ในความเป็นจริง มันมีความจริงที่เราไม่เคยรู้
เราไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับอัลลีเลยต่างหาก
ในวันที่ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกกำลังคึกคักด้วยชื่อของนักเตะระดับสตาร์มากมาย ทั้งที่มีอยู่เดิมและคนที่ย้ายมาใหม่ หรือโยกย้ายสลับทีม
ชื่อของ เดเล อัลลี แทบจะเป็นชื่อที่ผู้คนลืมไปแล้ว แทบไม่มีใครให้ค่าหรือคาดหวังอะไรกับเขานัก หนักกว่านั้นคือมีคนจำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่า อดีตนักเตะแข้งทองของสเปอร์สเองก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับชีวิตการเล่นของตัวเองแล้วเหมือนกัน
แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น
ในทางตรงกันข้าม ตลอดช่วงระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา อัลลีได้พยายามหาทางพาตัวเองกลับมาจากหุบเหวที่มืดมนอนธการจนแทบมองไม่เห็นก้นบึ้ง
การจะพาตัวเองกลับมาให้ได้นั้น ปัญหาของเขาไม่ได้อยู่ในเรื่องของการฟื้นฟูสภาพร่างกายหรือเทคนิคการเล่น เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงสำหรับนักกีฬาในระดับ Elite อย่างเขาที่จะเรียกทุกอย่างกลับมา
ปัญหาของอัลลีเป็นเรื่องของสุขภาพที่ยากกว่านั้น เพราะเขาติดยานอนหลับอย่างรุนแรง และผลข้างเคียงของมันก็ร้ายแรงจนส่งผลกระทบไม่เพียงแต่ชีวิตประจำวัน แต่พาลไปจนถึงชีวิตในการเป็นนักฟุตบอลของเขาด้วย
การที่มนุษย์สักคนต้องการพึ่งพิงยานอนหลับมากขนาดที่แทบขาดไม่ได้ ย่อมต้องมีเหตุผลบางอย่าง
และเหตุผลของอัลลีที่เปิดเผยผ่านการสัมภาษณ์กับ แกรี เนวิลล์ ตำนานนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นคอมเมนเตเตอร์ทางสถานีโทรทัศน์ Sky Sports ในรายการ The Overlap ก็ทำให้แม้แต่ตัวพิธีกรเองก็ถึงกับต้องเสียน้ำตา
เช่นเดียวกับแฟนบอลอีกมากมายที่น้ำตาไหลอาบแก้มหลังจากได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของอัลลี
เพราะมันเลวร้ายเกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้
“ผมคิดว่ามีบางเหตุการณ์ที่อาจช่วยทำให้ทุกคนเข้าใจได้ง่ายขึ้น” อัลลีบอกกับเนวิลล์ ก่อนจะต่อด้วยเรื่องราวที่ชวนหัวใจสลายในประโยคต่อไป
“ตอนอายุ 6 ขวบ ผมถูกเพื่อนของแม่ซึ่งมาที่บ้านบ่อยๆ ล่วงละเมิดทางเพศ แม่ของผมติดเหล้าหนักมาก และเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นกับผมตั้งแต่อายุ 6 ขวบ”
จากเด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ อัลลีบอกว่าเขาเริ่มสูบบุหรี่ตอนอายุ 7 ขวบ
ก่อนที่ 8 ขวบจะเริ่มขายยา
เขากลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่คนในสังคมมองว่าเป็นเด็กเหลือขอ แม้ว่าจะเล่นฟุตบอลไปด้วย แต่ก็ยังคงค้ายามาตั้งแต่ 8 ขวบ ก่อนที่เขาจะมีประสบการณ์เฉียดตายตอนอายุ 11 ปี เมื่อถูกผู้ใหญ่ที่อาศัยอยู่ใกล้กันจับเอาไปแขวนไว้กับสะพาน
บุญรักษาเขาให้มีชีวิตรอดมาได้ในตอนนั้น ก่อนที่โชคชะตาจะนำพาให้มีครอบครัวมารับเขาไปอุปการะเป็นบุตรบุญธรรมตอนอายุ 12 ปี
จุดนั้นเองที่เป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงของชีวิต เมื่อความรักและความดีงามของครอบครัวบุญธรรมดีพอที่จะเปลี่ยนความคิดของเด็กเหลือขอคนหนึ่งให้อยากปรับปรุงตัวเป็นคนที่ดีที่สุดให้ได้ เพื่อตอบแทนทุกสิ่งที่เขาได้รับ
อัลลีทำทุกอย่างดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้เพื่อครอบครัวใหม่
แต่มีอย่างเดียวที่เขาไม่ได้ทำ นั่นคือการเล่าสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับเขาและสิ่งที่เขาเคยทำ
โดยที่เขาไม่รู้เลยว่ามันจะกลายเป็น ‘หลุมดำ’ ขนาดเท่าจักรวาลในหัวใจ ที่ค่อยๆ ดูดกลืนตัวตนและความสุขของเขาไปเรื่อยๆ
อาวุธที่เขาใช้ต่อสู้คือสิ่งที่เรียกว่า ‘ยานอนหลับ’ เพื่อหวังจะจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง
อย่างน้อยให้มันผ่านคืนนี้ไปก่อน เพราะพรุ่งนี้เช้าต้องรีบตื่นเพื่อไปซ้อม
แต่ยิ่งใช้โดยปราศจากความระแวดระวังในผลเสียของมัน ทุกอย่างก็ยิ่งเลวร้ายขึ้นทุกที ไม่เฉพาะเรื่องการนอนของเขาที่เป็นปัญหา เพราะการใช้ยานอนหลับมากเกินไปจนมีปัญหาเรื่องฮอร์โมนโดพามีนในร่างกาย
เรื่องจิตใจของเขานั้น ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไร หลุมดำที่มีก็ขยายตัวใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ
จนมันมาถึงจุดที่เขาต้องถามตัวเองทุกวันหน้ากระจกเงา
“เช้าวันหนึ่งผมตื่นขึ้นมา ซึ่งผมต้องไปซ้อมตอนเช้า และมันเป็นเวลาที่ตัวผมอีกคนบอกว่าให้หยุดได้แล้ว ผมจำได้ว่าผมยืนจ้องตัวเองในกระจก ผมรู้ว่ามันอาจจะฟังดูเหมือนละคร แต่ผมยืนอยู่ตรงหน้ากระจกตรงนั้นจริงๆ แล้วถามตัวเองว่า ถ้าจะเลิกเล่นตอนนี้จะเป็นอะไรไหม ในวัย 24 ปีบอกลาจากสิ่งที่ผมรัก”
อัลลียอมรับว่ามันไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายเลย “สำหรับผมมันเป็นเรื่องที่ทำให้ใจสลาย”
จากช่วงเวลานั้นอัลลีต้องต่อสู้กับตัวเองในทุกเรื่อง ซึ่งเขาอาจจะรู้สึกว่าตัวเขาฝั่งนี้เป็นฝ่ายชนะ เขามีรอยยิ้มและแสดงออกว่ามีความสุข
แต่ลึกๆ ข้างในแล้วไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวของเขาเองว่าทุกอย่างมันได้แตกสลายไปหมดตั้งนานแล้ว
‘ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว’ จิตใจที่มืดมนของอัลลีค่อยๆ ส่งผลต่อร่างกายของเขาไปด้วย ยานอนหลับก็ไม่อาจช่วยอะไรได้ ทุกอย่างเลวร้ายไปจนถึงจุดที่เกือบจะไม่อาจย้อนกลับได้แล้ว
อนาคตของนักเตะแห่งอนาคตกำลังจะดับสูญอย่างน่าเศร้า
โชคดีที่เมื่อเขาหมดสัญญายืมตัวกับเบซิคตัส และมีอาการบาดเจ็บติดตัวมาด้วยจนต้องเข้ารับการผ่าตัด อัลลีตัดสินใจว่าเขาไม่ต้องการที่จะให้ชีวิตทั้งหมดของเขาต้องวนกลับไปในวังวนที่มืดมนไม่มีที่สิ้นสุดอีกต่อไปแล้ว
การรักษาจึงไม่ได้มีแค่เรื่องของอาการบาดเจ็บทางกาย
อัลลีรวบรวมความกล้าเพื่อที่จะยอมรับกับต้นสังกัดของเขาอย่างเอฟเวอร์ตันว่าเขามีปัญหาอย่างรุนแรงในเรื่องของสภาพจิตใจ เขาติดยานอนหลับ และตอนนี้เขาต้องการความช่วยเหลือ ช่วยพาเขาไปเข้ารับการบำบัดและเยียวยาหัวใจให้หายกลับมาเป็นปกติสักที
เมื่อทราบเรื่อง เอฟเวอร์ตันยื่นมือเข้าช่วยเหลือทันที และออกแถลงการณ์ที่มีข้อความบอกเป็นนัยว่า “สโมสรพร้อมจะสนับสนุนเดเล ทั้งในการเรียกสภาพความฟิตของเขากลับมาและการเอาชนะความท้าทายส่วนตัว”
ความท้าทายส่วนตัวก็คือการจับมือกันเพื่อเอาชนะปัญหาในจิตใจไปด้วยกัน หรืออย่างน้อยก็ให้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมันให้ได้
กระบวนการบำบัดผ่านมาแล้วราว 6 สัปดาห์ด้วยกันในคลินิกทันสมัยที่ช่วยเยียวยาอย่างถูกจุด จนในที่สุดเขาก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ
แต่การรักษาไม่ได้จบแค่นั้น
การรักษาขั้นสุดท้ายเพื่อที่จะกลบหลุมดำในหัวใจของเขาก็คือ การรวบรวมความกล้าหาญที่จะเปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่วัยเด็กให้ทุกคนได้รับรู้
โดยไม่ได้คาดหวังว่าทุกคนจะต้องเข้าใจ
สิ่งที่เขาคาดหวังที่บอกกับเนวิลล์คือ การเตือนให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความอันตรายของการใช้ยานอนหลับที่อาจส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อชีวิต โดยเฉพาะกับนักฟุตบอลจำนวนไม่น้อยที่พึ่งพายานอนหลับโดยไม่ระมัดระวัง ซึ่งเขากล้าพูดก็เพราะรู้เรื่องราวในวงการเป็นอย่างดี
อัลลีไม่อยากให้ใครต้องใช้ชีวิตติดกับดักตัวเองในแบบที่เขาเจอ
ในอีกด้านนั้น การกล้าที่จะเปิดเผยอดีตอันดำมืดออกมาต่อหน้าทุกคน ก็ไม่ต่างอะไรจากการปลดปล่อยตัวเองจากสิ่งที่พันธนาการตัวของเขามาโดยตลอด
ไม่มีใครบอกได้ว่าหลังจากนี้เขาจะสามารถมีความสุขได้เหมือนคนปกติหรือไม่ เพราะชีวิตของเขานั้นเต็มไปด้วยความมืดมนมาตั้งแต่อายุ 6 ขวบ
แต่หวังว่าอย่างน้อยที่สุด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้อัลลีน่าจะได้รู้แล้วว่าหัวใจของเขากล้าหาญพอที่จะเผชิญกับอะไรก็ตามที่จะเข้ามา
ไม่ว่าชีวิตและโชคชะตาจะนำพาเขาไป ณ ที่แห่งใดก็ตาม
อ้างอิง: