องค์ดาไลลามะ ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อเป็นครั้งแรกหลังเกิดวิกฤตการณ์ชาวโรฮีนจาถูกกวาดล้างอย่างหนักในเมียนมาว่า “พระพุทธองค์จะช่วยชาวเมียนมาที่หลบหนีภัยสงครามจากประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองพุทธอย่างเมียนมา ฉันเชื่ออย่างนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือเรื่องที่น่าเศร้าใจ”
กลุ่มชาวพุทธชาตินิยม เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่เป็นผู้นำในการปลุกระดมและขับเคลื่อนโรคเกลียดกลัวอิสลาม (Islamophobia) ให้เกิดขึ้นในสังคมพม่าเรื่อยมา จนทำให้ชาวโรฮีนจาถูกเลือกปฏิบัติ ถูกแบ่งแยก และไม่ได้รับสิทธิความเป็นพลเมืองของเมียนมา ส่งผลให้ไม่สามารถเข้ารับสวัสดิการขั้นพื้นฐานที่รัฐจัดสรรไว้ได้ อีกทั้งยังถูกกวาดล้างและผลักดันให้กลายเป็น ‘ผู้อพยพเบงกาลี’ ออกนอกประเทศไป
นับตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นมา มีชาวมุสลิมโรฮีนจาหลบหนีการกวาดล้างไปยังบังกลาเทศมากกว่า 370,000 คนแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติประจำเมียนมาเผยว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุกวาดล้างครั้งนี้กว่า 1,000 คนแล้ว
ก่อนหน้านี้ โป๊ปฟรานซิส ประมุขสูงสุดของคริสตจักรโรมันคาทอลิก ได้แสดงความกังวลต่อวิกฤตการณ์เรื้อรังที่เกิดขึ้นกับชาวมุสลิมในเมียนมา จนมีกำหนดการเดินทางเยือนเมียนมาในวันที่ 27-30 พฤศจิกายนนี้ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ผู้นำสูงสุดของศาสนาคริสต์เดินทางเยือนเมียนมาอย่างเป็นทางการ ก่อนที่จะเดินทางเยือนบังกลาเทศต่อในระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายนถึง 2 ธันวาคมนี้
โดยพระองค์หวังว่าการเดินทางเยือนเมียนมาในครั้งนี้จะช่วยให้ทั่วโลกให้ความสำคัญและเร่งให้ความช่วยเหลือมุสลิมชนกลุ่มน้อยชาวโรฮีนจาที่ดูเหมือนว่าจะได้รับสถานะเป็น ‘กลุ่มคนไร้รัฐ’ (Stateless People) และถูกกระทำด้วยการใช้ความรุนแรงมาโดยตลอด
นอกจากผู้นำสูงสุดทางจิตวิญญาณของทิเบตและประมุขสูงสุดของคริสตจักรแล้ว บรรดาเหล่าบุคคลสำคัญของโลกในแวดวงต่างๆ โดยเฉพาะผู้ที่เคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพอย่าง มาลาลา ยูซาฟไซ และเดสมอนด์ ตูตู ที่เรียกร้องให้นางออง ซาน ซูจี ออกมาต่อต้านการใช้ความรุนแรงและยื่นมือช่วยเหลือกลุ่มมุสลิมชาวโรฮีนจาให้สมกับที่ครั้งหนึ่งตนเคยเป็นนักต่อสู้ เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยและความเท่าเทียมกันให้เกิดขึ้นในสังคมเมียนมา
อ้างอิง:
