ฉางเผิง จ้าว ซีอีโอของ Binance กล่าวว่าทางแพลตฟอร์มจะยังคงสนับสนุน BUSD แม้ว่า Paxos บริษัทผู้ออกเหรียญจะได้รับคำสั่งให้หยุดสร้างเหรียญ Stablecoin ตามคำสั่งของหน่วยงานกำกับดูแลการเงินของนิวยอร์กก็ตาม
Binance จะสนับสนุนเหรียญ BUSD ต่อไป
เมื่อวานนี้ (13 กุมภาพันธ์) หน่วยงานบริการทางการเงินแห่งนิวยอร์ก (NYDFS) ออกคำสั่งให้ Paxos หยุดการออกเหรียญ BUSD ซึ่งเป็นเหรียญ Stablecoin อันดับ 3 ของโลก หลังจากที่ก่อนหน้านี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สหรัฐอเมริกา ได้ตั้งข้อกล่าวหาว่า Paxos Trust Co. ละเมิดกฎหมายคุ้มครองนักลงทุนของสหรัฐฯ และขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ย้อนรอยวิกฤตคริปโต การล่มสลายของ FTX รอบนี้จะสั่นสะเทือนตลาดคริปโตได้เหมือนรอบ Mt.Gox ปี 2014 หรือไม่?
- บิล แอคแมน เริ่มใจอ่อน เผย มองคริปโตในมุมบวกมากขึ้น ถึงขั้นเริ่มเข้าลงทุนบ้างแล้ว
- แม้แต่ ‘จัสติน บีเบอร์’ ยังขาดทุน! ผลงาน NFT จาก Bored Ape Yacht Club ที่ซื้อมาด้วยราคา 46.4 ล้านบาท ตอนนี้หล่นลงเหลือ 2.5 ล้านบาท
ฉางเผิง จ้าว หรือที่รู้จักกันว่า ‘CZ’ เผยว่า เขาจะดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่าเงินของผู้ใช้งานปลอดภัย พร้อมระบุเพิ่มเติมว่า Paxos ถูกกำกับดูแลโดย NYDFS และ Paxos เป็นเจ้าของและบริหารเหรียญ BUSD ทั้งหมด แม้ว่าทางบริษัท Paxos จะไม่สามารถออกเหรียญใหม่ได้ แต่จะยังมีการบริหารจัดการและให้บริการเหรียญ BUSD ต่อไป ซึ่งทาง Binance จะยังคงสนับสนุน BUSD ต่อไป แม้ว่าผู้ใช้งานจะย้ายเงินไปใน Stablecoin อื่นๆ ก็ตาม
นอกจากนี้ ทาง Binance จะพิจารณาปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ของแพลตฟอร์ม โดยการเลิกใช้เหรียญ BUSD สำหรับคู่ซื้อขายหลักของโทเคนจำนวนมาก พร้อมอำนวยความสะดวกผู้ใช้งานต่อไปสำหรับทางเลือกที่น่าสนใจในอนาคต
หวั่นลามกระทบ ‘อุตสาหกรรมคริปโต’
ซีอีโอ Binance แสดงความเห็นต่อประเด็นที่เกิดขึ้นว่า หากท้ายที่สุด BUSD ถูกศาลตัดสินให้เป็นหลักทรัพย์ สิ่งนี้อาจส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่ออุตสาหกรรมคริปโต
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก.ล.ต. สหรัฐฯ มักจะตั้งข้อกล่าวหาโทเคนมากมายว่าเป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้ลงทะเบียน และ Paxos เป็นรายล่าสุดที่โดนข้อกล่าวหานี้
ดูเหมือนว่า ก.ล.ต. จะเริ่มกำกับดูแลตลาดคริปโตอย่างเข้มงวด นับตั้งแต่การล่มสลายของ FTX เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2022 โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งให้ Kraken เว็บเทรดคริปโตชั้นนำ ยุติโปรแกรม Staking แก่ลูกค้า และยังเรียกค่าปรับเป็นจำนวนเงินมากถึง 30 ล้านดอลลาร์
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
อ้างอิง: