×

คอร์เซ็ต เรือนร่าง และสิทธิสตรีสมัยใหม่บนรันเวย์ Spring/Summer 2017

โดย Nan Tohch
06.06.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 Mins. Read
  • ดีไซเนอร์หลายคนหยิบ ‘คอร์เซ็ต’ ขึ้นมาดัดแปลงบนรันเวย์ Spring/Summer 2017 จนกลายเป็นลุคที่ทันสมัย เตะตา และถือว่าเป็น must have สำหรับซีซันนี้
  • ลุคคอร์เซ็ตที่น่าจดจำสุดๆ หนีไม่พ้นของมาดอนน่ากับคอร์เซ็ตสีชมพูเมทัลลิก
  • กระทั่งไคลี เจนเนอร์ ยังนำสไตล์การสวมใส่คอร์เซ็ตของพี่สาวมาปรับใช้ให้เข้ากับชุดประจำวันของเธอเอง

Corset Trend: เมื่อคอร์เซ็ตกลับมาประกาศสิทธิสตรีสมัยใหม่บนรันเวย์ Spring/Summer 2017

     หากจะพูดถึงไอเท็มอย่างคอร์เซ็ต (Corset) หรือที่รัดหน้าท้อง (Waist Trainer) ไอเท็มชั้นในของผู้หญิงชิ้นนี้ หลายคนคงจินตนาการไปถึงสุภาพสตรียุควิกตอเรียนสวมใส่ชุดกระโปรงบานยาวเต็มไปด้วยลูกไม้ หรือราชนิกุลฝรั่งเศสที่แต่งตัวฟู่ฟ่าหรูหรา แต่อันที่จริงแล้วภายใต้หน้าที่การเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของบุคคลให้ตรงตามอัตลักษณ์ที่สังคมต้องการ มันยังส่งผลไปถึงการควบคุมร่างกายและจิตใจของผู้ใส่เลยทีเดียว

     คอร์เซ็ตจึงกลายเป็นเสื้อผ้าชิ้นที่ทำให้เกิดการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางว่าลิดรอนสิทธิสตรีหรือไม่ แต่กระนั้นไอเท็มชิ้นนี้ได้ถูกดีไซเนอร์หลายคนหยิบยกขึ้นมาดัดแปลงบนรันเวย์ Spring/Summer 2017 จนกลายเป็นลุคที่ทันสมัย เตะตา และถือว่าเป็น must have สำหรับซีซันนี้

 

เอมิลี บลันต์ ในภาพยนตร์ The Young Victoria

Photo: Apparition Films

 

     คอร์เซ็ตมีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลีในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 และกลายเป็นไอเท็มที่เห็นทั่วไปในการแต่งกายของสตรีแถบยุโรปช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 โดยคอร์เซ็ตบางรุ่นมีการใช้วัสดุตั้งแต่ไม้ เหล็ก หรือแม้กระทั่งกระดูกปลาวาฬเพื่อให้ทรงแข็ง

     คอร์เซ็ตมีบทบาทในโลกแฟชั่นและการแต่งกายของสตรีมากขึ้นช่วงยุควิกตอเรียน เนื่องจากในยุคสมัยนี้รูปร่างแบบเอวคอด อกและสะโพกผายกว้างกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยสตรีในสมัยนั้นจะใช้เทคนิคการรัดเรือนร่างให้แน่น เพื่อทำให้เอวของพวกเขาดูเล็กมากที่สุดเท่าที่ร่างกายจะรับไหว ในภายหลังคอร์เซ็ตได้มีการพัฒนารูปทรงและวัสดุให้ใส่ง่ายขึ้น และเริ่มได้รับความนิยมน้อยลงหลังสตรีหันไปสวมใส่บรามากขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19

 

คอร์เซ็ตในยุค ค.ศ. 1900

 

     ปัจจุบันภาพลักษณ์ของคอร์เซ็ตได้ถูกนำไปเชื่อมโยงกับรสนิยมทางเพศ แนว Fetish (การนำวัตถุมาใช้ในกิจกรรมทางเพศ) หรือกระทั่ง BDSM (ความสัมพันธ์ทางเพศที่รุนแรงกว่าปกติ ยกตัวอย่างเช่น นวนิยายเรื่อง Fifty Shades of Grey) สิ่งนี้สื่อให้เห็นถึงอิสรภาพทางเพศและความเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ ซึ่งไม่ได้ถูกไอเท็มชิ้นนี้รัดเอาไว้ในกร อบอีกต่อไป

     หากจะพูดถึงลุคคอร์เซ็ตที่ถือว่าเป็นที่น่าจดจำและไอคอนิกสุดๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นภาพของราชินีเพลงป็อปอย่างมาดอนน่า (Madonna) กับคอร์เซ็ตสีชมพูเมทัลลิก ที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศส ฌอง ปอล โกลติเยร์ (Jean Paul Gaultier) ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากชุดชั้นในทรง Bullet Bra ซึ่งมีรูปร่างแข็งเป็นทรงโคน ช่วยให้หน้าอกของผู้สวมใส่ดูเป็นทรงชัดเจน นำมาผสมผสานกับเทรนด์แฟชั่นยุค 80s ที่นิยมใส่ชุดชั้นในเอาไว้ด้านนอก

 

Photo: Live of Style

 

     วันที่ 13 เมษายน ค.ศ. 1990 มาดอนน่าใส่โคนบราในการทัวร์คอนเสิร์ต Blonde Ambition ที่ประเทศญี่ปุ่น นับจากวันนั้นลุคนี้ของมาดอนน่าก็กลายเป็นอีกหนึ่งในตำนานของแฟชั่นป็อปคัลเจอร์เลยทีเดียว

     มีศิลปินหลายคนได้ดึงแรงบันดาลใจนี้มาใช้ในผลงานของตนเองอย่างเลดี้ กาก้า (Lady Gaga) ที่สวมใส่ชุดคอร์เซ็ตสีดำปักเลื่อมดีไซน์โดย Haus of Gaga ที่มีตัว Pyro Bra ยิงประกายไฟ กาก้าใส่ขึ้นแสดงโชว์ที่งานประกาศรางวัล The iHeartRadio Much Music Video Awards ปี ค.ศ. 2009 ที่ประเทศแคนาดา และกลายเป็นอีกหนึ่งชุดแจ้งเกิดของเธอก็ว่าได้

 

Vogue Australia ฉบับ มิถุนายน 2016 ถ่ายโดย Lachlan Bailey

 

Photo: Kylie Jenner, Facebook

 

     แน่นอนว่าเมื่อเทรนด์แฟชั่นคอร์เซ็ตกลับมาปรากฏบนรันเวย์อีกครั้ง เซเลบต่างๆ ต้องหยิบมาใส่ก่อนใคร ไม่ว่าจะเป็นสาวๆ ตระกูลคาร์ดาเชียน (Kardashian) ผู้สวมใส่ Waist Trainer เป็นประจำเพื่อสร้างสัดส่วนโค้งเว้าให้ช่วงเอว ซึ่งหลังจากที่ครอบครัวคาร์ดาเชียนได้โพสต์รูปตนเองใส่ Waist Trainer ลงอินสตาแกรม ผู้หญิงหลายคนทั่วโลกก็อยากจะลองใส่ตาม

     แม้แต่สื่อหลายเจ้าเองก็ได้ทำสกู๊ปทดสอบไอเท็มชิ้นนี้ว่าจะมีผลอย่างไร รายการ E! News กล่าวว่ามันคือชุดชั้นในเก็บสัดส่วนที่ทรมานกว่าแบบธรรมดา ดาราสาวอย่าง เจสสิกา อัลบา (Jessica Alba) ก็ออกมากล่าวถึงประสบการณ์สวมใส่คอร์เซ็ตของเธอว่า “มันไม่ใช่สำหรับทุกคน” ส่วนบรรณาธิการเว็บไซต์ Elite Daily ได้เขียนถึงประสบการณ์การลองใส่ Waist Trainer ของเธออย่างขำขันว่า การใส่มันถือว่ายากมากถ้าเทียบกับการออกกำลังกาย ซึ่งหลังจากนั้นเธอเลยให้รางวัลตัวเองโดยการกินขนมซะเลย!

 

Photo: www.etonline.com

 

     แต่การสวมใส่คอร์เซ็ตนั้นก็ไม่ใช่เรื่องทรมานเสมอไป เมื่อเราไม่ได้ใส่มันเพื่อลดสัดส่วน แต่เลือกใช้เป็นชิ้นแอ็กเซสซอรี เช่นลุคของ ไคลี เจนเนอร์ ที่นำสไตล์การสวมใส่คอร์เซ็ตของพี่สาวมาปรับใช้ให้เข้ากับตนเองและชุดประจำวัน เธอเลือกที่จะแต่งตัวในลุคโมโนโครมและมิกซ์แอนด์แมตช์กับ Slip Dress และคอร์เซ็ตเข้าด้วยกัน ส่วนนางแบบระดับโลกอย่างจีจี้ ฮาดิด (Gigi Hadid) ก็ได้นำเทรนด์คอร์เซ็ตมาปรับแต่งให้ดูเท่และทันสมัยกว่าเดิมด้วยการครีเอตลุค เริ่มจากรองเท้าบู๊ตที่เธอดีไซน์ให้แบรนด์ Stuart Weitzman และแมตช์คอร์เซ็ตสีดำกับเสื้อเชิ้ตยาวสีขาว เพื่อให้ลุคดูทะมัดทะแมง แต่ยังแฝงด้วยเสน่ห์ของความเป็นผู้หญิงเอาไว้อย่างลงตัว

 

จากซ้ายไปขวา: Isabel Marant, Loewe และ Fenty Puma by Rihanna Collection

 

     บนรันเวย์ Spring/Summer 2017 เราก็ได้เห็นคอร์เซ็ตในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นคอร์เซ็ตทรงคลาสสิกที่ถูกมิกซ์แอนด์แมตช์กับชิ้นเสื้อผ้าแนวสตรีทออกมาเป็นลุคเลเยอร์จาก Fenty x Puma ของศิลปินสาวริฮานน่า (Rihanna) หรือการนำรูปทรงของคอร์เซ็ตมาลดทอนและกลายเป็นแค่เข็มขัดทรงกว้างแนวมินิมัลของ Isabel Marant ส่วนอีกหนึ่งสไตล์คือการนำมาเป็นชิ้นเข็มขัดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปคอร์เซ็ตทรงเรขาคณิตสุดเตะตาที่มีให้เห็นในคอลเล็กชันของ Loewe

 

Photo: www.meltyfashion.fr

 

     การสวมใส่คอร์เซ็ตให้ดูเก๋ เท่ และทันสมัยนั้น เราควรเลือกที่จะแมตช์คอร์เซ็ตกับไอเท็มที่ดูทะมัดทะแมง ไม่ว่าจะเป็นกางเกงยีนส์หรือเสื้อเชิ้ตโอเวอร์ไซส์ หรือแม้กระทั่งไอเท็มอย่างจัมป์สูท คอร์เซ็ตจะช่วยให้ลุคมีความเฟมินีนมากขึ้น อาจจะเลือกลุคแบบโมโนโครมที่ดูโมเดิร์น หรือเลือกคอร์เซ็ตสีสันสดใสเพื่อนำมาตัดกับเสื้อผ้าสีเบสิกอย่างดำ ขาว หรือเทา ส่วนใครที่ชื่นชอบลวดลายต่างๆ ก็เลือกครีเอตลุคให้เข้ากับเทรนด์นี้ได้ ด้วยการนำเดรสแนววินเทจมาจับคู่กับคอร์เซ็ตสีเรียบที่ทำจากวัสดุหนัง เป็นการสร้างความคอนทราสต์และเพิ่มความทะมัดทะแมงอย่างลงตัว

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising