วันนี้ (26 มิถุนายน) หลังการเลือก สว. ระดับประเทศ รอบแรก และการจับสลากแบ่งสายเข้าสู่รอบเลือกไขว้เสร็จสิ้น แสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะผู้อำนวยการการเลือก สว. ระดับประเทศ แถลงสรุปภาพรวมว่า เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ในช่วงเช้ามีผู้ไม่มารายงานตัว จำนวน 6 คน จากผู้มีสิทธิเลือกในระดับประเทศทั้งหมด 2,995 คน
อย่างไรก็ตาม การเลือกกันเองในรอบเช้า ทั้ง 20 กลุ่มอาชีพ ใช้ระยะเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากสถานที่เลือกของแต่ละกลุ่มอยู่ติดกัน เจ้าหน้าที่จึงต้องขานคะแนนให้ชัดเจน อีกทั้งบัตร 1 ใบต้องขานคะแนนถึง 10 ครั้ง จึงเพิ่งเสร็จสิ้นกระบวนการในเวลา 14.00 น. ทำให้เลยระยะเวลามื้ออาหารกลางวัน
ส่วนบรรยากาศการเลือกโดยทั่วไปต้องขอบคุณผู้มีสิทธิเลือกที่ให้ความร่วมมือ ทำให้การเลือกเป็นไปด้วยดี ในสถานที่เลือกทุกคนอยู่ประจำกลุ่มของตัวเอง โดยมีผู้สังเกตการณ์จากทั้งภาคเอกชน ทูตานุทูต องค์การระหว่างประเทศ รวมถึงผู้ตรวจการการเลือกตั้งที่คอยตรวจตราว่าเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามระเบียบและข้อกฎหมายหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดในทุกกลุ่ม กลุ่มละ 4 กล้อง เพื่อบันทึกภาพและเสียงเหตุการณ์ตลอดกระบวนการเลือกและนับคะแนน
พร้อมกันนี้ เลขาธิการ กกต. ยังเปิดเผยว่า ในช่วงเช้าพบว่ามีการทักท้วงหลังจากทราบผลคะแนนแล้ว ไม่ใช่การทักท้วงในระหว่างขานคะแนนหรือขีดคะแนน ทำให้เจ้าหน้าที่ขอให้ผู้มีสิทธิไปใช้สิทธิยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา
ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการเลือกกันเองในรอบแรกก็เริ่มกระบวนการจับสลากเพื่อเลือกในรอบที่ 2 แบบเลือกไขว้ ซึ่งในรอบนี้ ผู้มีสิทธิเลือก 1 คน สามารถเลือกผู้สมัครได้ 5 คน ทำให้ปริมาณลดลง แต่เวลาขานคะแนนจะนับทีละกลุ่ม จึงน่าจะใช้เวลาน้อยลง คาดว่าจะเสร็จสิ้นประมาณ 20.00 น.
ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามถึงการถ่ายทอดภาพกล้องวงจรปิดภายในสถานที่การคัดเลือก ซึ่งตัดภาพสลับกล้องไปมาและไม่ได้ยินเสียงกระบวนการคัดเลือกภายใน ทำให้ไม่สามารถติดตามสถานการณ์ได้อย่างสะดวก รวมถึงการติดประกาศรายชื่อผู้ผ่านการเลือกในรอบแรก ซึ่งติดบนบอร์ดในห้องสถานที่การเลือก ทำให้สื่อมวลชนไม่สามารถมองเห็นได้
โดยแสวงกล่าวว่า การติดประกาศรายชื่อนั้นเป็นการประกาศโดยทั่วไป และติดในสถานที่ที่เลือก จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ในส่วนของกล้องวงจรปิดได้ติดตั้งไว้เพื่อคุ้มครองผู้สมัครและเจ้าหน้าที่ หากผู้มีสิทธิได้ยื่นคำร้องต่อศาล ศาลจะไต่สวนและเรียกภาพวงจรปิดเป็นหลักฐาน ซึ่งจะมีทั้งภาพและเสียง ถือเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และใช้เป็นหลักฐานมาโดยตลอดเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง ส่วนการถ่ายทอดออกมาภายนอกสถานที่เลือก เจตนาเพื่อให้เห็นภาพบรรยากาศภายในเท่านั้น
นอกจากนี้ สื่อมวลชนได้สอบถามถึงกรณีที่มีผู้สมัครบางกลุ่มแต่งตัวคล้ายกัน ซึ่งไม่มั่นใจว่ามีการนัดแนะกันหรือไม่ ซึ่งเลขาธิการ กกต. เคยบอกไว้ว่า หากพบว่ามีหลักฐานการทุจริตแล้วจะไปสอยทีหลัง อ้างอิงกฎหมายอะไร แสวงกล่าวว่า การแต่งกายเหมือนกับวันสมัคร บางคนมาจากหมู่บ้านเดียวกัน บริษัทเดียวกัน จึงแต่งกายคล้ายกัน จึงยังไม่มีความผิด ส่วนจะมีความผิดหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง พร้อมยกตัวอย่างในกรณีผู้สมัครนัดพบกันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ที่เจ้าหน้าที่จะต้องไปตรวจสอบว่าใครเป็นคนจองสถานที่ จ่ายค่าอาหาร ค่าโรงแรม
ทั้งนี้ เชื่อว่าโรงแรมจะไม่เปลี่ยนแปลงข้อมูล หากพบว่ามีการจัดเลี้ยงหรือให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดก็ถือว่าผิดกฎหมาย มาตรา 60 ที่กำหนดไว้ว่า หากประกาศผลการเลือกไปแล้วพบว่ามีผู้สมัครคนใดทำให้การเลือกเป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรมจะต้องส่งเรื่องต่อศาลฎีกา ซึ่งหากศาลรับเรื่องไว้แล้วจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที
