×

CPALL ทำโลว์รอบ 7 เดือน โบรกคาดกำไรไตรมาส 3/63 ส่อวูบเฉียด 30%

26.10.2020
  • LOADING...
CPALL ทำโลว์รอบ 7 เดือน โบรกคาดกำไรไตรมาส 3/63 ส่อวูบเฉียด 30%

‘CPALL’ ทำจุดต่ำสุดรอบ 7 เดือน นักวิเคราะห์ชี้ปัจจัยลบรุมเร้าทั้งภายในและภายนอก ประเมินกำไรไตรมาส 3 ปี 2563 หดตัว 28-29% จากปีก่อน

 

ความเคลื่อนไหวของหุ้น บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) ลดลงต่อเนื่องจนทำจุดต่ำสุดในรอบ 7 เดือน ล่าสุดร่วงแตะ 55.50 บาท โดยราคาหุ้นลดลงมาต่อเนื่องในช่วงเกือบ 5 เดือนที่ผ่านมา ลดลงไป 25% 

 

สุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า หุ้น CPALL ในขณะนี้ถูกกดดันทั้งจากปัจจัยเฉพาะตัวและปัจจัยแวดล้อม ในส่วนของปัจจัยเฉพาะตัว แนวโน้มกำไรไตรมาส 3 ปี 2563 แม้ว่าน่าจะฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาสก่อน แต่โดยรวมยังถือว่าฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาดไว้ โดยคาดว่ากำไรสุทธิน่าจะลดลงราว 28-29% จากปีก่อนที่ทำได้ 5.6 พันล้านบาท

 

โดยปัจจัยกดดันหลักคือ การบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวช้า รวมถึงกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4 ปีนี้คาดว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวได้จากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา แต่จะยังคงต่ำกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 

 

นอกจากนี้ยังมีความกังวลในเรื่องของดีลการเข้าซื้อกิจการ เทสโก้ โลตัส ซึ่งคงต้องรอคำตัดสินในเรื่องของการผูกขาดทางการค้า โดยน่าจะได้ข้อสรุปในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งในประเด็นนี้มาพร้อมกับความกังวลในเรื่องของดอกเบี้ยจ่ายที่มีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นมากจากการกู้เงินมาซื้อ

 

“ดอกเบี้ยจากการกู้มาซื้อโลตัสน่าจะเพิ่มขึ้นมาก โดยกำไรจากที่จะรับรู้เข้ามาตามสัดส่วนการถือหุ้น 40% อาจจะไม่เพียงพอที่จะชดเชยดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นนี้ โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปีแรก ซึ่งอุตสาหกรรมค้าปลีกมีแนวโน้มชะลอตัวลงทั้งหมด”

 

สำหรับความเสี่ยงขาลงไปมากกว่านี้ ปัจจุบันยังประเมินได้ค่อนข้างยาก ด้วยความเสี่ยงจากปัจจัยแวดล้อมคือ ภาวะตลาดที่อยู่ในทิศทางขาลง รวมถึงความไม่ชัดเจนในด้านอื่นๆ เช่น ความกังวลในเรื่องของการเพิ่มทุนและการฟื้นตัวของกำลังซื้อโดยภาพรวมว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด 

 

“กลยุทธ์การลงทุนสำหรับ CPALL ในระยะสั้นอาจจะหลีกเลี่ยงไปก่อน จนกว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนในส่วนของปัจจัยกดดันแต่ละประเด็น แต่ในระยะกลางถึงยาวมองว่าหุ้น CPALL ยังเป็นหนึ่งในหุ้นที่พื้นฐานดี ซึ่งแนวโน้มในปี 2564 น่าจะค่อยๆ เห็นการฟื้นตัวกลับมาได้ต่อเนื่อง”

 

ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่า คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 3 ของ CPALL จะหดตัวลงจากปีก่อน คาดกำไรหลักที่ 3.8 พันล้านบาท ลดลง 32.6% เนื่องจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อคือ 7-Eleven อ่อนลง ขณะที่ธุรกิจค้าส่งภายใต้ บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) มีการเติบโตเล็กน้อย

 

คาดว่าอัตราการเติบโตจากสาขาเดิม (SSSG) ในงวดไตรมาส 3 ยังติดลบเป็นตัวเลข 2 หลัก ด้าน MAKRO กลับเป็นบวกเล็กน้อย

 

โดยภาพรวมเราปรับลดประมาณการปี 2563 และปี 2564 ลงในอัตรา 14% และ 8% ตามลำดับ สะท้อนธุรกิจที่อ่อนตัวลง แต่ยังคงคำแนะนำซื้อด้วยราคาพื้นฐานใหม่ที่ปรับลงเป็น 80 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF โดยราคาปัจจุบันคิดเป็น P/E ปี 2564 ราว 25 เท่า 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising