×

จับตาสถานการณ์โควิดใน 7 ประเทศ ในวันที่เชื้อสายพันธุ์เดลตาสร้างความกังวลไปทั่วโลก

02.08.2021
  • LOADING...
จับตาสถานการณ์โควิดใน 7 ประเทศ ในวันที่เชื้อสายพันธุ์เดลตาสร้างความกังวลไปทั่วโลก

สถานการณ์การระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตากำลังเป็นที่จับตา หลังมีรายงานว่าเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวสามารถติดต่อได้ง่ายกว่าเชื้อดั้งเดิม ไปจนถึงความกังวลว่าวัคซีนจะยังทำหน้าที่ในการป้องกันเชื้อสายพันธุ์นี้ได้ดีเพียงใด 

 

เรารวบรวมสถานการณ์ใน 7 ประเทศทั่วโลก ซึ่งมีทั้งประเทศที่อยู่ในอันดับต้นๆ ที่ประชากรได้รับวัคซีนครบโดสแล้วในสัดส่วนที่ค่อนข้างมาก (อย่างสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และอิสราเอล) ไปจนถึงประเทศที่ประชากรได้รับวัคซีนครบโดสแล้วในสัดส่วนที่น้อยลงมา (อย่างบราซิล รัสเซีย และอินเดีย) ว่าประเทศเหล่านี้เผชิญสถานการณ์อะไรกันอยู่ในวันที่สายพันธุ์เดลตากำลังระบาดอยู่ทั่วโลกในขณะนี้ 

 

(และสามารถอ่านสถานการณ์ในอาเซียนเพิ่มเติมได้ที่: https://thestandard.co/5-asean-coronavirus-situation/)

 

สหรัฐอเมริกา

  • ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) ระบุว่า ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ค่าเฉลี่ยของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 7 วันเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำกว่า 20,000 ราย เป็นมากกว่า 70,000 รายต่อวัน ส่วนค่าเฉลี่ยของจำนวนผู้เสียชีวิตต่อวันเพิ่งลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 200 รายต่อวัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2020 ก่อนจะเพิ่งเพิ่มขึ้นอีกครั้งเล็กน้อยมาอยู่ในระดับเดียวกับกลางเดือนมิถุนายนแล้ว ทั้งนี้ ข้อมูลจาก CDC บอกว่าระดับการแพร่เชื้อในชุมชนในพื้นที่ส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ อยู่ในระดับสูงและหนาแน่น

 

  • CDC ยังเพิ่งออกคำแนะนำให้ ‘ผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดครบถ้วนแล้ว’ สวมหน้ากากอนามัยในอาคารซึ่งเป็นที่สาธารณะ หากอยู่ในพื้นที่ที่มีการแพร่เชื้อ ‘หนาแน่น (Substantial)’ หรือ ‘สูง (High)’ และในบางกรณี ผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดครบถ้วนแล้วยังอาจเลือกสวมหน้ากากอนามัยโดยไม่จำกัดว่าพื้นที่ที่อยู่นั้นจะมีการแพร่เชื้ออยู่ในระดับใด ส่วนในสถานศึกษานั้น CDC แนะนำให้ครู บุคลากร นักเรียน และผู้มาเยือนในโรงเรียน ‘ทุกคน’ สวมหน้ากากอนามัยแบบถ้วนหน้า (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/key-messages-us-centers-for-disease-control-recommendations-citizen-come-back-to-wear-a-mask/)

 

สหราชอาณาจักร

  • ข้อมูลที่รายงานบนเว็บไซต์รัฐบาลสหราชอาณาจักรที่ระบุจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวัน (จำแนกตามวันที่การติดเชื้อได้รับการรวมอยู่ในยอดรวมที่เผยแพร่) พบว่าเริ่มเห็นแนวโน้มค่าเฉลี่ยของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันดังกล่าวเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ครึ่งเดือนหลังของเดือนพฤษภาคม จนมาสูงสุดในระลอกนี้ที่วันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมาที่ 54,674 ราย ก่อนจะลดลงมาอยู่ที่ต่ำกว่า 27,000 รายในวันที่ 29 กรกฎาคม ส่วนยอดผู้เสียชีวิตต่อวัน (ตามวันที่มีการรายงาน) ในระลอกนี้เกิน 20 คนต่อวันครั้งแรกเมื่อ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ จนมาอยู่ที่ 131 และ 91 ราย เมื่อวันที่ 27 และ 28 กรกฎาคมตามลำดับ

 

  • ทั้งนี้ ในสหราชอาณาจักร แคว้นต่างๆ ทยอยคลายมาตรการอย่างต่อเนื่อง (THE STANDARD เคยนำเสนอข้อมูลเชิงลึก และความเห็นด้วย-เห็นต่างเกี่ยวกับการคลายล็อกระยะล่าสุดในอังกฤษ หรือ England ไว้ก่อนหน้านี้ อ่านได้ที่ https://thestandard.co/england-risk-and-opinion-after-announcement-to-relieve-lockdown-phase-4)

 

อิสราเอล

  • ข้อมูลจากเว็บไซต์รัฐบาลอิสราเอลและองค์การอนามัยโลกระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตั้งแต่ครึ่งเดือนหลังของเดือนมิถุนายน (จากที่ก่อนหน้านั้นอยู่ในระดับไม่ถึง 30 คนต่อวัน) และยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึงวันที่เราสืบค้นข้อมูล โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ล่าสุดอยู่ที่มากกว่า 2,000 รายต่อวัน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตต่อวันขยับจากที่แทบไม่มีเลยในปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม มาอยู่ที่น้อยกว่า 5 รายต่อวัน

 

  • โดยสำนักข่าว The Times of Israel รายงานเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมว่า จากข้อมูลของผู้ที่รับการตรวจเชื้อในเดือนมิถุนายน พบว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนก่อนปลายเดือนกุมภาพันธ์มีแนวโน้มที่จะติดเชื้อได้มากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนภายหลัง ข่าวดังกล่าวสื่อถึงความจำเป็นในการพิจารณาให้วัคซีนเข็มที่ 3 แก่ผู้ที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป และอีกสองวันถัดมาสำนักข่าวแห่งเดียวกันนี้รายงานว่า การเพิ่มจำนวนขึ้นของผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ทำให้ผู้เชี่ยวชาญแสดงความกังวลและบอกว่าจำเป็นต้องกระตุ้นให้คนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนออกมาฉีดวัคซีน ขณะที่คณะรัฐมนตรีด้านโควิดเห็นชอบไปก่อนหน้านี้ว่า จำนวนผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงจะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการกำหนดข้อจำกัดในสถานการณ์โควิด แต่นายกรัฐมนตรีนาฟตาลี เบนเนตต์ ระบุว่า จะยังคงยืนยันในการรักษาการดำรงชีวิต เศรษฐกิจ การศึกษา และเสรีภาพของประชาชน ผ่านการใช้หน้ากากอนามัยและวัคซีน มากกว่าที่จะเลือกใช้มาตรการล็อกดาวน์ใหม่

 

บราซิล

  • ประเทศที่มีรายงานจากสื่อถึงการออกมาประท้วงของประชาชนต่อการจัดการสถานการณ์การระบาดของโควิดของรัฐบาลเป็นระยะ และมีสัดส่วนผู้เสียชีวิตสะสมมากกว่า 250 รายต่อจำนวนประชากร 100,000 ราย สถานการณ์ล่าสุดพบว่า แม้ค่าเฉลี่ยในรอบ 7 วันของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันจะลดลงกว่าจุดพีกเมื่อราว 1 เดือนเศษก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งขณะนั้นค่าเฉลี่ยดังกล่าวอยู่ที่มากกว่า 77,000 ราย แต่ล่าสุดค่าเฉลี่ยดังกล่าวก็มีทิศทางขยับขึ้นอีกครั้งในสัปดาห์นี้ ส่วนค่าเฉลี่ย 7 วันของจำนวนผู้เสียชีวิตต่อวันยังอยู่ในขาลงต่อเนื่อง จากปลายเดือนที่แล้วที่อยู่ที่ระดับเฉลี่ยมากกว่า 2,000 รายต่อวันเล็กน้อย มาอยู่ที่ระดับมากกว่า 1,000 รายเล็กน้อยในขณะนี้

 

  • ส่วนสถานการณ์ภายในประเทศ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ช่วงวันที่ 24 กรกฎาคม มีผู้คนนับหมื่นออกมาประท้วงตามเมืองต่างๆ เรียกร้องให้ ฌาอีร์ โบลโซนารู ลงจากตำแหน่งจากปัญหาการรับมือโควิดของรัฐบาล เช่น การปฏิเสธที่จะยอมรับมาตรการสาธารณสุขของประธานาธิบดี การที่รัฐบาลทำให้โรคระบาดดูไม่ร้ายแรง หรือความคืบหน้าการฉีดวัคซีนที่ช้า นอกจากนี้ เขายังถูกกล่าวหาเรื่องการทุจริตด้วย แต่อีกด้านหนึ่ง เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มีผู้สนับสนุนของโบลโซนารูออกมาชุมนุมแสดงการสนับสนุนข้อเรียกร้องของเขา เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงระบบการลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี

 

จีน

  • สำหรับสถานการณ์ในจีน แม้ว่าเว็บไซต์ Our World in Data จะไม่มีข้อมูลสัดส่วนประชากรที่รับวัคซีนครบโดสแล้วของจีน แต่สื่อทางการจีนรายงานว่ามีการฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 1,600 ล้านโดส และล่าสุด รายงานของสำนักข่าว Reuters และทางการจีนชี้ว่า ทั้งเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาจนถึงเวลา 15.00 น. ของวันที่ 31 กรกฎาคม มีการติดเชื้อภายในประเทศไปแล้ว 328 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับยอดผู้ติดเชื้อภายในประเทศรวมในช่วง 5 เดือนก่อนหน้า แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อดังกล่าวมาจากการระบาดของสายพันธุ์เดลตา ซึ่งระบาดไปแล้วใน 14 มณฑล และเฉพาะวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 75 ราย ในจำนวนนี้เป็นการติดเชื้อภายในประเทศ 53 ราย

 

  • การระบาดระลอกปัจจุบันของโควิดในจีนมีต้นกำเนิดมาจากเมืองหนานจิง และทางการจีนระบุว่ามีผู้ติดเชื้อ 262 รายแล้วที่เชื่อมโยงกับคลัสเตอร์จากท่าอากาศยานหนานจิง ลู่โข่ว นอกจากนี้ ในปัจจุบันซึ่งเป็นช่วงพีกของการเดินทางท่องเที่ยวในฤดูร้อน ยังพบผู้ติดเชื้อจากเมืองท่องเที่ยวด้วย ขณะที่หลายเมืองซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดกำลังเพิ่มข้อจำกัด รวมถึงคำสั่งให้ทำงานจากที่บ้าน การปิดสถานที่ท่องเที่ยว การห้ามการเดินทางเป็นกลุ่ม และการยกเลิกเที่ยวบิน เป็นต้น

 

อินเดีย

  • หลังจากผ่านจุดสูงสุดของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันมาแล้วจากช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งในช่วงนั้นมีผู้ติดเชื้อสูงสุดเฉลี่ยต่อวันราว 400,000 ราย ปัจจุบันจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันเฉลี่ยในรอบ 7 วันล่าสุดอยู่ที่ราว 40,000 ราย แนวโน้มผู้เสียชีวิตลดลงจากช่วงต้นเดือนพฤษภาคมเช่นกัน อยู่ที่ราว 400-600 คนต่อวัน แต่บางวันจะมียอดผู้เสียชีวิตกระโดดขึ้นไปถึงหลักพันคน ซึ่งสื่อต่างประเทศระบุว่าเกิดจากการปรับยอดผู้เสียชีวิตที่ยังไม่ได้รายงานมาก่อนเข้าสู่การรายงานอย่างเป็นทางการ

 

  • อย่างไรก็ตาม การที่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ของวันที่ 31 กรกฎาคมนั้นเป็นจำนวนที่สูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ก็นับเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่น่ากังวลที่มีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง นอกจากนี้ค่า R (Reproductive Rate) ที่บอกความสามารถในการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยค่าดังกล่าวกลับมาอยู่ที่ 1 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ซึ่งรัฐเกรละทางตอนใต้ของอินเดียก็ประกาศล็อกดาวน์ไปเมื่อวันพฤหัสบดี ส่วนบางรัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือมีการออกข้อจำกัดในการเคลื่อนย้าย และที่อื่นๆ อย่างกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของประเทศ เพิ่งจะประกาศเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่อีกครั้ง

 

รัสเซีย

  • แม้ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันในรัสเซียในตอนนี้จะลดลงจากกลางเดือนกรกฎาคมเล็กน้อย โดย 7 วันล่าสุดค่าเฉลี่ยอยู่ที่ราว 23,000 ราย แต่ยอดผู้เสียชีวิตต่อวันกลับอยู่ในระดับสูงสุดเป็นสถิติในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นตัวเลขที่มาจากคณะทำงานด้านโควิดของรัฐบาล แต่อีกด้านหนึ่ง Reuters รายงานว่า หน่วยงานด้านสถิติของรัสเซียมีการเก็บสถิติแยกต่างหาก ซึ่งพบว่าระหว่างช่วงเดือนเมษายนปีที่แล้วถึงพฤษภาคมปีนี้มีผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวกับโควิดในรัสเซียกว่า 290,000 ราย ซึ่งมากกว่าตัวเลขที่คณะทำงานของรัฐบาลระบุ

 

  • และเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (30 กรกฎาคม) ในกรุงมอสโกมีการยกเลิกข้อกำหนดให้ประชาชนสวมถุงมือในสถานที่สาธารณะและร้านค้า หลังจากยอดผู้ติดเชื้อในมอสโกลดลงมาอยู่ต่ำกว่า 4,000 รายต่อวัน จากเดิมที่เคยสูงกว่า 7,000 รายในเดือนเดียวกัน รัสเซียยังมีการเร่งฉีดวัคซีนโดยให้พนักงานในบางภาคส่วน เช่น หน่วยงานของทางการ การศึกษา การดูแลสุขภาพ ร้านอาหาร ร้านค้าปลีก ต้องเข้ารับการฉีดวัคซีน และตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมยังเริ่มมีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ผู้ที่รับวัคซีนครบแล้วมานานกว่า 6 เดือนด้วย

 

ภาพ: Sonu Mehta / Hindustan Times via Getty Images

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising