วันนี้ (15 มีนาคม) วันที่สองของเหตุการณ์ที่พันตำรวจโท อายุ 51 ปี สังกัดศูนย์พัฒนาด้านการข่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกิดอาการคลุ้มคลั่งยิงปืนหลายนัดภายในบ้านพัก ภายในซอยจีระมะกร เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร
ช่วงเวลา 08.30 น. พันตำรวจโทนายดังกล่าวยังคงเก็บตัวภายในบ้านพัก โดยเจ้าหน้าที่ยังมีความพยายามในการเจรจาเกลี้ยกล่อม โดยให้หนึ่งในเพื่อนของสารวัตรร้องเพลงผ่านโทรโข่งเป็นเพลงแนวลูกทุ่งที่ชอบฟัง สลับกับการพูดเจรจา แต่ไม่มีการตอบรับ
ก่อนหน้านี้ช่วงเช้ามืดเจ้าหน้าที่และพันตำรวจโทมีการยิงปะทะกัน ทำให้ตำรวจ ในหน่วยอรินทราช 26 หนึ่งนายถูกกระสุนของพันตำรวจโทยิงเฉียดที่ศีรษะ แต่ปลอดภัยเพราะกระสุนไม่ทะลุหมวกที่สวมป้องกันไว้
เวลา 10.17 น. มีเสียงดังขึ้นจากบ้านพักผู้ก่อเหตุ
เวลา 11.43 น. พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ติดตามภารกิจ พร้อมด้วย พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท. สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ได้มีการติดตามเหตุมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ (14 มีนาคม) ต้องยอมรับว่านายตำรวจผู้นี้ไม่ได้มีภาวะแบบคนปกติ แต่เรายังไม่ได้ถือว่าเป็นคนร้ายเพราะไม่ได้มีตัวประกัน การทำงานของตำรวจต้องทำภายใต้ความระมัดระวังไม่ให้เกิดการสูญเสียทั้งสองฝ่าย ทั้งของพันตำรวจโทที่มีอาการคลุ้มคลั่ง และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติการ
ต้องขอโทษประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งนี้ พันตำรวจโทที่ก่อเหตุอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่ได้เปรียบ และมีความรู้ยุทธวิธีพอสมควรเพราะได้รับการฝึกสยบไพรีพินาศมา ทำให้มีความชำนาญหลายด้าน จากการพูดคุยเจรจาเหมือนจะรู้เรื่องแต่ก็ไม่รู้เรื่อง
“ขอให้ประชาชนให้เวลาตำรวจ อยากให้เข้าใจว่าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้มีการสูญเสียแต่จะเร่งดำเนินการ ทั้งนี้ ทีมแพทย์ที่เข้าประเมินอาการค่อนข้างหนักใจ และคิดว่าผู้ก่อเหตุต้องได้รับการฉีดยาระงับโดยเร่งด่วน สำหรับการพูดคุยมีเนื้อหาเกี่ยวกับพระเจ้าซึ่งเป็นความเชื่อส่วนตัว ในส่วนของยาเสพติดยังไม่ได้รับรายงาน แต่มีภาวะทางจิตที่แสดงออกเป็นลักษณะผิดปกติ” พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์กล่าว
พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์กล่าวต่อไปว่า ถ้าบ้านเรือนประชาชนมีความเดือดร้อนหรือสูญเสีย ทางตำรวจก็จะดำเนินการชดใช้ให้ ขอย้ำว่าถ้าจำเป็นก็จะดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยระหว่างการพูดคุยทางผู้ก่อเหตุยังไม่ยอมวางปืน เพราะมีความหวาดกลัว
พันตำรวจโทรายนี้ก่อนหน้าที่ทำงานที่กองบัญชาการศึกษา ยังไม่ปรากฏอาการผิดปกติใดๆ และก่อนจะย้ายมาที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาล เคยผ่านการทดสอบเรื่องจิตเภทและผ่านมาได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็จะต้องไปตรวจสอบว่าข้อมูลรายงานดังกล่าวเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ คณะกรรมการของตำรวจสันติบาลกำลังพิจารณาเรื่องการออกจากราชการไว้ก่อน เพราะลักษณะดังกล่าวไม่เหมาะสมกับการจะทำราชการต่อไป
ต่อมาในช่วงเวลา 12.14-12.19 น. มีเสียงปืนดังขึ้น เป็นการปะทะกันระหว่างสองฝ่าย ระหว่างที่มีการปะทะ ทางพันตำรวจโทนอนราบหมอบตัวลงกับพื้นเพื่อตั้งรับการบุกของเจ้าหน้าที่ตำรวจอรินทราช 26 กับคอมมานโด เนื่องจากเคยฝึกยุทธวิธีของหน่วยปฏิบัติการพิเศษกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.)
ซึ่งภาพถ่ายจากโดรนเห็นพันตำรวจโทลุกขึ้นและกำลังจะวิ่งเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าควบคุมพื้นที่ดังกล่าว จากนั้นทางเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษจึงตัดสินใจยิงตอบโต้ จึงเป็นเหตุให้พันตำรวจโทถูกกระสุนอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ยิง 6 แห่ง ได้แก่ ข้อพับซ้าย อกซ้าย ขาด้านบนซ้าย หน้าอก หลัง ขาขวา จนได้รับบาดเจ็บสาหัส
จากนั้นหน่วยกู้ภัยที่ประจำที่เกิดเหตุพาตัวลงมาจากจุดเกิดเหตุ แต่เนื่องจากบาดเจ็บสาหัสจึงหยุดหายใจ เจ้าหน้าที่จึงได้มีการปั๊มหัวใจและนำส่งตัวขึ้นรถฉุกเฉินไปรักษาที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช
มีรายงานว่าเหตุผลที่เจ้าหน้าที่ตัดสินใจเข้าจู่โจมและควบคุมตัว เนื่องจากตำรวจร่วมกับทีมแพทย์ประเมินแล้วว่าพันตำรวจโทมีท่าทีใจเย็นลง หลังจากได้พูดคุยโทรศัพท์กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปรียบมากที่สุด จึงเข้าปฏิบัติการดังกล่าวทันที
เวลา 12.42 น. เจ้าหน้าที่ได้จัดเก็บอุปกรณ์เตรียมพื้นที่เกิดเหตุสำหรับให้กองพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยมีการนำเทปกาวกั้นพื้นที่ไม่ให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปด้านใน
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถาม พล.ต.ท. สำราญ เพื่อยืนยันว่าบุคคลที่นำขึ้นรถพยาบาลนั้นคือพันตำรวจโทที่เกิดเหตุหรือไม่ ซึ่ง พล.ต.ท. สำราญระบุว่าใช่ และยืนยันไม่มีตำรวจชุดปฏิบัติการได้รับบาดเจ็บ
เวลา 12.55 น. ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเดินทางเข้าที่ก่อเหตุ ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการเคลียร์พื้นที่เป็นที่เรียบร้อย