การดื่มกาแฟเป็นกิจวัตรประจำวันยามเช้าของใครหลายคนที่ขาดไม่ได้ ที่ต้องขอกาแฟสักแก้วก่อนจะออกไปดำเนินชีวิตในแต่ละวัน
โดยเฉลี่ยแล้วคนทั่วไปดื่มกาแฟ 2-3 ถ้วยต่อวัน เพื่อกระตุ้นร่างกายให้ตื่นและกระปรี้กระเปร่า ไม่ว่าจะก่อนเข้างาน ยามบ่ายหลังมื้อกลางวัน กระทั่งก่อนออกกำลังกายยามเย็น แต่รู้ไหม แท้จริงแล้วร่างกายจำเป็นต้องดื่มกาแฟมากเพียงไหนกัน และต้องสั่งลาเต้สักกี่แก้วถึงจะเรียกว่าเยอะเกินไป? ผลการศึกษา 2 ชิ้นเมื่อเร็วๆ นี้มีคำตอบ
ผลศึกษาที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนเมษายน 2019 พบว่า ในสังคมตะวันตกที่การดื่มกาแฟเป็นเรื่องปกตินั้น แท้จริงแค่ได้กลิ่นหรือเห็นกาแฟ ก็ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นได้
“จากการวิจัย 4 ครั้งกับคนออสเตรเลีย แคนาดา และสหรัฐอเมริกา พบว่า การได้สัมผัสกาแฟ แม้จะไม่ได้ดื่มจริงๆ ก็เพียงพอที่ช่วยปลุกให้พวกเขาตื่น โดยกระตุ้นการเต้นของหัวใจ รู้สึกตื่นตัว ทั้งยังเรียกพลังงานในร่างกายให้โฟกัสกับกิจกรรมที่อยู่ตรงหน้า และลดการผัดวันประกันพรุ่งอีกด้วย” ยูจีนชัน จากมหาวิทยาลัยโมนาร์ชในออสเตรเลีย หนึ่งในผู้เขียนการศึกษาชิ้นดังกล่าวเผย
อย่างไรก็ตาม ยูจีนชี้ว่า นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณควรจะเลิกนิสัยสั่งกาแฟแก้วโปรดที่สตาร์บัคส์ได้ทันที “ผลที่ได้จากการได้เห็นกาแฟนั้นอยู่ได้ไม่นาน และเทียบไม่ได้กับการได้ดื่มกาแฟจริงๆ”
ขณะเดียวกัน อีกผลการศึกษาที่ออกมาเวลาใกล้เคียงกัน อันจัดทำโดยทีมวิจัยมหาวิทยาลัยเซาธ์ออสเตรเลีย ได้หาคำตอบว่า ‘ดื่มกาแฟเยอะแค่ไหนถึงจะเรียกว่ามากเกินไปในแต่ละวัน?’
หลังจากขุดคุ้ยสถิติของคนจำนวน 347,077 ในช่วงอายุระหว่าง 37-73 ปี พวกเขาพบคำตอบของปริมาณการดื่มกาแฟที่พอเหมาะและปลอดภัยต่อหัวใจ โดยพบว่า หลังจากกาแฟถ้วยที่ 5 เจ้าคาเฟอีนที่ดื่มอาจไม่ได้ดีสำหรับคุณอีกต่อไป
“การดื่มกาแฟที่ปลอดภัยต่อสุขภาพของหัวใจและความดัน เราควรดื่มให้น้อยกว่า 6 แก้วต่อวัน” เอลินา ฮิปเปอเนน หนึ่งในนักวิจัยเผย “เมื่อเทียบกับข้อมูลที่ได้ กาแฟแก้วที่ 6 ที่คุณดื่ม จะเพิ่มความเสี่ยงด้านลบต่อหัวใจและหลอดเลือด”
ดังนั้น หากเรานำทั้ง 2 การศึกษามาสรุปเข้าด้วยกัน จะพบว่า การจิบกาแฟสักแก้วสองแก้ว แล้วเสิร์ชดูรูปกาแฟบน Google Images อาจช่วยให้เราผ่านพ้นแต่ละวันไปได้ด้วยดี
อยากรู้ต้องลอง
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: