หลังจากคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรก The Heartless Live ของวง Cocktail จบลงไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ก็เหมือนว่ากราฟชีวิตของ โอม-ปัณฑพล ประสารราชกิจ (ร้องนำ), เชา-ชวรัตน์ หรรษคุณาฒัย (กีตาร์), ปาร์ค-เกริกเกียรติ สว่างวงศ์ (เบส) และฟิลิปส์ เปรมสิริกรณ์ (กลอง) ก็ดูเหมือนจะพุ่งสูงขึ้นไม่มีหยุด วัดจากคิวคอนเสิร์ตที่เต็มแน่นเกือบทุกเดือนตลอดทั้งปี และคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่สอง COCKTAIL LIVE #เล่นด้วยหัวใจเสมอมา ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งในปีนี้
ถ้าย้อนไปเมื่อ 16 ปี ที่แล้ว Cocktail คือวงดนตรีอินดี้ ที่มีเพลงฮิตแบบใต้ดินมาตั้งแต่สมัยมัธยมศึกษา ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเขามีการย้ายที่อยู่ เปลี่ยนสมาชิก และมีพัฒนาการทางดนตรีมากขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป แต่สิ่งหนึ่งที่วง Cocktail ยืนยันไม่เคยเปลี่ยน คือทุกครั้งที่พวกเขาร้องและเล่นดนตรี พวกเขา ‘เล่นด้วยหัวใจเสมอมา’ และเขาจะแสดงภาพนั้นให้ทุกคนเห็นกันชัดๆ อีกครั้งในคอนเสิร์ตครั้งนี้
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดหลังจากคอนเสิร์ต The Heartless Live
ฟิลิปส์: ต้องยอมรับว่าในช่วง 3 ปีหลังจากคอนเสิร์ต The Heartless Live จบลงไป มันมีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นที่ถือว่าเป็นการเติบโตแบบค่อนข้างกระชากของวง ทั้งฟีดแบ็กที่ค่อนข้างดี การมีเพลงใหม่ๆ ออกมา กระแสหน้ากากหอยนางรมจากรายการ The Mask Singer รวมทั้งการได้ไปเล่นคอนเสิร์ตตามที่ต่างๆ มากขึ้น เราได้เห็นว่าแฟนเพลงเอาใจใส่กับสิ่งที่เรานำเสนอออกไปมากขึ้น แล้วเราไม่รู้ว่าโอกาสที่ทุกอย่างสุกงอมแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกเมื่อไร เพราะฉะนั้นตอนนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเล่าเรื่องตลอดระยะเวลา 16 ปีของวง Cocktail ที่สุดแล้ว
เชา: และมันมีหลายอย่างที่เกิดขึ้นจากคอนเสิร์ต The Heartless Live ที่เรื่องฟีดแบ็กของคนดูพวกเราแฮปปี้มากนะครับที่ทุกคนเอ็นจอยกับคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของพวกเราขนาดนั้น แต่มันก็ยังมีบางจุดที่ต้องเรียนรู้ เอามาปรับปรุงเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด ครั้งที่แล้วเราอาจจะโฟกัสที่พาร์ตดนตรีล้วนๆ คือตั้งใจเล่นให้ดีที่สุด ทำให้ลืมคิดเรื่องการแสดงออกทั้งท่าทาง การวางแผน วางคิว คำพูดไปบ้าง
ปาร์ค: ของผมจะเป็นความรู้สึกตื่นเต้นบนเวทีที่คิดว่าซ้อมและเตรียมตัวมาเต็มที่แล้ว แต่พอจะขึ้นเวทีจริงๆ อาการมันออก มันตื่นเต้น ประหม่าทำให้หลายๆ พาร์ตยังทำได้ไม่เต็มที่ขนาดนั้น ซึ่งคิดว่าหลายๆ อย่างที่พลาดไปจะได้รับการเติมเต็มให้สมบูรณ์มากขึ้นในคอนเสิร์ตครั้งนี้
เชา: มีอีกเรื่องที่ค้นพบจากคอนเสิร์ตครั้งที่แล้ว คือการกลับมารวมตัวกันของแฟนเพลงยุคเก่าที่ตาม Cocktail มาตั้งแต่ยุคแรกๆ ซึ่งต้องยอมรับว่าคนกลุ่มนี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่สามารถติดตามพวกเราไปได้ในทุกๆ งาน ยกเว้นงานที่ใหญ่และสำคัญสำหรับเราจริงๆ เพราะฉะนั้นคอนเสิร์ตใหญ่เลยเป็นเหมือนการรียูเนียนแฟนเพลงยุคเก่าให้กลับมารวมตัวกัน มาร้องเพลงด้วยกันอีกครั้งร่วมกับแฟนเพลงใหม่ๆ ที่มาเพราะอยากร้อง อยากฟังเพลงของวง Cocktail จริงๆ
อิมแพ็กของ ‘อิมแพ็ค’ อารีน่าฯ
เชา: ตั้งแต่สมัยเด็กๆ เวลาได้ยินคำว่าอิมแพ็คฯ มันคือสถานที่ที่ใหญ่มาก ต้องเป็นสถานที่เล่นคอนเสิร์ตของวงต่างประเทศ หรือในประเทศไทยก็มีแค่ไม่กี่วงที่เคยไปจัดบนนั้น รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ไกลตัวมากๆ แล้วพอวันหนึ่งมันเป็นคิวของที่จะได้ขึ้นไปยืนบนนั้น มันก็เป็นความรู้สึกดีๆ ยิ่งใหญ่ กับการสามารถพูดได้ว่า เออ ครั้งหนึ่งเราเคยได้มาเล่นที่อิมแพ็คฯ กับเขาแล้วนะ
ฟิลิปส์: แบบที่พี่เชาว์บอกว่าเวลาพูดถึงสถานที่นี้มันต้องยิ่งใหญ่แน่ๆ เพราะฉะนั้นมันมีอีกหลายอย่างที่พวกเราต้องทำด้วยกันมากกว่าครั้งที่แล้วอีกเยอะมาก เพราะเรามีส่วนร่วมในการทำงานตั้งแต่ต้นเรื่องของคอนเสิร์ตครั้งนี้ไปจนถึงจุดสุดท้ายเมื่อโชว์จบ เรามีส่วนเกี่ยวกับกับทุกขั้นตอนจริงๆ เราตั้งใจกับงานครั้งนี้จริงๆ เพราะฉะนั้นมันเลยตรงกับชื่อคอนเสิร์ตครั้งนี้มากๆ ที่บอกว่า ‘เล่นด้วยหัวใจเสมอมา’ ซึ่งภาพการเล่นด้วยหัวใจของเรามันจะชัดเจนขึ้นอีกในงานครั้งนี้
ในบางเวลาที่ไม่ได้เล่นด้วยหัวใจ
ฟิลิปส์: มันมีช่วงแรกๆ ที่ผมยังปรับความคิดในการเล่นดนตรีไม่ได้ เมื่อก่อนผมเคยเชื่อว่าคนดูต้องชื่นชอบเราทุกครั้งที่เราขึ้นไปแสดงบนเวที เพราะว่าเราไปในฐานะศิลปินนะ คุณต้องแฮปปี้สิที่มีพวกเรามาเล่นดนตรีให้ฟัง แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่แค่นั้น ถ้าเราเล่นเพลงที่เขาไม่รู้จัก หรือเล่นเพลงของคนอื่นมากเกินไป มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่คนดูจะไม่ชอบ และแสดงอาการแบบนั้นออกมา ซึ่งถ้าผมรู้สึกว่าคนดูไม่ให้หัวใจกับผมเมื่อไร ผมก็จะไม่ให้ใจกับเขาทันที จนเวลาผ่านไป ได้ปรับทัศนคติตัวเองใหม่ เข้าใจพื้นฐานของคนฟังมากขึ้น และไม่ต้องรอให้เขาให้ใจเราก่อน แต่เราสามารถให้ใจเขาไปก่อนได้เลย
ปาร์ค: มันต้องผ่านการเรียนรู้เพื่อที่จะหาตรงกลางระหว่างเพลงที่พวกเราจะเลือกเอามาเล่น ซึ่งพูดจริงๆ เราก็คงไม่ได้หาตรงกลางที่พอดีเป๊ะได้หรอก แต่อย่างน้อยมันเหมือนที่พี่ฟิลิปส์พูดว่า มันดีขึ้นตรงที่เราเป็นคนเริ่มให้หัวใจเขาไปก่อนเลย ไม่ว่าเขาจะชอบเพลงที่เราเล่นไปหรือไม่ก็ตาม
เชา: ของผมถ้าถามในชีวิตนักดนตรีมีไหม ต้องตอบว่ามี แต่ถ้าเล่นกับค็อกเทลกล้าพูดได้ว่าผมใช้หัวใจเล่นมาตลอด แต่มันจะมีบางครั้งที่ไม่ได้เล่นให้ค็อกเทล เล่นเพื่อคนอื่น เล่นเพราะเป็นงานที่เราต้องหาดนตรี ใจความมันคือดนตรีเหมือนกันนะ แต่มันไม่ใช่เพลงที่เล่นกับเพื่อน สำหรับผมทรีตเรื่องแบบนั้นว่าเป็นงานที่ต้องรับผิดชอบ แต่การเล่นกับค็อกเทลมันคืองานที่เรารัก
โอม: วันที่ไม่อยากเล่นสำหรับผมมีอยู่แล้วนะ แต่พอเป็นงานที่เราต้องรับผิดชอบ สุดท้ายเราต้องคั้นหัวใจออกมาเล่นอยู่ดี มันอาจจะไม่ใช่หัวใจของความปลาบปลื้มยินดีนะ แต่มันคือหัวในของความอดทน หัวใจที่เราต้องการให้คนดูได้รับสิ่งที่ดีที่สุดกลับไป เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นหัวใจแบบไหน แต่มันคือหัวใจเหมือนกันทั้งหมด เพราะฉะนั้นเลยคิดว่าไม่ผิดเลยที่เราจะบอกว่าเราเล่นด้วยหัวใจเสมอมาจริงๆ
Cocktail ในความทรงจำ
ฟิลิปส์: ผมนึกถึงตั้งแต่ 16 ปีที่แล้ว ผมอยู่คนละโรงเรียนกับพวกพี่เขานะ ตอนนั้นวง Cocktail ดังมากในหมู่นักเรียนมัธยม กลายเป็นภาพจำเลยว่ามีเด็กเตรียมอุดมฯ เล่นดนตรีเก่ง แต่งเพลงซ้ำซ้อนที่ดังมากตอนนั้น แล้วก็เคยร่วมงานกับพี่โอมอยู่แป๊บหนึ่งแล้วก็หายหน้ากันไป จนวันหนึ่งขับรถไปต่างจังหวัดแล้วเพิ่งได้ฟังเพลง เธอทำให้ฉันเสียใจ ก็กำลังคิดถึงวงนี้อยู่ แล้วหลังจากนั้นแป๊บเดียวพี่หมีผู้จัดการวงก็โทรมาถามว่ายังตีกลองอยู่ไหม สนใจมาออดิชันกับวงหรือเปล่า ยังคิดอยู่เลยว่า เฮ้ย เพิ่งฟังเพลงเขามาเมื่อกี้นี้เลย หลังจากนั้นก็ได้เข้ามาเป็นแบ็กอัพให้วง แล้วก็วูบวาบๆ มาจนถึงตอนนี้ (หัวเราะ)
โอม: ผมคิดถึงงานแฟตเฟสฯ คิดถึงเวทีอินดี้อินทาวน์ รายการ แมลงมัน ร้านดีเจสยาม น้องท่าพระจันทร์ ที่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของวง Cocktail ในยุคๆ ที่เพิ่งตั้งวงขึ้นมา
เชา: ผมคิดถึงเมื่อก่อนว่าเราสู้กันมาขนาดไหน มันไม่ได้สะดวกสบายเหมือนทุกวันนี้นะ แล้วผมเป็นพวกบ้าอุปกรณ์เวลาไปไหนก็ต้องหิ้วของขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปเล่นเอง มันลำบากมาก แต่ก็ยอม เพราะเรารักที่จะทำแบบนั้นจริงๆ เพราะผมอยากใช้ของที่ผมรัก อยากให้คนได้ฟังเสียงจากสิ่งที่ผมรักจริงๆ ด้วยเหมือนกัน มันก็กลับมาที่เรื่องเดียวว่าเหตุผลของทุกอย่างมันมาจากการทำด้วยหัวใจจริงๆ
ปาร์ค: ผมคิดถึงงานแฟตเฟสฯ ครั้งท้ายๆ ที่เริ่มได้มาเล่นเป็นแบ็กอัพให้วง Cocktail ก่อน เป็นงานใหญ่งานแรกๆ ของผมด้วยมั้ง เลยมีความรู้สึกหวั่นใจก่อนขึ้นเล่น ว่าจะมีคนอยู่ดูเราเล่นสักกี่คน แต่พอขึ้นไปแล้วมีคนรอดูพวกเราเยอะกว่าที่คิดเอาไว้มากๆ มันเป็นความรู้สึกดีที่อยากให้เกิดขึ้นเรื่อยๆ
Cocktail แก้วเดิม กับส่วนผสมที่เปลี่ยนไป
โอม: ถ้าเป็นยุคก่อนผมจะคิดถึง Bloody Mary นะ ส่วนผสมเยอะๆ สีสวย กินแล้วสดชื่น
เชา: หรือค็อกเทลสวยๆ มีเสียบสับปะรด มะนาว หรืออะไรก็ได้ที่ดูดาร์ก คูลๆ เท่ๆ ใส่น้ำแข็งแห้ง ใส่ควันเพิ่มความน่าสนใจ แต่ทุกวันนี้คิดว่าเป็นแค่เหล้า น้ำเปล่า น้ำแข็งก็พอแล้ว เพราะน้ำเปล่าเหมือนเป็นในความสำคัญของดนตรี คือสิ่งที่พวกเราต้องการนำเสนอออกไปจริงๆ โดยที่ไม่ต้องผ่านการปรุงแต่งอะไรมากมาย
โอม: พอมาถึงจุดนี้ ส่วนผสมสำคัญของเราจะไม่ได้อยู่ที่เหล้า แต่เป็นน้ำเปล่า เพราะสุดท้ายไม่ว่าจะเป็นเหล้ายี่ห้ออะไรก็ต้องมีส่วนผสมของน้ำเปล่า แล้วน้ำเปล่าก็มีทั้งน้ำกระด้าง น้ำกรดอ่อนๆ ด่างอ่อนๆ คุณสมบัติของน้ำที่ต่างออกไปส่งผลต่อรสชาติของเหล้าทั้งหมด
และอีกคุณสมบัติของน้ำที่ดีมากๆ คือน้ำมีความหยืดหยุ่นในแบบของตัวเองอยู่เสมอ ผมเปรียบเทียบน้ำว่าเป็นเสมือนคนที่ ‘อยู่เป็น’ อยู่ในรูปทรงใดก็ได้ อยู่ที่ไหนก็ได้ คงสภาพเพื่อทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป และถ้ามีจุดหมายอยู่ที่ไหนก็ตาม ไม่ว่าจะมีภูเขา มีถนน มีอะไรมาขวาง น้ำก็ยังสามารถอ้อมหรือไหลซึมจนพาตัวเองไปถึงจุดหมายได้เสมอ
- COCKTAIL LIVE #เล่นด้วยหัวใจเสมอมา จัดขึ้นในวันที่ 14 กรกฎาคม ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี จำหน่ายบัตรที่ www.thaiticketmajor.com บัตรราคา 1,000-3,000 บาท