×

เครือข่ายนักวิชาการ-ภาคประชาชน ออกแถลงการณ์ เร่งปิดสภาวะกัญชาเสรีที่กำลังสุญญากาศ หลังพบใช้เพื่อนันทนาการ

โดย THE STANDARD TEAM
10.07.2022
  • LOADING...
กัญชาเสรี

วานนี้ (9 กรกฎาคม) เครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชนต้านภัยยาเสพติด ออกจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2 ถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ​นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี, อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร, พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา และ ศุภชัย ใจสมุทร ประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. …. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร   

 

สาระสำคัญคือ ขอให้ออกมาตรการปิดสภาวะกัญชาเสรีในสภาวะสุญญากาศทันที และจัดให้มีกระบวนการรับฟังผู้เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน เพื่อร่วมกันออกแบบนโยบายกัญชาของประเทศไทย เนื่องในวันครบรอบ 1 เดือนปลดกัญชาจากการเป็นยาเสพติดด้วยประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยมีเนื้อหาระบุว่า 

 

หลังจากประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 กำหนดให้พืชกัญชาไม่เป็นยาเสพติด ทำให้เกิดสถานการณ์ ‘กัญชาเสรีในสภาวะสุญญากาศ’ เนื่องจากยังไม่มีนโยบายควบคุมการใช้กัญชาในทางที่ผิดอย่างเพียงพอ  ส่งผลให้ปรากฏเห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าเกิดผลกระทบจากการใช้กัญชาอย่างมาก ทั้งการบริโภคแบบรู้ตัว (เช่น สูบดอกกัญชา) และแบบไม่รู้ตัว (เช่น กินอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชาที่ไม่มีใครบอก) ซึ่งเกิดกับทั้งผู้ใหญ่ เยาวชน และเด็กเล็ก ตลอดจนมีการขายกัญชาเพื่อนันทนาการ (ความบันเทิง) แพร่หลายไปหมด 

 

สถานการณ์เช่นนี้จะรุนแรงยิ่งขึ้นเมื่อประชาชนปลูกในครัวเรือนมากขึ้นในอนาคต หากสถานการณ์กัญชาเสรีในสภาวะสุญญากาศนี้ยังต่อเนื่องไปนาน จะเกิดความเสียหายต่อประเทศอย่างรุนแรง โดยเฉพาะต่ออนาคตของเด็กและเยาวชนไทยในระยะยาว ประเทศไทยจึงไม่ควรตกอยู่ในสภาวะสุญญากาศนาน ต้องมีนโยบายควบคุมการใช้กัญชาในทางที่ผิดอย่างเพียงพอโดยเร็ว

 

อย่างไรก็ตาม การออกแบบมาตรการเพื่อควบคุมการใช้กัญชาในทางที่ผิดมีรายละเอียดมาก ต้องการการออกแบบอย่างรอบคอบ เช่น กัญชาจะยังเป็นยาเสพติดหรือไม่, ประเทศไทยต้องการนโยบายกัญชาทางการแพทย์ หรือกัญชาเพื่อเศรษฐกิจ หรือกัญชาเพื่อนันทนาการ, จะให้ปลูกกัญชาในครัวเรือนหรือไม่ จำนวนเท่าใด, จะควบคุมเยาวชนนำช่อดอกกัญชาไปสูบได้อย่างไร, จะควบคุมการทำธุรกิจกัญชาแค่ไหน เพียงใด, จะควบคุมการโฆษณาและการส่งเสริมการขายหรือไม่ เพียงใด, จะปกป้องเยาวชนอย่างไร, จะปกป้องผู้ไม่เสพใช้กัญชาอย่างไร, จะควบคุมการขับขี่ยานพาหนะหลังการเสพกัญชาอย่างไร, จะมีมาตรการภาษีกัญชาหรือไม่ อย่างไร และจะใช้งบประมาณส่วนไหน อย่างไร เพื่อจัดระบบรักษาพยาบาลผู้ป่วยจากการใช้กัญชา เพื่อจัดการณรงค์ป้องกันการใช้กัญชาหรือการใช้กัญชาในทางที่ผิด และเพื่อจัดให้มีระบบติดตามและประเมินผล เป็นต้น ซึ่งต้องปรึกษาผู้เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน และต้องใช้เวลาพิจารณาอย่างรอบคอบ จะเร่งรัดไม่ได้

 

ด้วยว่าเหตุผลของการออกนโยบายดังกล่าวได้ถูกอ้างว่าต้องการให้ประชาชนเข้าถึงกัญชาทางการแพทย์ได้ดีขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสทางเศรษฐกิจจากกัญชา และไม่ต้องการให้มีการใช้กัญชาเพื่อนันทนาการ ดังนั้นเมื่อเห็นว่าประชาชนจำนวนมากใช้กัญชาเพื่อนันทนาการ และจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการบริโภคกัญชาแบบไม่รู้ตัวอย่างชัดเจน

 

จึงควรพิจารณาทบทวนนโยบายกัญชาเสรีดังกล่าว ซึ่งทำได้ง่ายมาก เนื่องจากการปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติดเป็นเพียงประกาศกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นอำนาจและความรับผิดชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น โดยควรที่จะต้อง ‘ปิดสภาวะสุญญากาศทันที’ และ ‘จัดให้มีกระบวนการรับฟังผู้เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน เพื่อร่วมกันออกแบบนโยบายกัญชาของประเทศไทย ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาในสภาต่อไป’

 

บนจุดยืนการสนับสนุนนโยบายกัญชาทางสายกลาง คือ การใช้ประโยชน์จากกัญชาอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยชน์ในทางการแพทย์ และไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับนโยบายกัญชาเสรี เครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชนต้านภัยยาเสพติดขอเสนอให้รัฐบาล, คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด, กระทรวงสาธารณสุข, สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา โปรดพิจารณา

 

  1. ปิดสภาวะสุญญากาศทันที โดยออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ชะลอการบังคับใช้ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับปลดกัญชาจากการเป็นยาเสพติดออกไปก่อน จนกว่าจะมีมาตรการควบคุมที่เพียงพอ หรือประกาศให้กัญชา (ครอบคลุมดอก ยาง สารสกัด และทิงเจอร์ จากดอกและยางกัญชา) เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 (ซึ่งจะใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ได้ เหมือนมอร์ฟีน และประเทศไทยจะไม่ผิดฐานละเมิดอนุสัญญายาเสพติด ปี 1961 และ 1972 ที่ได้ลงนามสัตยาบันไว้อีกด้วย) หรือ ออกพระราชกำหนดกำหนดให้กัญชายังเป็นยาเสพติด จนกว่าจะมีกฎหมายกัญชาออกมาบังคับใช้ เป็นต้น  

 

  1. ในขณะเดียวกันกับการปิดสภาวะสุญญากาศ จะต้องจัดให้มีกระบวนการรับฟังผู้เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน เพื่อร่วมกันออกแบบนโยบายกัญชาของประเทศไทย อย่างน้อย 1-2 ปี เพื่อจัดทำข้อเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเพื่อพิจารณาออกกฎหมายกัญชาต่อไป

 

หากทำเช่นนี้จะทำให้สามารถปิดสภาวะสุญญากาศได้ทันที จะทำให้สถานการณ์นโยบายกัญชากลับไปยังก่อนปลดล็อก คือ กัญชายังเป็นยาเสพติด แต่อนุญาตให้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ได้ แต่ผลกระทบร้ายแรงจะบรรเทาลงทันที ทุกฝ่ายจะได้รับการยอมรับจากสังคมว่าห่วงใยประชาชนทุกกลุ่มอย่างแท้จริง และจะทำให้มีเวลาเพียงพอที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะมีส่วนร่วมออกแบบนโยบายกัญชาของประเทศไทยร่วมกัน 

 

อันจะทำให้ผลประโยชน์และผลเสียหายของทุกฝ่ายได้รับการคำนึงถึงอย่างครบถ้วน และจะทำให้ได้นโยบายกัญชาที่เกิดประโยชน์สูงสุดและป้องกันโทษได้ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย และอนาคตของเด็กและเยาวชนไทยจะได้รับการปกป้อง จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

 

ทั้งนี้ เครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชนต้านภัยยาเสพติดได้ริเริ่มแคมเปญ ‘ชะลอกัญชาเสรี ขอกฎหมายคุ้มครองไม่ให้เด็กใช้กัญชาออกมาก่อน’ บนช่องทาง Change.org ซึ่งปัจจุบันมีผู้สนับสนุนมากกว่า 5,000 คนที่เล็งเห็นปัญหาดังกล่าว ซึ่งถ้าหากประชาชนหรือหน่วยงานใดที่เห็นว่าประเด็นนี้สำคัญ สามารถลงชื่อเพื่อสนับสนุนให้ความเห็นชอบได้ที่ Change.org/delaycannabislaw

 

สำหรับรายชื่อเครือข่ายที่ร่วมลงชื่อได้แก่

 

  1. นพ.ชาตรี บานชื่น

อดีตกรรมการแพทยสภา อดีตอธิบดีกรมสุขภาพจิต และอดีตอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

 

  1. โสภณ สุภาพงษ์

กรรมการเลขาธิการมูลนิธิสื่อสร้างสรรค์

 

  1. ดร.วิโรจน์ สุ่มใหญ่

ที่ปรึกษาคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ สหประชาชาติ

 

  1. ทิชา ณ นคร

ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก

 

  1. ดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล

นักวิทยาศาสตร์ Centre for Addiction and Mental Health, Canada

 

  1. รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี

ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน), กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์วัยรุ่น และผู้จัดการโครงการทุนชีวิตของเด็กและเยาวชนไทย

 

  1. ศ.นพ.มานิต ศรีสุรภานนท์

ศาสตราจารย์ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

 

  1. ศ.นพ.ชวนันท์ ชาญศิลป์

ศาสตราจารย์ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

 

  1. พล.ต.นพ.พิชัย แสงชาญชัย

ประธานชมรมจิตเวชศาสตร์การเสพติดแห่งประเทศไทย

 

  1. รศ.ดร.ภญ.จุฑามณี สุทธิสีสังข์

รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และอาจารย์ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

 

  1. ผศ.นพ.สหภูมิ ศรีสุมะ

อายุรแพทย์ พิษวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

 

  1. ผศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์

นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย

 

  1. ศ.ดร.พญ.สาวิตรี อัษณางค์กรชัย

ศาสตราจารย์สาขาระบาดวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

 

  1. ผศ.ดร.อุษณีย์ พึ่งปาน

ที่ปรึกษาศูนย์วิจัยยาเสพติด วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

  1. ไพศาล ลิ้มสถิตย์

กรรมการบริหารศูนย์กฎหมายสุขภาพและจริยศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

 

  1. ดร.วศิน พิพัฒนฉัตร

อาจารย์คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

 

  1. พงศธร จันทรัศมี

มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ

 

  1. ไฟซ้อน บุญรอด

ประธานเครือข่ายภาคประชาชนป้องกันภัยยาเสพติด

 

  1. วัชรพงศ์ พุ่มชื่น

นักพัฒนางานวิชาการ ศูนย์วิชาการสารเสพติดภาคเหนือ

 

  1. วันชัย บุญประชา

มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว

 

  1. นพ.ไพศาล ปัณฑุกำพล

สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

 

  1. รศ.นพ.วัชรพงศ์ พุทธิสวัสดิ์

สาขาวิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และอดีตประธานราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย

 

  1. นพ.วิทยา จารุพูนผล

ข้าราชการบำนาญ โรงพยาบาลขอนเก่น

 

  1. ศ.คลินิก นพ.อภิชาติ ศิวยาธร

อดีตรองคณบดี คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

 

  1. นพ.วิโรจน์ เยาวพลกุล

แพทย์เกษียณ จบการศึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

 

  1. นพ.วัฒนา สุพรหมจักร

แพทย์เกษียณ จบการศึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

 

  1. พล.อ.นพ.ชูศักดิ์ สุวรรณศิริกุล

แพทย์เกษียณ จบการศึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

 

  1. พล.อ.ท.นพ.วิศิษฏ์ ดุสิตนานนท์

แพทย์เกษียณ จบการศึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

 

  1. นพ.เจริญ ปฏิภาณเทวา

แพทย์เกษียณ จบการศึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

 

  1. พญ.ภาพิส เสงี่ยมพรพาณิชย์

ข้าราชการบำนาญ

 

  1. พญ.อรพินธ์ พจน์พริ้ง

อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

 

  1. พล.อ.นพ.อิสสระชัย จุลโมกข์

ผู้อำนวยการฝ่ายแพทย์ โรงพยาบาลบางโพ และอดีตผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า

 

  1. นพ.พงษ์สันติ์ ลี้สัมพันธ์

ผู้อำนวยการฝ่ายคุณภาพ โรงพยาบาลหัวเฉียว

 

  1. นพ.ณัฐกุล แย้มประเสริฐ

กลุ่มงานออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา

 

  1. ผศ.นพ.กำธร มาลาธรรม

อายุรแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ และรองผู้อำนวยการ โรงพยาบาลรามาธิบดี

 

  1. นพ.สรรัตน์ เลอมานุวรรัตน์

แพทย์เกษียณ จบการศึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

 

  1. นพ.อธิคม สงวนตระกูล

กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X