×

คลังโต้คุณหญิงสุดารัตน์ ชี้แจงมาตรการเดิมที่รัฐออกมาดูแล SMEs แล้ว

07.10.2020
  • LOADING...
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

เมื่อโซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อมูลของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ซึ่งมีใจความว่า รัฐบาลควรให้ความช่วยเหลือ SMEs ที่เป็นฟันเฟืองหลักของเศรษฐกิจไทย โดยยกมาตรการของรัฐที่ออกมาแล้ว เช่น Soft Loan วงเงิน 5 แสนล้านบาท ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่ SMEs กว่า 90% ยังเข้าไม่ถึง 

 

ขณะเดียวกันขอให้รัฐบาลเร่งดูแลธุรกิจ SMEs อาทิ การพักชำระหนี้เป็นเวลา 2 ปี ปรับมาตรการให้ SMEs ที่อยู่ในระบบธนาคารพาณิชย์สามารถกู้เงินมาเสริมสภาพคล่องได้จริง ตั้งกองทุน SMEs เพื่อให้สินเชื่อกับผู้ประกอบการรายย่อยที่ไม่อยู่ในระบบธนาคารพาณิชย์

 

ด้านสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ปัจจุบันรัฐบาลมีมาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือ SMEs แล้ว และกระทรวงการคลังติดตามปัญหาและแก้ไขข้อติดขัดอย่างใกล้ชิด รวมถึงระบุว่า มีความพร้อมที่จะออกมาตรการที่เหมาะสมมาดูแลเศรษฐกิจไทยได้อย่างทันการณ์ต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังอธิบายรายละเอียดของมาตรการช่วยเหลือ SMEs ที่ออกมาแล้ว ได้แก่

 

  1. พ.ร.ก. Soft Loan ธปท. โดยแบ่งการให้ความช่วยเหลือได้ ดังนี้

 

  1. มาตรการสินเชื่อเพิ่มเติม วงเงินรวม 5 แสนล้านบาท โดย ธปท. ให้สถาบันการเงินกู้ยืมในอัตรา 0.01% ต่อปี เพื่อให้สถาบันการเงินปล่อยกู้ให้แก่ SMEs ที่มีวงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 5 ร้อยล้านบาท วงเงินไม่เกิน 20% ของยอดสินเชื่อคงค้างของลูกหนี้ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 คิดดอกเบี้ย 2% ต่อปี เป็นเวลา 2 ปี โดย SMEs ไม่ต้องชำระดอกเบี้ยใน 6 เดือนแรก
  2. พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยให้กับ SMEs ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 1 ร้อยล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 เพื่อให้ SMEs ไม่ต้องมีภาระในการชำระหนี้แก่สถาบันการเงินเป็นระยะเวลา 6 เดือน

 

  1. บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS Soft Loan พลัส วงเงินค้ำประกัน 5.7 หมื่นล้านบาท โดย บสย. ค้ำประกันสินเชื่อให้กับ SMEs ที่มีคุณสมบัติตาม พ.ร.ก. Soft Loan คิดอัตราค่าธรรมเนียม 1.75% ต่อปี ระยะเวลาค้ำประกัน 8 ปี โดยเริ่มค้ำประกันและเก็บค่าธรรมเนียมในต้นปีที่ 3 นับจากวันที่ได้รับสินเชื่อตาม พ.ร.ก. Soft Loan เพื่อให้สถาบันการเงินมีความมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อให้ SMEs เพิ่มขึ้น และสามารถปล่อยสินเชื่อในแก่ SMEs ได้ยาวขึ้น ทำให้เกิดความคล่องตัวในการอนุมัติสินเชื่อ และให้ SMEs สามารถเข้าถึงสินเชื่อตาม พ.ร.ก. Soft Loan ได้อย่างทั่วถึงและเพียงพอ

 

ทั้งนี้ ยังมีมาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือ SMEs ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ได้แก่

 

  1. ธนาคารออมสินดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำวงเงินรวม 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น SMEs ทั่วไป และ SMEs ในธุรกิจท่องเที่ยวกลุ่มละ 1 หมื่นล้านบาท โดยธนาคารออมสินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน ดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี และสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อต่อให้ SMEs วงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาทต่อราย ดอกเบี้ยร้อยละ 2% ต่อปี เป็นเวลา 2 ปี โดยธนาคารออมสินจะปล่อยสินเชื่อให้ SMEs โดยตรงจำนวน 3 พันล้านบาท และยังมีโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับ SMEs ขนาดเล็กในธุรกิจท่องเที่ยวและ Supply Chain วงเงินรวม 5 พันล้านบาท วงเงินไม่เกิน 5 แสนบาทต่อราย ดอกเบี้ย 3.99% ต่อปี ระยะเวลากู้ 5 ปี ปลอดชำระเงินต้น 1 ปี

 

  1. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ดำเนินโครงการสินเชื่อ Extra Cash วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท สำหรับ SMEs ขนาดย่อม ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลในธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 วงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกิน 3 ล้านบาท ดอกเบี้ย 3% ต่อปีใน 2 ปีแรก ระยะเวลากู้ 5 ปี

 

  1. บสย. ดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS ระยะที่ 8 วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท โดย บสย. ค้ำประกันสินเชื่อให้กับ SMEs ทั่วไป วงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาทต่อราย ในอัตราค่าธรรมเนียม 1.75% ต่อปี ค้ำประกัน 10 ปี

 

  1. รัฐบาลยังมีโครงการช่วยเหลือ SMEs รายย่อย ผ่านกองทุน สสว. โดยให้สินเชื่อแก่ SMEs ทั่วไป รวมถึงธุรกิจท่องเที่ยวและที่เกี่ยวเนื่อง วงเงินต่อรายไม่เกิน 3 ล้านบาท ดอกเบี้ย 1% ต่อปี ระยะเวลากู้ 7 ปี ปลอดชำระเงินต้น 1 ปี

 

ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังได้ร่วมกับสมาคมสถาบันการเงินของรัฐจัดทำเว็บไซต์ เราไม่ทิ้งกัน-ด้านการเงิน.com และ ธปท. ได้จัดทำเว็บไซต์ bot.or.th/covid19 เพื่อรวบรวมมาตรการด้านการเงินของสถาบันการเงินในการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น 

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising