×

‘ชูวิทย์’ หอบหลักฐานส่งพิสูจน์คดี ‘ตู้ห่าว’ กับพวก ตำรวจเผย ขั้นต่อไปเตรียมหลักฐานเอาผิดกลุ่มเจ้าหน้าที่

โดย THE STANDARD TEAM
01.12.2022
  • LOADING...

วันนี้ (1 ธันวาคม) พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการสืบสวนสอบสวนในคดีกลุ่มธุรกิจสีเทาของกลุ่มทุนจีน เครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับ ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว 

 

ขณะนี้มีความคืบหน้าไปแล้วประมาณ 80-90% สามารถดำเนินการออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้วจำนวนมาก และในวันพรุ่งนี้ (2 ธันวาคม) จะมีการประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดี เพื่อสรุปข้อมูลในการสืบสวนสอบสวนและการตรวจยึดอายัดทรัพย์สินในแต่ละพื้นที่ เพื่อพิจารณาทำสำนวนให้แน่นหนาเตรียมส่งให้อัยการพิจารณา แต่ทั้งนี้คาดว่ายังต้องใช้ระยะเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานอีกสักระยะหนึ่ง

 

พล.ต.อ. สุรเชษฐ์กล่าวว่า แผนในขั้นต่อไปจะเป็นการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการให้สัญชาติ เอื้อประโยชน์ในทรัพย์สินต่างๆ ของกลุ่มผู้ต้องหา หรือเรียกรับผลประโยชน์ 

 

ซึ่งขณะนี้พบว่ามีผู้เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก จึงต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานให้รอบคอบรัดกุมมากที่สุด ซึ่งการเตรียมดำเนินคดีในขั้นต่อไปอาจมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายหน่วย รวมถึงตำรวจของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย 

 

นอกจากนี้ ยังเตรียมขยายผลการตรวจสอบทรัพย์สินมูลค่ากว่า 5 พันล้านบาทของตู้ห่าวและพวก ว่ามีกลุ่มบุคคลซึ่งเป็นนอมินีคนไทยรายใดช่วยถือครองทรัพย์สินไว้ให้หรือไม่ หากมีพยานหลักฐานชัดเจนก็จะดำเนินคดีทุกคน ทั้งนี้จากการสืบสวนสอบสวนในชั้นนี้ยังไม่พบพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสามารถดำเนินคดีกับนักการเมืองรายใดได้ แต่ตำรวจก็ยังคงรวบรวมพยานหลักฐานที่ได้ หากมีพยานหลักฐานไปถึงก็จะดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวอย่างแน่นอน

 

ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานตามข้อมูลของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เหมือนกับเป็นการทำงานตามใบสั่งหรือไม่ แสดงถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะแสวงหาข้อมูลเอง 

 

เรื่องดังกล่าว พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ชี้แจงว่า ตำรวจไม่ได้ทำงานตามใบสั่งของใคร มีการสืบสวนสอบสวนหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อมีพลเมืองดีนำข้อมูลมาให้ ไม่ว่าจะเป็นทางโซเชียลมีเดีย หรือเป็นการให้ข้อมูลแบบชูวิทย์ ก็ต้องนำมาพิจารณาข้อมูลเพื่อใช้ในการสืบสวนสอบสวน โดยทุกข้อมูลที่ได้มาก็จะต้องนำมาตรวจสอบก่อนว่ามีข้อเท็จจริงและมีมูลพอที่จะดำเนินคดีหรือไม่ และไม่ได้มีเพียงชูวิทย์คนเดียวที่นำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมามอบให้ แต่ยังมีข้อมูลหลั่งไหลมาจากหลายทาง ซึ่งขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดว่ามีข้อมูลใดที่สามารถนำมาใช้หรือขยายผลเพิ่มเติมได้บ้าง

 

อย่างเช่น กรณีของข้อมูลที่ระบุว่ามีโรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งมีชื่อของกลุ่มผู้ต้องหาและชาวจีนจำนวนมากมาลงทะเบียนเรียนทั้งที่อายุเกินที่จะเข้าเรียนในโรงเรียนดังกล่าวแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว หากมีการกระทำความผิดจริงก็ต้องดำเนินคดี และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่ออกเอกสารให้ก็ต้องรับผิดชอบด้วย

 

จากนั้น ชูวิทย์ได้นำข้อมูลเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหาและเครือข่ายของตู้ห่าวมามอบให้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ในการแถลงข่าว พร้อมระบุว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจสอบเส้นทางทางการเงินและตรวจยึดอายัดทรัพย์สินต่างๆ ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น รวมถึงจะขยายผลไปถึงกลุ่มนอมินีหรือกลุ่มผู้ถือครองทรัพย์สินแทน ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จะแถลงข่าวที่โรงแรมของตนเอง จะไม่ใช้พื้นที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 

ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่าตนเองนำข้อมูลมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความล้ำหน้าจนทำให้เจ้าหน้าที่ดูไม่มีประสิทธิภาพ มองว่าเรื่องดังกล่าวตนเองทำไปโดยบริสุทธิ์ใจ และต้องการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจในการจัดการกับกลุ่มบุคคลดังกล่าว เปรียบเสมือนกับการเห็นคนร้ายที่วิ่งหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อตนเองเห็นว่าวิ่งหลบหนีไปทางใดก็ต้องแจ้งร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ ไม่ได้เป็นการทำงานตามใบสั่งของบุคคลใดเช่นกัน

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising