×

18 พฤษภาคม 2017 อีกหนึ่งวันที่โลกดนตรีร้องไห้กับจากการไปของ คริส คอร์เนลล์

17.05.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 Mins. Read
  • 18 พฤษภาคม 2017 คือวันที่ คริส คอร์เนลล์ ฟรอนต์แมนแห่งวง Soundgarden และ Audioslave ได้จากโลกนี้ไปตลอดกาล
  • คริส คอร์เนลล์ และวง Soundgarden คือหนึ่งในกำลังสำคัญร่วมกับวง Nirvana, Pearl Jam และ Alice in Chains ที่ทำให้ดนตรีแนวกรันจ์เริ่มประสบความสำเร็จไปทั่วโลกในช่วงยุค 90s
  • นอกจากการเป็นหนึ่งในไอคอนของดนตรีแนวกรันจ์ยุค 80s-90s ชีวิตของคริสยังเป็นภาพสะท้อนของปัญหาภาวะซึมเศร้า แอลกอฮอล์ และยาเสพติด ที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตของนักดนตรีหลายคนได้เป็นอย่างดี

ย้อนกลับไปเมื่อ 1 ปีที่แล้ว ร่างไร้วิญญาณของ คริส คอร์เนลล์ ณ ห้องพักหมายเลข 1136 ของโรงแรมเอ็มจีเอ็ม แกรนด์ ดีทรอยต์ ได้ทำให้ทุกตัวโน้ตในวงการดนตรีโศกเศร้าและแผดเสียงราวกับคนกำลังร่ำไห้ เพราะนั่นคือสัญญาณที่บอกว่าพวกเราทุกคนจะไม่มีวันได้ฟังเสียงร้องจากตำนานเพลงกรันจ์ ฟรอนต์แมนแห่งวง Soundgarden และ Audioslave คนนี้อีกต่อไป

 

นอกจากการเป็นหนึ่งในไอคอนของดนตรีแนวกรันจ์ยุค 80s-90s ชีวิตของคริสยังเป็นภาพสะท้อนของปัญหาภาวะซึมเศร้า แอลกอฮอล์ และยาเสพติด ที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตของนักดนตรีหลายคนได้เป็นอย่างดี

 

เพราะในวัยเด็ก ตั้งแต่ที่คริสยังใช้ชื่อว่า คริสโตเฟอร์ จอห์น บอยล์ เขาคือเด็กชายผู้ใช้ชีวิตวัยรุ่นด้วยสภาวะที่แปลกแยกจากเพื่อนๆ วัยเดียวกัน เขาป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ไม่ชอบเข้าสังคม เกลียดการไปโรงเรียน เคยหนีออกจากบ้าน และหันหน้าเข้าหายาเสพติดทุกชนิด ก่อนที่เขาจะเริ่มใช้ ‘ดนตรี’ เป็นเครื่องบำบัดตัวเองอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 16 ปี และรวมกลุ่มเพื่อนเป็นวงดนตรีที่ชื่อ The Shemps ตระเวนเล่นดนตรีไปทั่วเมืองซีแอตเทิลเพื่อสั่งสมประสบการณ์ ก่อนที่ในปี 1984 เขาจะฟอร์มวง Soundgarden ขึ้นมาเมื่ออายุ 20 ปี กลายเป็นกำลังสำคัญร่วมกับวง Nirvana, Pearl Jam และ Alice in Chains ที่ช่วยบุกเบิกดนตรีแนวกรันจ์ให้โลกได้รู้จัก

 

สมาชิกวง Soundgarden ในปี 1993
Photo: www.seattletimes.com

 

ถึงแม้ว่า 3 อัลบั้มแรกของวง Soundgarden จะได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ในเรื่องคุณภาพดนตรี แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จด้านยอดขายเท่าไรนัก ซึ่งพวกเขาก็ยังทำเพลงต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสตูดิโออัลบั้มที่ 4 Superunknown ในปี 1994 เปิดตัวด้วยการขึ้นเป็นอันดับ 1 บนบิลบอร์ดชาร์ต และทำยอดขายในสัปดาห์แรกได้มากถึง 310,000 ชุด โดยมีเพลงฮิตอย่าง The Day I Tried to Live, My Wave, Fell on Black Days, Spoonman และ Black Hole Sun ฯลฯ ที่โดนใจแฟนเพลงทั้งโลก ทำให้ยอดขายของอัลบั้มนี้เพิ่มจำนวนเป็น 9 ล้านชุดในเวลาต่อมา ก่อนที่ความขัดแย้งเรื่องทิศทางการทำเพลงของสมาชิกในวงทำให้พวกเขาตัดสินใจพักการทำเพลงไปในช่วงปี 1997

 

เพลง Black Hole Sun ของวง Soundgarden

 

ระหว่างนั้นคริสได้รวมตัวกับ ทอม มอเรลโล, แบรด วิลก์ และทิม คอมเมอร์ฟอร์ด แห่งวง Rage Against the Machine กลายเป็นวงร็อกซูเปอร์กรุ๊ปที่ชื่อว่า Audioslave ในปี 2001 และใช้เวลา 6 ปีร่วมกันสร้างสรรค์ผลงาน 3 อัลบั้มที่ถึงแม้ความนิยมจะไม่มากเท่าตอนทำวง Soundgarden แต่ก็สามารถทำยอดขายทั่วโลกรวม 3 อัลบั้มไปได้ 8 ล้านชุด พร้อมกับอีก 5 อัลบั้มในฐานะศิลปินเดี่ยว และยังเป็นเจ้าของเสียงร้องในเพลง You Know My Name ที่แต่งร่วมกับ เดวิด อาร์โนลด์ เพื่อใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Casino Royale (2006) จนกลายเป็นหนึ่งในซาวด์แทร็กที่ดีที่สุดของภาพยนตร์ชุดเจมส์ บอนด์ มาจนถึงวันนี้

 

 

เพลง You Know My Name ที่ใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่อง Casino Rayale

 

ถึงแม้กราฟชีวิตทางด้านดนตรีของคริสจะดูสดใสและเพียบพร้อมไปด้วยความสำเร็จมากมาย แต่สุดท้ายภาวะโรคซึมเศร้าที่สะสมมาตั้งแต่เด็กก็ยังไม่เคยหายไปจากจิตใจของเขาได้สักที มีเพียงการกินยาตามที่แพทย์สั่งเป็นระยะ การบำบัด และระบายความรู้สึกผ่านผลงานเพลงเท่านั้นที่ช่วยทำให้เขารู้สึกดีขึ้นจากสภาวะเหล่านั้นได้

 

กระทั่งปี 2010 คริสกลับมาทำเพลงกับวง Soundgarden อีกครั้งจนกลายเป็น King Animal สตูดิโออัลบั้มชุดที่ 6 ในปี 2012 ถึงแม้ว่าในเรื่องกระแสตอบรับกับนักฟังเพลงยุคใหม่จะไม่ดีนัก แต่สำหรับแฟนเพลงเดนตาย นี่คือหนึ่งในเรื่องที่ดีที่สุด เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็แน่ใจได้ว่าคริส คอร์เนลล์ และวงดนตรีที่เขารักกลับมาแล้ว

 

ภาพที่คริสใช้โปรโมต Higher Truth อัลบั้มเดี่ยวชุดสุดท้ายของเขาในปี 2015

Photo: www.seattletimes.com

 

ประมาณช่วงเดือนเมษายน 2017 คริสก็เพิ่งให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของสตูดิโออัลบั้มที่ 7 ของ Soundgarden ที่เดินไปถึงครึ่งทางแล้ว ซึ่งนับว่าเป็นข่าวดีที่แฟนๆ ได้ยินในรอบ 5 ปี เท่านั้นยังไม่พอ หลังจบคอนเสิร์ตที่ฟ็อกซ์เธียเตอร์ เมืองดีทรอยต์ ก่อนคืนเกิดเหตุเขาเพิ่งถ่ายรูปเซลฟีกับแฟนๆ ที่มาดูคอนเสิร์ตในวันนั้น พร้อมกับบอกว่าเตรียมพบกันอีกครั้งในคอนเสิร์ตครั้งต่อไปที่เมืองโคลัมบัสและโอไฮโอ แต่หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง สิ่งที่ทุกคนเฝ้ารอก็กลายเป็นเพียงความฝันที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง

 

 

คอนเสิร์ตเพลงสุดท้ายในชีวิตของคริส คอร์เนลล์

 

ผลการชันสูตรเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าเป็นการฆ่าตัวตายเนื่องจากความเครียดสะสม ภาวะซึมเศร้า และสภาพจิตใจที่ได้รับผลกระทบจากการบำบัดยาเสพติดในอดีต แต่ วิกกี้ คอร์เนลล์ ภรรยาของเขาเชื่อว่าสาเหตุจริงๆ มาจากผลข้างเคียงของยา Ativan ที่หากใช้เกินขนาดจะออกฤทธิ์ทำให้เวียนหัว หน้ามืด พูดไม่รู้เรื่อง ไม่มีสติ ไปจนถึงเกิดความรู้สึกอยากจบชีวิตของตัวเองขึ้นมา โดยวันนั้นคริสบอกกับเธอว่ากินยาตัวนี้เข้าไปถึง 2 เม็ด และใช้ยาตัวนี้ติดต่อกันนานถึง 1 ปีเพื่อช่วยให้เขานอนหลับได้ง่ายขึ้นตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุกล้ามเนื้อที่ไหล่ฉีก ทั้งๆ ที่ปกติยานี้ไม่ควรใช้ติดต่อกันเกิน 1 เดือน

 

กระทั่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เธอเพิ่งออกมาโจมตีหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องการชันสูตรศพที่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุการตายที่มาจากผลข้างเคียงของฤทธิ์ยาได้สักที ทำให้คนทั่วโลกเข้าใจผิดว่าสามีของเธอรู้สึกเป็นทุกข์กับการมีชีวิตอยู่มาเกือบ 1 ปีเต็ม เพราะเธอไม่มีทางเชื่ออย่างเด็ดขาดว่าคนที่เพิ่งพูดคุยกับครอบครัวอย่างมีความสุขถึงเรื่องดนตรี ชีวิตครอบครัว การพาลูกๆ ไปเที่ยวในวันหยุด รวมทั้งๆ อีกหลายเรื่องที่พวกเขาอยากทำร่วมกันจะมีความคิดอยากทิ้งทุกอย่างในชีวิตตัวเองขึ้นมาได้

 

คริส คอร์เนลล์ และครอบครัว

Photo: fandaily.info

 

แต่ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร คงมีเพียงคริสคนเดียวเท่านั้นที่รู้คำตอบ สิ่งที่เราทำได้มีเพียงแค่การระลึกถึงทุกบทเพลง ทุกตัวโน้ตที่คริสได้ทิ้งไว้บนโลกใบนี้ในฐานะหนึ่งในผู้บุกเบิกเพลงกรันจ์ให้พุ่งทะยานกลายเป็นดนตรีกระแสหลักร่วมกับเคิร์ต โคเบน แห่งวง Nirvana, สก็อตต์ วีแลนด์ แห่งวง Stone Temple Pilots ที่จากโลกนี้ไปก่อนหน้านี้ รวมทั้ง เชสเตอร์ เบนนิงตัน แห่งวง Linkin Park ที่ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองในวันที่ 20 กรกฎาคม 2017 ซึ่งตรงกับวันเกิดของคริสผู้เป็นเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิต และนักดนตรีผู้สร้างความสุขให้กับผู้อื่นอีกหลายคนที่ต้องจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร

 

และได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้วิถีชีวิตของนักดนตรีที่ควรสร้างสรรค์บทเพลงแห่งความสุขกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนเหล่านี้ต้องจากโลกไปก่อนวัยอันควรอีกเลย

 

อ้างอิง:

FYI
  • คริสเริ่มต้นสนใจดนตรีร็อกตั้งแต่อายุ 9-11 ปี โดยศิลปินที่เขาชอบฟังและมีอิทธิพลในการเล่นดนตรีของเขามากที่สุดคือ ลิตเติล ริชาร์ด และวง The Beatles
  • ดนตรีแนวกรันจ์ร็อกเป็นอีกแขนงหนึ่งของดนตรีแนวอัลเทอร์เนทีฟที่เริ่มต้นจากวงดนตรีในแถบเมืองซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา จนมีชื่อเรียกอีกอย่างว่าซีแอตเทิลซาวด์ ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในยุค 1990 มีจุดเด่นที่เอฟเฟกต์ดิสทอร์ชันจากกีตาร์ไฟฟ้าที่ได้รับอิทธิพลมาจากดนตรีเมทัลและพังก์ร็อก โดยเนื้อหาส่วนมากจะพูดถึงความเจ็บปวด เกรี้ยวกราด เพื่อเสียดสีสังคมและสะท้อนสภาวะแปลกแยกบางอย่างของสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือคนใดคนหนึ่งออกมา
  • ในปี 2012 คริสและวิกกี้ ภรรยาของเขา ได้ตั้งมูลนิธิ The Chris & Vicky Cornell Foundation ขึ้นมา โดยมอบเงินทุนสนับสนุนเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ จากทั่วโลกที่ประสบปัญหายากจน ไร้การศึกษา ไม่มีที่อยู่ ถูกรังแก และมีปัญหาในการเข้าสังคม เพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ให้ไม่ต้องพบเจอกับความทุกข์ในแบบที่เขาเคยเจอ
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising