×

เศรษฐีจีนมุ่งสู่สิงคโปร์ หนีนโยบาย ‘Common Prosperity’ ขนเงินลงทุน 62.5 ล้านบาท แลกสัญชาติถาวร

31.01.2023
  • LOADING...

แม้ประเทศจีนจะยกระดับและพัฒนาประเทศขึ้นมาอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีเศรษฐีชาวจีนอีกจำนวนไม่น้อยที่หวังจะออกไปตั้งรกรากที่ประเทศอื่น และหนึ่งในเป้าหมายคือสิงคโปร์

 

อย่างกรณีของ Zayn Zhang ซึ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในสิงคโปร์ มองว่า “สิงคโปร์นั้นยอดเยี่ยม เป็นประเทศที่มั่นคงและเปิดโอกาสด้านการลงทุนมากมาย” พร้อมกล่าวว่า ครอบครัวของเขาอาจจะตั้งสำนักงานครอบครัว (Family Office) ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำหน้าที่บริหารจัดการทรัพย์สินของครอบครัวที่สิงคโปร์ในอนาคต

 

ด้วยเรื่องของภาษีที่เป็นมิตรและการเมืองที่ถูกมองว่ามั่นคง สิงคโปร์ถูกมองว่าเป็นดั่งสวรรค์สำหรับมหาเศรษฐีต่างชาติมาโดยตลอด

 

แต่การไหลเข้ามาของเศรษฐีต่างชาติเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ปี 2021 หลังจากที่สิงคโปร์เป็นประเทศแรกๆ ที่ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด ซึ่งตรงกันข้ามกับจีนและฮ่องกงที่ยังคงคุมเข้ม

 

จำนวน Family Office ในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสู่ระดับประมาณ 700 บริษัท ในปี 2021 จากก่อนหน้านี้ที่มีอยู่ราว 400 บริษัท โดยครอบครัวที่มีชื่อเสียงที่เข้ามาตั้ง Family Office ในสิงคโปร์ เช่น James Dyson ครอบครัวผู้ผลิตเครื่องดูดฝุ่น Dyson, Ray Dalio ผู้ก่อตั้งเฮดจ์ฟันด์ Bridgewater และ Zhang Yong ผู้ก่อตั้งร้าน Haidilao

 

แม้จะยังไม่มีข้อมูลอัปเดต แต่จำนวน Family Office ถูกประเมินว่าน่าจะเพิ่มขึ้นในปี 2022 และต่อเนื่องในปี 2023 ขณะที่การผ่อนคลายนโยบายควบคุมโควิดของจีนก็ไม่น่าจะทำให้เทรนด์ดังกล่าวเปลี่ยนไป เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลจีนที่ต้องการสนับสนุนเรื่องความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน (Common Prosperity) เพื่อลดความไม่เท่าเทียม

 

Chung Ting Fai นักกฎหมายที่ช่วยในการจัดตั้ง Family Office กล่าวว่า เขาได้รับการติดต่อจากครอบครัวที่ต้องการตั้ง Family Office ในสิงคโปร์ 1 ครั้งต่อสัปดาห์ จากครอบครัวที่ต้องการย้ายทรัพย์สินมูลค่าอย่างน้อย 20 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือเกือบ 500 ล้านบาท ขณะที่ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา จำนวนผู้ที่ติดต่อเข้ามาเพิ่มขึ้นเป็น 2 ครั้งต่อสัปดาห์ และนอกจากชาวจีนแล้วยังมีชาวญี่ปุ่นและมาเลเซียที่สนใจเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

 

ส่วนหนึ่งของนโยบายที่ช่วยดึงดูดเศรษฐีชาวต่างชาติให้เข้ามาอยู่ในสิงคโปร์ คือการเสนอให้ใครก็ตามที่ลงทุนอย่างน้อย 2.5 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ กองทุน หรือ Family Office สามารถยื่นขอสัญชาติสิงคโปร์ได้

 

ขณะที่สินทรัพย์ภายใต้การบริหารของสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 16% เป็น 5.4 ล้านล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เมื่อปี 2021 ส่วนปีที่ผ่านมา สินทรัพย์กว่า 3 ใน 4 ของทั้งหมดมาจากนอกสิงคโปร์ ซึ่งส่วนมากเป็นประเทศในแถบเอเชีย

 

ขณะที่จำนวนผู้ได้รับสัญชาติสิงคโปร์เพิ่มขึ้นกว่า 3 หมื่นคน และมีแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานมากกว่า 9.7 หมื่นคน ทำให้จำนวนประชากรของสิงคโปร์เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 5.64 ล้านคน

 

ผลกระทบที่ตามมาอย่างหนึ่งคือค่าเช่าบ้านที่เพิ่มขึ้น 21% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2022 ขณะที่ราคาบ้านเพิ่มขึ้นมากที่สุดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ด้วยความต้องการซื้อของชาวจีน

 

อีกหนึ่งสัญญาณที่สะท้อนให้เห็นถึงการหลั่งไหลเข้ามาของเศรษฐี คือจำนวนสมาชิกของกอล์ฟคลับที่เพิ่มขึ้น โดยค่าสมาชิกของกอล์ฟคลับอย่าง Sentosa Golf Club สูงถึง 8.8 แสนดอลลาร์สิงคโปร์ สำหรับชาวต่างชาติ เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปี 2019


บทความที่เกี่ยวข้อง


อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X