เศรษฐกิจจีนซบเซา เกิดสภาวะชะลอตัวของตลาด EV จีน ทุบราคาลิเธียม นิกเกิล โคบอลต์ลดลง 50% ประกอบกับปริมาณแร่ที่มีอย่างจำกัดและไม่สามารถผลิตได้ทันตามความต้องการของตลาดแบตเตอรี่ในจีน เนื่องจากผู้ผลิตหลายรายขยายกำลังผลิตเป็น 2 เท่า กำลังกระทบต่อซัพพลายเชน
แม้ว่าจีนจะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าตลาดยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะเห็นว่าเกิดการแข่งขันสูง หลายค่ายเปิดศึกหั่นราคารถกันอย่างคึกคักเพื่อกระตุ้นความต้องการซื้อ แต่ต้องยอมรับว่าขณะนี้เศรษฐกิจจีนกำลังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลายอุตสาหกรรมแผ่ว รวมถึงตลาด EV จึงกระทบต่อราคาลิเธียม นิกเกิล และโคบอลต์ ต่างเป็นทรัพยากรล้ำค่าของการผลิตแบตเตอรี่สำหรับ EV ลดลงกว่า 50% กดดันรัฐบาลต้องออกมาตรการกระตุ้นสำหรับผู้ซื้อรถยนต์พลังงานใหม่ (New Energy Vehicle: NEV) ครั้งใหญ่ด้วยการลดหย่อนภาษีรถยนต์ EV ต่อเนื่อง 4 ปี อัดฉีดเต็มที่ถึงปีละ 5 แสนล้านหยวน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ไขคำตอบ ทำไม ‘Wuling’ Air EV แบรนด์รถจากจีนจึงเลือกผลิตในอินโดนีเซีย และเข้ามาทำตลาดในไทย
- ยักษ์ใหญ่ EV จีน ปักหมุดในไทยแน่น! มองอีก 5 ปีปริมาณการใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะมากกว่ารถยนต์สันดาป
- รู้จัก ‘บาหลี’ ที่มากกว่าทะเล มนตร์เสน่ห์เกาะเล็กๆ กำลังเป็นประตูบานสำคัญต้อนรับนักลงทุน EV จากทุกมุมโลก
สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานว่า สถานการณ์ราคาแร่ลิเธียม นิกเกิล และโคบอลต์ที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ากำลังลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะมูลค่าของลิเธียมลดลงเกือบ 50% จากที่เคยอยู่ในจุดสูงสุดเมื่อปีที่แล้ว สาเหตุหลักมาจากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกกำลังอยู่ในภาวะชะลอตัวลง
ขณะเดียวกันผู้ผลิตแบตเตอรี่ต่างวางแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 2 เท่า เพื่อผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ของจีน ทำให้เหมืองไม่สามารถผลิตได้ทันกับความต้องการ ดังนั้นทรัพยากรเหล่านี้คาดว่าจะยังคงอ่อนตัวไปอีกระยะหนึ่ง แต่ในทางกลับกันอาจทำให้ราคาของรถยนต์ EV ลดลงตามไปด้วย
ทั้งนี้ ราคาแร่สำหรับผลิตแบตเตอรี่เริ่มพุ่งขึ้นในปี 2021 แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2022 ด้วยราคาสปอตของยุโรปสำหรับโคบอลต์ซึ่งใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานระหว่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 15.25 ดอลลาร์ต่อปอนด์ ทำให้นักเก็งกำไรต่างทุ่มเงินเดิมพันลงในตลาดนิกเกิล
การผลิต NEV คือจุดเปลี่ยน
อย่างไรก็ตาม จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนระบุว่า จุดเปลี่ยนที่เกิดขึ้นคือการเข้ามาของเทคโนโลยีและโซลูชันสำหรับยานยนต์พลังงานใหม่ หรือ NEV ที่เริ่มปักธงในจีน แต่ขณะนี้การเติบโตของการผลิต NEV กลับชะลอตัวตั้งแต่ต้นปี 2023 เพราะการผลิต NEV เพิ่มขึ้น 2 เท่าในปีที่แล้วก็จริง แต่เพิ่มขึ้นเพียง 37% เท่านั้น
แน่นอนว่าสาเหตุหลักมาจากราคาและการแสวงหาแร่ที่ลดลง และรัฐบาลยุติการอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าในจีนเมื่อปลายปีที่แล้ว ทำให้อุปสงค์ชะลอตัวลง โดยตลาดแบตเตอรี่ลิเธียมเหล็กฟอสเฟตสำหรับ EV ซึ่งไม่ใช้โคบอลต์หรือนิกเกิลก็ถูกกดดันราคาลดลงเช่นกัน แม้รัฐบาลจีนเสนอให้ลดหย่อนภาษีสำหรับ NEV แต่ผู้ผลิตมองว่าเป็นเพียงมาตรการระยะสั้น
หากสำรวจแหล่งทรัพยากรทั่วโลกในขณะนี้พบว่าประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ต่างมีแผนที่จะเพิ่มการผลิตเพื่อป้อนให้กับอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ โดยออสเตรเลียผลิตลิเธียมมากกว่า 50% ของตลาดโลก ในขณะที่ชิลีผลิตอยู่ที่ 20-30% และทั้งสองประเทศกำลังมีแผนเพิ่มการผลิต และคาดว่าผลผลิตรวมกันจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในปี 2030
อีกทั้ง Goldman Sachs ประเมินว่า อินโดนีเซีย ผู้ผลิตนิกเกิลรายใหญ่ที่สุด งดส่งออก และยังเตรียมเพิ่มการผลิตในประเทศและมีแผนที่จะขยายการผลิตโคบอลต์ในคองโก
ในขณะเดียวกันอนาคตความต้องการลิเธียมทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นประมาณ 13 เท่า หากบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากราคาโคบอลต์จะเพิ่มขึ้น 3 เท่า และราคานิกเกิลจะเพิ่มเป็น 2 เท่า
ทั้งนี้ แร่นับเป็นทรัพยากรล้ำค่าและกำลังเขย่าวงการยานยนต์ไฟฟ้าจีน เนื่องจากแบตเตอรี่คิดเป็น 1 ใน 3 ของต้นทุนการผลิต EV หากเศรษฐกิจจีนดี ราคาก็ดี แต่หากซบเซาลงก็ย่อมมีผลต่อราคาที่ต่ำลงเช่นกัน
ด้านสำนักข่าว Reuters รายงานว่า ก่อนหน้านี้ Contemporary Amperex Technology ซัพพลายเออร์แบตเตอรี่ระดับโลกที่มีส่วนแบ่ง 37% ของตลาด EV และ CATL ยักษ์ใหญ่แบตเตอรี่จีน ต่างเผชิญกับแรงกดดันจากผู้ผลิตรถยนต์จีนในเรื่องการครองตลาดและการกำหนดราคาแบตเตอรี่เช่นกัน แม้หน่วยงานกำกับดูแลต้นทุนแร่และราคาของรัฐบาลจีนพร้อมจะหามาตรการร่วมกันหลังจากราคาลิเธียมลดลง ซึ่งสอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่ชะลอตัวในจีน ที่คิดเป็น 2 ใน 3 ของรถยนต์ที่ใช้พลังงานแบตเตอรี่
จีนขยายเวลามาตรการลดหย่อนภาษี กระตุ้นตลาดรถยนต์ EV
ล่าสุดจีนออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อรถยนต์ไฟฟ้าโดยทุ่มลงทุนครั้งใหญ่ ด้วยมาตรการกระตุ้นการลดหย่อนภาษีรถยนต์ EV ต่อเนื่อง 4 ปี ปีละ 5 แสนล้านหยวน โดยรถยนต์พลังงานใหม่ที่ซื้อในปี 2024-2025 จะได้รับการยกเว้นภาษีสูงสุด 30,000 หยวนต่อคัน ขณะที่รถที่ซื้อในปี 2026-2027 จะได้รับการยกเว้นภาษีสูงสุด 15,000 หยวนต่อคัน โดยรวมแล้วมาตรการลดหย่อนภาษีนี้จะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 5.2 แสนล้านหยวน
อย่างไรก็ตาม มาตรการลดหย่อนภาษีนี้เพิ่งประกาศเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีขึ้นหลังจากที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนซึ่งเป็นตลาดยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแผ่วลง หลังจากนี้ต้องจับตาต่อไปว่ามาตรการเหล่านี้จะช่วยรักษาโมเมนตัมในการครองแชมป์เจ้าตลาด ที่ทำให้ผู้ผลิตในประเทศหลายรายอย่าง BYD, MG, NIO, NETA ก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าระดับโลกต่อไปอย่างไร
อ้างอิง:
- https://asia.nikkei.com/Business/Markets/Commodities/Chinese-EV-market-slowdown-slashes-lithium-cobalt-prices?fbclid=IwAR3zixAl-pAnefzrhLwhdqKGAKkewIdk_s8BTvQFH68qLzoA-6YjZG9GbDQ_aem_AYU6BENoo7apKxDrMtqE7RgquLDrgejuEVlsGIk_3TqKdapkuBCptuGk_Aj83YKW_rg&mibextid=Zxz2cZ
- https://www.reuters.com/business/autos-transportation/china-announces-extension-purchase-tax-break-nevs-until-2027-2023-06-21/
- https://www.china-briefing.com/news/china-extends-nev-tax-reduction-and-exemption-policy-to-2027/