×

เศรษฐกิจจีน 2025: แข็งนอก อ่อนใน รอวันรีเซ็ต

28.06.2025
  • LOADING...

แม้ตัวเลขส่งออกจะยังทรงตัว แม้ตัวเลขการเติบโตเศรษฐกิจยังได้ตามเป้าหมาย แม้เทคโนโลยีจีนจะก้าวหน้าไล่ทันโลก แต่เบื้องหลังความแข็งแกร่งคือความเปราะบางของภาคบริโภค ความเชื่อมั่นที่ยังไม่ฟื้น และโจทย์ใหญ่เรื่องโครงสร้างเศรษฐกิจที่ยังไม่ถูกแตะ

 

วันที่ 24-26 มิถุนายน 2568 การประชุม Annual Meeting of the New Champions 2025 หรือ Summer Davos ณ เมืองเทียนจิน ประเทศจีน บนเวทีหารือ ‘China’s Economy: Analysed’ นักวิชาการ และซีอีโอระดับนานาชาติได้ร่วมกันถอดรหัส ‘ความจริง’ เบื้องหลังเศรษฐกิจจีนยุคใหม่

 

ในวันที่จีนถูกมองว่าเป็นคู่แข่งสำคัญของโลกตะวันตก ทั้งในเทคโนโลยี การค้า และภูมิรัฐศาสตร์ สิ่งที่อาจมองข้ามไปคือความท้าทายภายในที่ยังฝังลึก จากระดับการบริโภคที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก สู่ภาคบริการที่ยังไม่เปิดเต็มที่ และแรงงานรุ่นใหม่ที่ยังไม่เห็นอนาคต

 

ในขณะที่ AI อย่าง DeepSeek กำลังเขย่าวงการผลิต จีนอาจดู ‘แข็งนอก’ แต่กำลัง ‘อ่อนใน’ และรอคอยจังหวะ ‘รีเซ็ต’ ตัวเองครั้งใหม่

 

‘Decoupling’ เป็นเพียงภาพลวงตา?

 

แม้ตัวเลขการค้าจีน-สหรัฐฯ โดยตรงจะลดลงเล็กน้อย แต่ความเชื่อมโยงทางอ้อมในห่วงโซ่อุปทานกลับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ‘ประเทศที่สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าเพิ่มมากที่สุดในช่วงหลัง กลับเป็นประเทศที่จีนส่งออกมากขึ้น’ ศ.จินเคออวี่ จาก London School of Economics (LSE) ชี้ให้เห็นว่า การค้าระหว่างจีนและโลกไม่ได้ ‘ลดลง’ แต่กำลัง ‘ปรับทิศทางใหม่’ ผ่านพาร์ตเนอร์ทางอ้อม

 

ศ.จินเคออวี่ จาก London School of Economics (LSE) 

 

จูหมิน อดีตรองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน เสริมว่า ตัวเลขดุลการค้ากับสหรัฐฯ ยังแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากปี 2018 ถึงปี 2025 “เราส่งออกไปสหรัฐฯ ราว 5 แสนล้านดอลลาร์ นำเข้า 2 แสนล้าน และยังเกินดุล 3 แสนล้านดอลลาร์เช่นเดิม” ตัวเลขนี้ไม่ได้สะท้อนแค่ ‘ความสามารถในการแข่งขัน’ ของจีน แต่ยังชี้ถึง ‘โครงสร้างความพึ่งพิง’ ที่ฝังรากลึก

 

จูหมิน อดีตรองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน

 

“คำถามคือ พวกเขาจะเหยียบเท้ากันเอง หรือจะหันมาเต้นรำด้วยกัน” ศาสตราจารย์ เอสวาร์ ปราซาด (Eswar Prasad) แห่งมหาวิทยาลัยคอร์แนลกล่าวในเวที พร้อมย้ำว่าแม้จะยากที่จะเห็นทั้งสองฝ่าย “เต้นรำ” กันได้ในเร็ววัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถแยกจากกันได้ง่าย

 

DeepSeek: จุดเปลี่ยนของภูมิทัศน์ดิจิทัลจีน

 

ภายใต้พื้นผิวของเศรษฐกิจมหภาค จีนกำลังผลักดันจุดเปลี่ยนที่สำคัญในภาคเทคโนโลยีด้วย DeepSeek โมเดล AI แบบ Open-Source ที่สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรม

 

“จีนมีข้อได้เปรียบหายาก: ทั้งอัลกอริทึมล้ำหน้า ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ และกำลังการผลิตในระดับมหาศาล” จินกล่าว พร้อมเน้นว่า DeepSeek ช่วยให้ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือของยักษ์ใหญ่ แต่เป็น ‘คลื่นลูกใหม่’ ที่องค์กรขนาดกลางก็เข้าถึงได้ (AI+)

 

จูหมินอธิบายว่า จีนมีพร้อมทั้ง:

 

  • นโยบายข้อมูล (Data 20th) ที่เปิดให้เอกชนเข้าถึงข้อมูลภาครัฐ
  • เซิร์ฟเวอร์ของ Huawei รองรับการประมวลผลในประเทศ
  • อัลกอริทึมระดับโลกจาก DeepSeek และนักพัฒนาท้องถิ่น

 

“ผมเชื่อว่าอีกไม่เกิน 24 เดือน จะมีซอฟต์แวร์แบบ DeepSeek เกิดขึ้นอีกเป็นร้อย” จูกล่าว พร้อมระบุว่า AI+ จะเปลี่ยนเศรษฐกิจจีนอย่างลึกซึ้งในแทบทุกอุตสาหกรรม

 

อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าดังกล่าวไม่ได้มาโดยไร้ต้นทุน โจ ไง (Joe Ngai) จาก McKinsey เตือนว่า AI สร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุน แต่กลับสร้าง ‘ความกังวล’ ในกลุ่มเยาวชน โดยเฉพาะเรื่องการจ้างงานที่อาจถูกแทนที่

 

การบริโภค’ คือจุดเปลี่ยนเชิงโครงสร้าง

 

แม้ GDP ของจีนจะเติบโตอย่างมั่นคง แต่จุดอ่อนใหญ่ยังคงอยู่ที่ สัดส่วนการบริโภคภายในประเทศที่ต่ำ ปัจจุบันการบริโภคของครัวเรือนจีนอยู่ที่ราว 39% ของ GDP ต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้วอย่างมีนัยสำคัญ

 

“จีนจะไม่มีวันเป็นประเทศร่ำรวยได้ หากไม่กลายเป็นประเทศที่บริโภค” จินกล่าวอย่างตรงไปตรงมา พร้อมชี้ว่า ระบบเศรษฐกิจของจีนยังคง ‘ให้รางวัลกับการผลิต’ มากกว่าการใช้จ่าย

 

จูหมินให้ข้อมูลว่า การบริโภคสินค้าวัตถุ (Material Goods) ของจีนแตะระดับสูงแล้ว แต่บริการต่างๆ เช่น สุขภาพ การศึกษา และการท่องเที่ยวยัง ‘ต่ำเกินไป’ จึงต้องเปิดภาคบริการให้เอกชนแข่งขันมากขึ้น พร้อมสร้างโครงสร้างราคาที่เหมาะสม

 

ความมั่นใจ: สินทรัพย์ที่ต้องฟื้นฟู

 

ในมุมของเอกชน นักธุรกิจต่างประเทศยังมองจีนเป็นฐานนวัตกรรมที่ทรงพลัง

 

อิลแฮม คาดรี (Ilham Kadri) ซีอีโอของ Syensqo บริษัทเคมีจากเบลเยียม กล่าวว่า “จีนเคยเป็นแค่ประเทศที่ผลิตได้เยอะ ตอนนี้กลายเป็นประเทศที่คิดค้นได้ด้วย” และเธอได้เชิญบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ของจีนให้ไปลงทุนในยุโรป

 

แต่ในทางกลับกัน ความไม่แน่นอนด้านนโยบายภายในก็ยังทำให้ผู้ประกอบการในประเทศไม่กล้าลงทุน แม้รัฐบาลจะเริ่มส่งสัญญาณเปิดรับภาคเอกชนผ่านการพบปะกับผู้นำธุรกิจ ก็ยังมีข้อกังขาว่า “คำพูด” จะกลายเป็น “การกระทำ” จริงหรือไม่

 

บทสรุป: จีนในยุครีเซ็ต ไม่ใช่แค่รีรัน

 

ในช่วงท้ายของเวที ผู้ร่วมอภิปรายเห็นพ้องว่า เศรษฐกิจจีนกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ไม่ใช่แค่การ ‘เติบโต’ แต่เป็นการ ‘ปรับโครงสร้าง’

 

“อุตสาหกรรมเก่ากำลังจะล่ม อุตสาหกรรมใหม่กำลังจะเกิด ความผันผวนคือส่วนหนึ่งของกระบวนการนี้” จินกล่าว

 

เอสวาร์ ปราซาด เน้นย้ำว่าจีนต้องใช้ช่วงเวลาที่ ‘สงบนิ่งชั่วคราว’ นี้ในการกลับมาเร่งปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ทั้งระบบสวัสดิการ ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกลาง-ท้องถิ่น และการเปิดภาคบริการให้กับภาคเอกชน “โอกาสมีมาก แต่รัฐบาลจีนต้องมองระยะยาว และกล้า Reform โครงสร้างเศรษฐกิจให้ทันเวลา”

 

ศ.เอสวาร์ ปราซาด แห่งมหาวิทยาลัยคอร์แนล

 

จูหมินสรุปอย่างชัดเจนว่า “โลกาภิวัตน์ยังอยู่ ไม่เคยจากไป แต่จีนต้องดึงพลังการเติบโตกลับเข้าภายในมากขึ้น และต้องพร้อมรับคลื่นลูกใหม่ของ AI+ อุตสาหกรรมที่กำลังจะเปลี่ยนโลก”

 

ส่วนจินเคออวี่สรุปทิ้งท้ายว่า อย่ามองจีนผ่านอดีต แต่ให้มองอนาคต พร้อมหายใจเข้าสู่ ‘โลกใหม่’

 

ภาพ: World Economic Forum

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising