รัฐบาลจีน โต้สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจาก สหรัฐฯ ทุกประเภท 34% พร้อม สั่งแบนบริษัทอเมริกา 11 แห่ง ควบคุมการส่งออกแร่หายาก นักวิเคราะห์หวั่นเพิ่มความตึงเครียดให้เศรษฐกิจโลก
สำนักข่าว CNBC รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังจีนประกาศเตรียมเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ จากมาตรการภาษีเดิมเพิ่มอีก 34% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 เมษายนนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เช็กลิสต์อุตสาหกรรมไหนอ่วม หลังทรัมป์ขึ้นภาษีสินค้าไทยสูง 37%
- หนีจีน เจอเวียดนาม! Trump จ่อเก็บภาษีโหด 46% แบรนด์ดังต่างหนีไม่พ้น
- ‘คลัง’ รับภาษีทรัมป์ฉุด GDP 1% ลุยส่งทีมเจรจาสหรัฐฯ วาง 3 ทางแก้เกมปรับดุลการค้า
- ประกาศแล้ว! ทรัมป์เรียกเก็บภาษีขั้นต่ำ 10% จากผู้นำเข้าสินค้าทุกประเทศ เล็งเก็บเพิ่มจาก 60 ประเทศ…
แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการตอบโต้หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ได้เพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 34% จนทำให้ภาษีรวมส่งออกสินค้าจีนไปยัง สหรัฐฯสูงถึง 54%
พร้อมระบุว่ามาตรการเพิ่มภาษีของสหรัฐฯถือว่าขัดกับกฎการค้าระหว่างประเทศและส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจโลกและเสถียรภาพของห่วงโซ่การผลิตและซัพพลายเชน ทำให้รัฐบาลจีนต้องปกป้องความมั่นคงและผลประโยชน์ของประเทศ
ในช่วงเวลาเดียวกัน รัฐบาลจีนได้ควบคุมสินค้าจากบริษัทในสหรัฐฯกว่า 16 แห่ง และได้เพิ่มรายชื่อบริษัท 11 แห่ง ขึ้นเป็นบริษัทที่ไม่น่าเชื่อถือด้วย พร้อมประกาศควบคุมการส่งออกแร่หายาก 7 ประเภท เริ่มตั้งแต่ ซาแมเรียม แกโดลิเนียม เทอร์เบียม ดิสโพรเซียม ลูทีเชียม สแกนเดียม และอิตเทรียม เริ่มบังคับใช้ในวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา
โดยแร่หายาก นับเป็นส่วนประกอบในการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธไฮเทค และแร่หายากดังกล่าวสหรัฐฯนำเข้าจากจีนเป็นหลัก ซึ่งการ จำกัดการส่งออกครั้งนี้จะสามารถกดดันห่วงโซ่อุปทานของโลกอย่างรุนแรง
นอกจากนี้รัฐบาลจีน ยังระบุว่าได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังองค์การการค้าโลก (WTO) โดยระบุถึงนโยบายการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ละเมิดกฎของ WTO อย่างร้ายแรง และสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของสมาชิก รวมถึงเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ
นักวิเคราะห์คาดการณ์ ว่านโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ จะทำให้จีนหันไปหาคู่ค้ารายอื่นแทน และยิ่งจะซ้ำเติมผลกระทบการค้าระหว่างสองประเทศอย่างมีนัยสำคัญ เพิ่มความตึงเครียดให้กับเศรษฐกิจระดับโลก และภาษีที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ต้นทุนสินค้าสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบทั้งผู้บริโภคและธุรกิจทั้งในจีนและสหรัฐฯ
ทั้งนี้หลังจากเสร็จสิ้นการแถลงข่าวจีนประกาศตอบโต้สหรัฐฯ จากนั้นตลาดหุ้นสหรัฐฯเผชิญกับความผันผวนในทันที โดย S&P500 ร่วง 1.24% ขณะที่ Nasdaq100 ลดลง 1.22% และ Dow ร่วง 1.41%
อ้างอิง: