×

นมหนอนม…อวัยวะทรงอำนาจของผู้หญิงหรือสัญลักษณ์ของการคุกคามทางเพศ?

โดย คำ ผกา
09.03.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

6 Mins. Read
  • ‘นม’ ของผู้หญิงนั้นจับลงร่องลงรอยได้ค่อนข้างยากและนับวันจะซับซ้อนขึ้นด้วย และผู้หญิงอย่างเราจะอยู่กับนมอย่างไรไม่ให้นมเป็นภาระแก่ชีวิต
  • เมื่อเปิดดูตลาดขาย ‘นม’ เราจะเห็นว่ามีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยในหลายอาชีพที่ต้องโชว์นมของตนเองอย่างมาก เช่น นมของพริตตี้ ดารา นางแบบ แม้กระทั่งนางเอกระดับเอลิสต์
  • ท่ามกลางความหมายมากมายที่สังคมสร้างให้กับนมของผู้หญิง การที่ผู้หญิงไปเข้าใจว่าถ้าใครมาเห็นนมของเราเข้ามันคือความน่าละอายอย่างหาที่สุดไม่ได้ นี่แหละคือต้นทางแห่งความไร้อำนาจของผู้หญิงเอง เพราะผู้หญิงเชื่อเช่นนั้น ผู้ชายจึงสามาถทำให้เราดูงี่เง่า น่าขันได้เพียงเดินมาดึงสายยกทรงเรา ให้เราโกรธ
  • ผู้หญิงทั้งหลายจะรับได้ไหมกับการที่วันหนึ่งนมของเราหมด ไม่ใช่วัตถุทางเพศอีกต่อไป นมของเราไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ อยากส่อง อยากดู อยากมอง อยากรู้อยากเห็นอีกต่อไป

 

“ทุกวันนี้เราเลยพยายามแต่งตัวให้มิดชิดที่สุด ไม่เปิดโอกาสให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้นมาได้ แต่ทำถึงขนาดนี้แล้วก็ยังไม่พอเลย เมื่อไม่นานมานี้ไปร้องเพลงแล้วใส่เสื้อคอกลมปกติเลยนะ แต่ก็ยังเจอคอมเมนต์แบบนั้นอยู่ดี เราเลยคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะอยู่ที่การแต่งตัวของผู้หญิงแล้ว น่าจะอยู่ที่จิตสำนึกของคนคอมเมนต์มากกว่า”

 

มีชุดไหนที่อิมเมจอยากใส่ แต่ก็ตัดสินใจไม่ใส่ไหม

“หลายชุดมากเลย บางทีเราก็อยากใส่เสื้อกล้ามทรงสวยๆ เหมือนกันนะ แต่สุดท้ายก็ต้องเลือกที่จะไม่ใส่ เพราะปัญหาแบบนี้นั่นแหละ”

 

อ่านตัวอย่างบทสัมภาษณ์อิมเมจสั้นๆ จากเฟซบุ๊กของนิตยสาร Hamburger แล้วทำให้นึกขึ้นได้ว่า เรื่อง ‘นม’ ของผู้หญิงนั้นจับลงร่องลงรอยได้ค่อนข้างยากและนับวันจะซับซ้อนขึ้นด้วย และผู้หญิงอย่างเราจะอยู่กับนมอย่างไร ไม่ให้นมเป็นภาระแก่ชีวิต

 

น่าสนใจกว่านั้นในคลิปสัมภาษณ์ อิมเมจเล่าถึงการที่เด็กผู้ชายจะแกล้งเด็กผู้หญิงด้วยการดึงสายยกทรง แล้วหัวเราะขำขันกลายเป็นเรื่องตลก เมื่อโตขึ้นมากลายเป็นความทรงจำวัยเรียนที่เอามาเล่าแบบสนุกสนาน พร้อมกับตั้งคำถามว่า เราควรตลกกับเรื่องเหล่านี้หรือ?

 

และนี่คือความรุนแรงแฝงเร้น คือการสร้างความชอบธรรมให้กับการคุกคามทางเพศ หรือการเห็น ‘ผู้หญิง’ นม ก้น ร่างกายของพวกเธอ เป็นของเล่นที่เอามายั่วเย้าสร้างความบันเทิงได้?

 

ในทางประวัติศาสตร์นั้น มองนมผ่านแว่นตาของทั้งศาสนา พิธีกรรม สัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ ในบางยุคยังเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นนักสู้ เช่น ปกรณัมว่าด้วยนักรบหญิง Amazon ที่มีนมข้างเดียว เพราะพวกเธอจะตัดนมออกข้างหนึ่งเอาไว้ขึ้นประทับธนูสู้รบกับศัตรู (นักโบราณคดีอ้างว่า พวกเธอมีตัวตนจริง อ่านได้ที่ Amazon Warriors Did Indeed Fight and Die Like Men)

 

นมยังถูกมองในฐานะของสัญลักษณ์แห่งความเป็นแม่ และในความเป็นแม่นี้ยังทับซ้อนระหว่างสองโลก เช่น โลกยุโรปก่อนศตวรรษที่ 18 มองว่า การให้นมลูกที่เป็นนมแม่จากเต้านั้นเป็นเรื่องของพวกป่าเถื่อน การเปิดนม ป้อนนมลูก ก็มีแต่พวกป่าเถื่อนทั้งนั้น คนชั้นสูงจึงต้องจ้างแม่นม ต่อมาความรู้นี้เปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม นั่นคือ โจมตีว่าการปล่อยให้แม่นมที่เป็นชนชั้นต่ำมาให้นมลูกของผู้ลากมากดีนั้นอาจส่งผลร้าย เป็นการส่งถ่ายทั้งเชื้อโรค (เพราะคนเหล่านี้กินอาหารไม่ถูกสุขอนามัย) และอาจส่งผ่านนิสัยแย่ๆ ผ่านน้ำนมมาสู่เด็กก็เป็นได้ (เราจึงได้ยินในเวลาต่อมาว่า เพราะเอานมวัวนมควายให้ลูกกิน ลูกจึงดื้อเหมือนวัวเหมือนควาย)

 

พ้นจากสัญลักษณ์ของความเป็นแม่ เมื่อโลกเข้าสู่ความเป็นทุนนิยมโดยถ้วนหน้า นมก็ถูกมองในฐานะที่เป็น ‘สินค้า’

 

นอกจากเป็นสินค้าแล้ว นมยังหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะไปเกี่ยวกันกับเรื่องสาธารณสุข การแพทย์ เพราะมีโรคภัยไข้เจ็บหลายอย่างที่นม โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม เป็นโรคหนึ่งที่ผู้หญิงต้องใส่ใจ ทั้งไปทำแมมโมแกรม คอยตรวจ คลำ หาด้วยตนเอง การดูแลสุขภาพว่าทำอย่างไรนมถึงจะไม่เจ็บไม่ป่วย การใส่ยกทรงรัด ไม่รัด ไม่ใส่ การให้นมลูก ไม่ให้นมลูก การออกกำลังกายควรใส่ยกทรงแบบไหน จะส่งผลอย่างไรกับสุขภาพนม

 

นมยังไปอยู่ที่ไหนอีก?

 

นมยังไปเพ่นพ่านในพื้นที่ทางการเมือง เช่น การเคลื่อนไหวของกลุ่ม Femen นักกิจกรรมยูเครน ที่มักไปเปลือยหน้าอกประท้วงทั้งเพื่อต่อต้านการกดขี่ขูดรีดผู้หญิงในอุตสาหกรรมแฟชั่น บันเทิง และประเด็นทางการเมือง ความเป็นธรรม ฯลฯ

 

แค่นี้ก็เห็นแล้วว่ามันยากมากที่เราจะจับให้มั่นคั้นให้ตาย แล้วจับนมให้อยู่กับร่องกับรอยเป็นอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง จากบทสัมภาษณ์ของอิมเมจที่ยกมาข้างต้นก็สะท้อนภาวะ ‘ไม่รู้จะเอานมตัวเองไปวางไว้ตรงไหนดี’ (จะเปิดดีหรือจะปิดดี) ของผู้หญิงคนหนึ่ง และสำหรับฉันมันจะง่ายมากขึ้น หากผู้หญิงเข้าใจถึงสภาวะอันจับไม่มั่นคั้นไม่ตายของตนเอง ไม่เพียงแต่จะง่าย แต่อาจเปลี่ยนมันให้เป็นพลังของตนเองแทนจะเป็นภาระ หรือรู้สึกว่ามันคืออวัยวะเจ้าปัญหาที่ทำให้เราถูกว่า ถูกมอง ถูกโลมเลีย ถูกด่า ถูกวิจารณ์ ฯลฯ

 

เมื่อเปิดดูตลาดขาย ‘นม’ เราจะเห็นว่ามีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยในหลายอาชีพที่ต้องโชว์นมของตนเองอย่างมาก เช่น นมของพริตตี้ ดารา นางแบบ แม้กระทั่งนางเอกระดับเอลิสต์อย่าง อั้ม พัชราภา หรือนมของดาราฮอลลีวูด เกือบทุกคนก็ล้วนแล้วแต่ถูกนำออกมาสัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์อย่างโล่งโจ้งกันทั้งหมดทั้งสิ้น

 

นมของพริตตี้และนางแบบนิตยสารวาบหวิวมีความชัดเจนในแง่ของการเป็นสินค้า เจ้าของสินค้าภูมิใจในสินค้าของตนเอง หลายคนตั้งใจไปทำศัลยกรรมเพื่อให้สินค้านั้นเป็นที่พึงพอใจของผู้บริโภค ผู้บริโภคจ่ายเงินทางตรงหรือทางอ้อมเพื่อเสพสุนทรียะจากนมเหล่านี้ สำหรับฉันเป็นการทำมาค้าขายที่ยุติธรรม ตรงไปตรงมา และใครอย่าได้เที่ยวไปเผือกว่าพวกเธอเป็นเหยื่อ เป็นสินค้า เป็นวัตถุทางเพศ เพราะฉันไม่แน่ใจว่าระหว่างเจ้าของสินค้านมกับผู้เสพนม ใครเป็นเหยื่อใครกันแน่

 

นมของดาราระดับเอลิสต์แบบอั้ม ชมพู่ หรือตัวแม่ๆ ของฮอลลีวูดจะเปิด จะเปลื้อง จะดัน จะแหวก จะล้นออกมาทั้งเต้าก็ไม่มีใครสามารถพูดได้ว่าพวกเธอเป็นเหยื่อ เป็นวัตถุ ก็เห็นมีแต่พูดกันว่า อู้ว สวย แพง เป๊ะ สง่างามดั่งนางพญา เอาชุดแรงๆ แพงๆ อยู่ ไม่ใช่ตัวแม่ขนาดนี้ทำไม่ได้ อะไรก็ว่ากันไป หากจะมีสายเผือกคนไหนไปตำหนิเธอเข้า ก็คงจะต้องสวนกลับมาว่า It is my choice – ฉันรู้ว่าฉันทำอะไรอยู่ จบนะ

 

แต่ใครๆ ก็รู้อีกเช่นกันว่า นมที่ปิดไว้นั้นเย้ายวนกว่านมที่เปิดออกโล่งโจ้ง ไม่ว่าจะเปิดแบบดาวยั่วหรือเปิดแบบเอลิสต์ ดังนั้น ดารา เซเลบริตี้ หญิงอีกสำนักหนึ่งที่ขายภาพลักษณ์กุลสตรี เรียบร้อย ใสๆ ไร้เดียงสา มีความเป็นเมีย เป็นแม่ในอุดมคติ กลุ่มนี้จะไม่เอานมออกมาสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ให้ใครเห็นเด็ดขาด มากที่สุดอาจจะเปิดเผยร่องอกแต่พองาม ทว่าหากเกิดภาวะเปลี่ยนผันในชีวิตเมื่อใด ตัดสินใจถ่ายชุดบิกินี วาบหวิวขึ้นมาก็จะเป็นที่รอคอยและกลายเป็นข่าวใหญ่แน่ๆ

 

นมอีกประเภทหนึ่งที่มีพลังการปลุกเร้าสูงและพลังนี้น่าจะเป็นผลมาจากแฟนตาซีที่สร้างขึ้นมาจากวัฒนธรรมป๊อปญี่ปุ่นทั้งหนังโป๊ มังงะ และแอนิเมชัน นั่นคือการสร้างตัวละครเด็กหญิงในชุดนักเรียนที่ดูไร้เดียงสา แต่พกเอาพลังทางเพศมาล้นหลามผ่านหน้าอกหน้าใจของเธอที่ถูกอัดแน่นอยู่ภายใต้เสื้อผ้าแบบเด็กๆ ที่ดูไร้พิษสง และโดยไม่ตั้งใจสักนิด นมของดารา นักร้อง หรือเซเลบหลายคนไปเข้าข่ายแฟนตาซีนี้ เมื่อเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงทำให้เกิดความลำบากใจ คับข้องใจ และรู้สึกว่าตนเองถูกคุกคาม ถูกละเมิด

 

ทั้งหมดนี้เราจะเห็นว่า ในภาวะการตกเป็นวัตถุทางเพศนั้น มีทั้งคนที่เอ็นจอยค้ากำไรจากมัน (ทั้งโดยเปิดมันและปิดมัน เพื่อขายความเป็นกุลสตรี) กับคนที่อึดอัด และรู้สึกไร้อำนาจ

 

มีข้อเสนอที่สุดโต่งอันหนึ่งที่ฉันชอบ นั่นคือข้อเสนอให้ผู้หญิงสามารถเปลือยอกว่ายน้ำในที่สาธารณะได้เหมือนผู้ชาย หลายคนบอกว่าเป็นข้อเสนอที่บ้าคลั่ง เพราะความเสมอภาคระหว่างหญิง-ชาย ไม่ได้แปลว่าผู้หญิงจะต้องทำทุกสิ่งอย่างเหมือนผู้ชาย และเป็นข้อเสนอที่ผู้หญิงจำนวนมากรับไม่ได้ว่า จะบ้าหรือ นมมันเป็นของหวงห้าม ขนาดเพื่อนผู้หญิงด้วยกันเรายังไม่ให้เห็นเลย จะให้ไปโทงเทงว่ายน้ำไม่ใส่อะไรเลย กรี๊ดดด

 

ในท่ามกลางความหมายมากมายที่สังคมสร้างให้กับนมของผู้หญิง การที่ผู้หญิงไปเข้าใจว่าถ้าใครมาเห็นนมของเราเข้ามันคือความน่าละอายอย่างหาที่สุดไม่ได้ นี่แหละคือต้นทางแห่งความไร้อำนาจของผู้หญิงเอง เพราะผู้หญิงเชื่อเช่นนั้น ผู้ชายจึงสามารถทำให้เราดูงี่เง่า น่าขันได้เพียงเดินมาดึงสายยกทรงเรา ให้เราโกรธ ให้เราหงุดหงิด แล้วพวกเขาก็ขำขันกัน

 

ข้อเสนอที่ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งออกมาเรียกร้องว่า ถ้าผู้ชายเปลือยอกว่ายน้ำหรือเดินไปเดินมาบนถนนได้โดยไม่ต้องใส่เสื้อ ทำไมผู้หญิงจะทำเช่นนั้นบ้างไม่ได้ จึงเป็นความพยายามที่จะถอดถอนความเป็นกามารมณ์ออกจากนมของผู้หญิง เพื่อจะให้นมไม่ใช่สิ่งยั่วยุกามารมณ์ที่ผู้หญิง (ที่ไม่ได้ทำมาค้าขายกับสัญญะนี้) จะได้ไม่ต้องรับภาระมาปิด มาซ่อน มาบัง มาอาย เพื่อไม่ให้ความเปราะบางจากสัญญะเชิงกามารมณ์ของมันทำให้นมกลายเป็นเป้าหมายของการโจมตี เช่น คนส่วนใหญ่รับรหัสสัญญะตรงกันว่าผู้หญิงเซนสิทีฟกับนมก็จะคิดว่าการด่าผู้หญิงว่า นมใหญ่ นมเล็ก นมยาน นมดำ จะทำให้ผู้หญิงเหล่านั้นอายแทบแทรกแผ่นดินหนี หรือคิดมากจนอาจกลายเป็นโรคซึมเศร้า ฯลฯ

 

หากจะไม่ไปสุดทาง radical อย่างการเสนอให้ผู้หญิงถอดเสื้อเดินไปเดินมาได้เหมือนผู้ชาย ซึ่งผลของมันคือการ desexualized นม คือการเอากามารมณ์ออกจากนม ท้ายที่สุด นมจะเหมือนจมูก เหมือนคิ้ว เหมือนมือ คือไม่ใช่ส่วนของร่างกายที่เห็นแล้วทำให้เกิดอาการกระสันรัญจวน

 

ถามต่อไปว่า ผู้หญิงทั้งหลายจะรับได้ไหมกับการที่วันหนึ่งนมของเราหมด ไม่ใช่วัตถุทางเพศอีกต่อไป นมของเราไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ อยากส่อง อยากดู อยากมอง อยากรู้อยากเห็นอีกต่อไป?

 

สำหรับตัวฉันเองที่เอนจอยการ ‘เล่น’ กับนมของตัวเองในหลายระดับทางสัญญะ และ มีความสุขที่จะใส่เสื้อผ้าขับเน้นความเซ็กซี่ของนมตัวเอง (ใครคิดว่ามันไม่เซ็กซี่ก็ช่าง ฮ่าๆๆ) ก็รู้สึกว่า เฮ้ย ไม่ได้อยากให้นมของเราถูก desxualized ไปขนาดนั้น

 

ในระดับที่อ่อนลงมาคือ นอกจากเราจะเรียกร้องให้ผู้ชายมี ‘มารยาท’ ต่อนมของผู้หญิง ไม่แสดงความหื่นโดยเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องขำ เป็นเรื่องที่รับได้ สำคัญกว่านั้น ผู้หญิงต้องสามารถถอนสัญญะทางกามารมณ์ที่สังคม วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์เอาไปแปะไว้ที่นมของเราด้วย เพราะฉะนั้นถ้าจะมีใครดึงสายยกทรงของเรา เราก็ควรจะถอดยกทรงออกมาแล้วยัดมันเอาไว้ในมือของคนดึง แล้วบอกว่า ช่วยเอากลับไปซักให้ด้วย หรืออยากจะเก็บไปดมดอมกลิ่นเหงื่อกลิ่นรักแร้ของฉันก็ตามสบาย

 

วิธีที่เปลี่ยนนมอันไร้อำนาจให้กลับมามีอำนาจสำหรับผู้หญิงรู้เท่าทันสัญญะของนมอันหลากหลายทั้งนมที่เป็นวัตถุทางเพศ ที่เราก็อาจเอ็นจอยกับมันได้ หรือเอ็นจอยนมในฐานะเครื่องมือปลดปล่อยผู้หญิงออก ความหมายต่างๆ ที่สังคมชายเป็นใหญ่ทิ้งไว้ให้เรา

 

สำหรับฉัน ความหมายของนมที่บั่นทอนผู้หญิงมากที่สุดคือ การทำให้ผู้หญิงเห็นว่านมเป็นศัตรูของตนเอง นมคืออวัยวะที่ทำให้เราตกอยู่สถานะอันเปราะบาง เช่น เปราะบางต่อการถูกละเมิดทางเพศ เปราะบางต่อการกลายเป็น slut ถ้าเรานำเสนอนมของเราในที่สาธารณะได้ไม่ดีพอ เปราะบางต่อการขาดคุณสมบัติของการเป็นผู้หญิง เช่น มีนมที่แบนเกินไป เปราะบางต่อการถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่ไร้สมองเพราะมีนมใหญ่เกินไปจนน่าประกอบอาชีพได้อาชีพเดียวคือเป็นดาราหนังโป๊ หรือทำให้คนมองข้ามความสามารถของเราเพราะมัวแต่ไปโฟกัสนมของเรา ฯลฯ

 

พูดให้ถึงที่สุด ถ้าผู้หญิงมัวแต่ไปเต้นตามเกมนมในโลกของชาย เราจะไม่มีวันได้เป็นสุขกับนมของเราเลย

 

Stop giving them a fuck แล้วจะเปิดนม ปิดนม ห่อนม จะทำอะไรก็ทำ ทำแล้วหัวเราะเสียงดังๆ จ้องหน้าทุกคน ยกนมตัวเองให้ตั้งๆ เข้าไว้ ถ้าใครจะมารุงรังกับนมเรานัก ก็เดินเอานมไปชนมันเลย

 

นะคะ อิมเมจ

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising