วันนี้ (22 ตุลาคม) ที่อาคารรัฐสภา ดนุพร ปุณณกันต์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด หรือ ปปง. สภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมกรรมาธิการ ปปง. กรณีสอบเส้นทางการเงินของ เฉิน จื้อ ประธานกลุ่มบริษัท ปรินซ์ กรุ๊ป
สำนักงาน ปปง. แจ้งต่อกรรมาธิการฯ ว่า ได้ดำเนินการ 2 ทาง คือ
1. ขอข้อมูลจากสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร เกี่ยวกับฐานความผิดการยึดทรัพย์
2. การสืบสวนสอบสวน ทั้งกรณีผู้บริหารบริษัท ปริ้นซ์ โฮลดิง กรุ๊ป (ปริ้นซ์ กรุ๊ป) ว่า ผู้บริหารมีหุ้นส่วนต่างๆ ในประเทศไทยอีกหรือไม่
ดนุพรกล่าวว่า การที่ ปปง. จะกำหนดยึดทรัพย์ หรืออายัดทรัพย์บุคคลใด ต้องสืบสวนให้ได้ก่อนว่า มีทรัพย์สินอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนของ ปปง. และตำรวจ โดยเมื่อเจอข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินของ เฉิน จื้อ ในประเทศไทย ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะเดียวกันกรรมาธิการได้เสนอให้ ปปง. และตำรวจ ตรวจสอบแผนการเงินของบริษัทตามที่เปิดชื่อมาในข่าว ให้ดูความเชื่อมโยงทางการเงิน ซึ่งเชื่อว่า ภายใน 1-2 สัปดาห์จะมีความคืบหน้า
“ทางรัฐบาลยังไม่ได้สั่งการให้ ปปง. ดำเนินการตรวจสอบเส้นเงิน เฉิน จื้อ แต่เมื่อเป็นกระแสข่าวเกิดขึ้น ปปง. ได้ตื่นตัว และพยายามสืบหาข้อมูล” ดนุพรกล่าว
ดนุพรระบุอีกว่า ส่วนตัวได้เห็นคำฟ้องของสหรัฐอเมริกาแล้ว โดยทางสหรัฐฯ ได้เขียนระบุว่า เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และเมื่อองค์กรใหญ่ระดับนี้ยึดทรัพย์สินมูลค่า 100,000 ล้านบาท ซึ่งในเบื้องต้นทราบข้อมูลว่า กว่า 30 ประเทศ โดยเชื่อว่า องค์กรเหล่านี้จะไม่หละหลวม หรือจะดำเนินการใดให้ถูกจับได้ง่ายด้วย เพราะว่า การยึดทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ เป็นการดำเนินการปลายทางของการฟอกเงิน
อย่างไรก็ตาม วันนี้คณะกรรมาธิการฯ ยังคงเชื่อว่า เฉิน จื้อ มีการกระทำความผิด และโดนยึดทรัพย์ในต่างประเทศ และน่าจะมีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับบริษัทในประเทศไทย โดยได้หารือกับ ปปง. และตำรวจ ดำเนินการสอบสวนทุกคนอย่างเข้มข้น
นอกจากนี้ ดนุพรยังเปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะกรรมาธิการ ได้พูดคุยเกี่ยวกับการฟอกเงินในหลายเครือข่าย เช่น เฉิน จื้อ ไม่ได้มีการยึดโยงกับเครือข่ายกลุ่มอื่นเลย ซึ่งคณะกรรมาธิการได้นำรายชื่อบริษัทในเครือ ปริ้น ซ์กรุ๊ป ในประเทศกัมพูชา มาพิจารณา พร้อมเชื่อว่า หากตรวจสอบรายชื่อผู้บริหารในบริษัทเหล่านี้ ก็เชื่อว่า จะมีชื่อของผู้บริหารที่มีเครือข่ายอยู่ในหลายประเทศ และแนะนำให้ ปปง. ประสานงานกับประเทศต่างๆ เพื่อขอข้อมูลจากบริษัทลูก เพื่อให้ได้รายชื่อผู้บริหารบริษัทต่างๆ ที่กระจายอยู่ในต่างประเทศ มาตรวจสอบข้อมูลในประเทศไทยว่า มีความเชื่อมโยงทางการเงินอย่างไร กับบริษัทต่างๆ ในประเทศไทยหรือไม่
ส่วนรายชื่อนักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ ก็อยู่ระหว่างการติดตาม ซึ่งได้ถามต่อ ปปง. ว่า มีนักการเมืองคนใดบ้างที่มีความเชื่อมโยงกับบริษัทเหล่านี้ ซึ่งทาง ปปง. และตำรวจ จะรับไปตรวจสอบ
ดนุพรยังได้สอบถามตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ หลังจาก พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ. ตร.) เปิดเผยข้อมูลว่า มีนักการเมืองท้องถิ่น 2 คน มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์
“วันนี้ 2 ท่านนี้ เป็น สส. ทางตำรวจยังไม่ได้บอกรายชื่อมา เพียงแต่รับ เรื่องนี้ไปติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามที่ พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ ได้เปิดเผย ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้า คณะกรรมาธิการจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลต่อที่ประชุมอีกครั้งในสัปดาห์หน้า“ ดนุพรกล่าว