×

เชลซี VS แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอฟเอคัพรอบ 5 ศึกชี้ชะตาผู้จัดการทีม

18.02.2019
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • เชลซีจะลงสนามพบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึกเอฟเอคัพรอบที่ 5 ในเวลา 02.30 น. คืนวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้
  • สถานการณ์ของ เมาริซิโอ ซาร์รี กุนซือเชลซีอยู่ในความกดดันที่จะเสียตำแหน่ง หลังทีมตกไปอยู่อันดับที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก พร้อมกับสถิติพ่ายนอกบ้านทุกเกมในพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่ต้นปี 2019
  • โซลชาร์ต้องพบเจอกับความปราชัยเกมแรกนับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังแพ้ให้กับปารีส แซงต์ แชร์กแมง ซึ่งเกมนี้เขาจำเป็นต้องกลับมาคว้าชัยเพื่อรักษาโมเมนตัมของทีมในการกลับสู่เส้นทางของความสำเร็จ

นับเป็นการรีแมตช์ของคู่ชิงศึกเอฟเอคัพฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งเชลซีเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไป 1-0 และคว้าแชมป์ไปครอง แต่สถานการณ์ของทั้งสองทีมในเวลานี้ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงจากปีที่แล้ว

 

โดยฝั่งแชมป์เก่าเชลซี ภายใต้การคุมทีมของ เมาริซิโอ ซาร์รี ตกอยู่ในสถานการณ์ที่กดดัน เมื่อเขาออกมายอมรับเองว่านักเตะชุดนี้ของเชลซีมีทัศนคติที่น่าผิดหวัง และ ตนเองไม่สามารถกระตุ้นลูกทีมให้กลับมาคืนฟอร์มได้

 

ขณะที่ฝั่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมีผลงานกลับกันหลังปลด โฆเซ มูรินโญ และแต่งตั้ง โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ เป็นผู้จัดการทีมชั่วคราว พวกเขากลายเป็นทีมไร้พ่าย 11 นัดติดต่อกัน ก่อนที่ล่าสุดจะฟอร์มสะดุดด้วยการเปิดบ้านพ่ายให้กับปารีส แซงต์ แชร์กแมง ไป 0-2 ในเลกแรกของศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย

 

ดังนั้นเกมที่ทั้งสองทีมจะพบเจอกันในศึกเอฟเอคัพรอบที่ 5 ในค่ำคืนนี้ จึงเป็นผลการแข่งขันที่สำคัญสำหรับอนาคตของผู้จัดการทีมทั้งสองฝั่ง

 

ซาร์รี กับการเก็บชัยเพื่อความอยู่รอด

 

 

แม้ว่าเกมล่าสุดเชลซีจะสามารถเอาชนะมัลโมไป 2-1 ในศึกยูโรปา ลีก แต่การทำคะแนนหลุดมือไปถึง 10 แต้มในพรีเมียร์ลีกปีนี้ ด้วยการพ่ายบอร์นมัธถึง 4-0 และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 6-0 จนตกไปอยู่อันดับที่ 6 ของตารางพรีเมียร์ลีก ทำให้สถานการณ์ของซาร์รียิ่งย่ำแย่

 

โดยก่อนเกมล่าสุดกับมัลโม นับตั้งแต่ต้นปี 2019 เชลซีเล่นนอกบ้านทั้งหมด 4 เกม แพ้ทั้ง 4 เกม เสียไป 13 ประตู และไม่สามารถยิงประตูได้เลย

 

สื่อต่างประเทศได้วิเคราะห์ว่าทั้งหมดนี้อาจเกิดขึ้นจากความพยายามของซาร์รี ที่จะยึดมั่นในแนวทางการเล่นของตนเองที่มีชื่อว่า Sarri-Ball จนทำให้มีข่าวลือว่านักเตะภายในทีมเริ่มสิ้นหวังในรูปแบบการเล่นแบบนี้

 

 

ซาร์รีทำให้สถานการณ์แย่ลงด้วยการออกมาให้สัมภาษณ์โดยยอมรับว่า นักเตะของตนมีทัศนคติที่ย่ำแย่ และเขาเองก็ไม่สามารถกระตุ้นทีมให้สามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้ ซึ่งจุดนี้อาจจะเป็นความผิดพลาดคล้ายกับ โฆเซ มูรินโญ ทั้งในช่วงเวลาที่คุมเชลซีและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเขามักจะยึดมั่นในหลักการของตนเองและชี้นิ้วโยนความผิดให้กับนักเตะ

 

ดังนั้นชัยชนะในเกมนี้จึงมีส่วนสำคัญในการปลุกสปิริตทีมให้ได้ เพราะความพ่ายแพ้และการตกรอบฟุตบอลเอฟเอคัพของเขาอาจหมายถึงจุดจบของอาชีพผู้จัดการทีมที่มีชื่อว่า เมาริซิโอ ซาร์รี ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ก็เป็นได้

 

โซลชาร์ ชัยชนะเพื่อรักษาโมเมนตัม

 

 

ตรงกันข้าม หากหันมาที่ฝั่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โซลชาร์คือแสงสว่างในเวลานี้สำหรับแฟนบอลและสโมสร เมื่อเขาสามารถนำทีมกลับมาสู่เส้นทางของชัยชนะ พร้อมกับการมอบความสุขให้กับลูกทีมด้วยอิสระในการแสดงออกทางฟุตบอล

 

ชัยชนะ 10 เกม จาก 11 นัด หลังจากที่เขาคุมทีมชุดเดียวกับ โฆเซ มูรินโญ โซลชาร์ทำให้สโมสรกลับมาดูเหมือนทีมเดียวกับที่เขาเคยลงเล่นในฐานะนักเตะภายใต้ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

 

 

ด้วยแผนการเล่น 4-3-3 โดยมีหัวใจเกมรุกอยู่ที่ พอล ป็อกบา กองกลางค่าตัว 89 ล้านปอนด์ เจ้าของแชมป์โลกสมัยล่าสุดกับฝรั่งเศส ทำให้ทีมสามารถเล่นเกมรุกที่มีความตื่นเต้นพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของนักเตะ

 

แต่จากความพ่ายแพ้นัดล่าสุดให้กับปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทำให้โซลชาร์และลูกทีมต้องกลับมาพบเจอกับความจริงอีกครั้งว่า สโมสรอาจยังไม่พร้อมสำหรับการเก็บชัยชนะในเวทีระดับยุโรป

 

ดังนั้นเกมในค่ำคืนนี้กับเชลซี จึงเป็นนัดสำคัญที่โซลชาร์ต้องเก็บชัยชนะเพื่อรักษาโมเมนตัมของทีมไปสู่ความสำเร็จในฤดูกาลนี้ ซึ่งอาจส่งผลถึงสัญญาผู้จัดการถาวรกับสโมสรในฤดูกาลหน้าสำหรับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ในถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ด

 

เช็กความพร้อม 2 ทีมก่อนเกม

 

 

ฝั่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในด้านความพร้อมดูเป็นรองเชลซีที่ไม่มีนักเตะได้รับบาดเจ็บ โดยมีเพียง รูเบน ลอฟตัส-ชีค กองกลางที่ต้องเช็กความฟิตจากอาการบาดเจ็บหลัง

 

ส่วนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องเสีย 2 นักเตะหลักในเกมรุก ทั้ง อองตวน มาร์เชียล ดาวยิงชาวฝรั่งเศสที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในยุคของโซลชาร์และเจสซี ลินการ์ด กลางรุกอังกฤษ โดยทั้งคู่อาจต้องพักนานถึง 3 สัปดาห์

 

แต่โซลชาร์ก็ยังมองว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักเตะคนอื่นในการแสดงศักยภาพของตัวเอง

 

“นับเป็นโอกาสสำหรับนักเตะคนอื่นๆ อเล็กซิส ซานเชซ และ โรเมลู ลูกากู หรือแม้กระทั่งดาวรุ่งอย่าง ทาฮิธ ชอง (Tahith Chong) หรือ อังเคล โกเมส (Angel Gomes) ที่จะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง” โซลชาร์ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ก่อนเกม

 

“ทั้งมาร์เซียลและลินการ์ดต่างก็ทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยม และมีความสำคัญในเกมรุกของเราจากความสามารถและความเร็ว แต่ทั้งลูกากูและซานเชซต่างก็มีความสามารถพิเศษของตัวเอง ซึ่งพวกเขาได้รับโอกาสแสดงมันออกมาในครั้งนี้”

 

สถิติก่อนเกม

นับเป็นครั้งที่ 14 ที่ทั้งสองทีมเจอกันในศึกเอฟเอคัพ ซึ่ง 4 นัดหลังสุดเป็นเชลซีที่เอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และหากพวกเขาสามารถกำชัยได้อีกครั้งในเกมนี้ เชลซีจะกลายเป็นสโมสรแรกที่เขี่ยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดตกรอบเอฟเอคัพเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกัน

 

ส่วนในการแข่งขันทุกรายการ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถบุกไปชนะเชลซีได้เพียง 2 ครั้งจาก 22 เกมล่าสุด โดย 9 นัดที่ผ่านมา ปีศาจแดงไม่สามารถเอาชนะเชลซีในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ได้เลย

 

แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนับเป็นสโมสรที่เขี่ยแชมป์เก่าตกรอบได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของรายการนี้ ด้วยจำนวน 10 ครั้ง โดยเกมล่าสุดคือการเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อฤดูกาล 2011/2012

 

หลังจากที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องจ่ายค่าฉีกสัญญากับ โฆเซ มูรินโญ และ ทีมงานที่ 19.6 ล้านปอนด์ เป็นบทพิสูจน์ว่าความผิดพลาดในการตามหาคนที่ใช่สำหรับตำแหน่งผู้จัดการทีมเริ่มจะมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ

 

ซึ่งหากเชลซียังคงไม่สามารถกลับมาทบทวนบทเรียน ทั้งจากฝั่งนักเตะ ทีมงาน และผู้จัดการทีมได้ สิ่งต่อไปที่พวกเขาอาจจะต้องทำคือการเตรียมเงินค่าฉีกสัญญาไว้สำหรับผู้จัดการทีมในอนาคต

 

ขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากที่ล้มลุกคลุกคลานกับผู้จัดการทีมทั้ง 3 คน พวกเขาก็เริ่มพบเจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์โอลด์แทรฟฟอร์ด ซึ่งเงาของคนที่ยืนอยู่ปลายอุโมงค์เป็นรูปร่างของคนคุ้นหน้าคุ้นตาที่เคยเดินผ่านอุโมงค์นี้มาแล้วนับไม่ถ้วนในฐานะนักเตะ ซึ่งชัยชนะในเกมนี้อาจส่งให้โซลชาร์สามารถเดินผ่านอุโมงค์แห่งนี้ในฐานะผู้จัดการทีมอย่างเต็มตัวในฤดูกาลหน้าก็เป็นได้

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising