×

‘ชาร์ลี มังเกอร์’ ชมจีนมองขาดปัญหาเศรษฐกิจ ชี้บริหารจัดการได้ดีกว่าสหรัฐฯ

04.11.2021
  • LOADING...
Charlie Munger

ชาร์ลี มังเกอร์ (Charlie Munger) มหาเศรษฐีสหรัฐฯ วัย 97 ปี ผู้รั้งตำแหน่งรองประธานบริษัท Berkshire Hathaway และเป็นคู่หูนักลงทุนวัยเก๋าที่เคียงข้างปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ มาอย่างยาวนาน ให้สัมภาษณ์กับทางสถานีโทรทัศน์ CNN แสดงความชื่นชมรัฐบาลจีนที่สามารถมองขาดถึงปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมจัดการแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด

 

โดยมังเกอร์กล่าวว่า ประทับใจที่รัฐบาลจีนมองเห็นปัญหาของการปล่อยให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างรวดเร็ว จนเสี่ยงที่จะเกินการควบคุมของรัฐ ซึ่งรัฐบาลจีนก็จัดการก้าวเข้าไปแก้ไขในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังโต แทนที่จะรอให้ปัญหาดังกล่าวใหญ่จนระเบิดออกมา โดยในส่วนนี้ มังเกอร์กล่าวว่า เป็นส่วนที่ต้องชื่นชม และต้องยอมรับว่า การจัดการการดังกล่าวของจีนฉลาดกว่าสหรัฐฯ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


นอกจากนี้ มังเกอร์ยังระบุว่า เป็นเรื่องน่าขันที่รัฐบาลคอมมิวนิสต์ของจีนสามารถจัดการระบบเศรษฐกิจได้อย่างชาญฉลาดมากกว่ารัฐบาลทุนนิยมอย่างสหรัฐฯ

 

อย่างไรก็ตาม หากต้องเลือก มังเกอร์ยืนกรานว่า ตนเองยังชอบระบบบริหารของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ใส่ใจกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนมากกว่า เพียงแต่ในแง่ของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ต้องยอมรับว่าจีนมีระบบการแก้ปัญหาที่ดีกว่า เพราะสามารถเด็ดขาดได้มากกว่า ระบบของสหรัฐฯ ที่จำเป็นต้องประนีประนอมกับหลายฝ่าย

 

ความชื่นชมของมังเกอร์ครั้งนี้มีขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐบาลจีนกำลังเผชิญหน้ากับปัจจัยท้าทายทางเศรษฐกิจรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการระบาดของโรคโควิด วิกฤตการขาดแคลนพลังงาน และปัญหาหนี้ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งล้วนมีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีน

 

โดยล่าสุด นายกรัฐมนตรี หลี่เค่อเฉียง ของจีนออกมายอมรับระหว่างเยือนหน่วยงานกำกับดูแลตลาดของประเทศว่า เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากภาวะขาลง ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องปรับลดอัตราภาษีและค่าธรรมเนียมต่างๆ เพื่อประคับประคองสนับสนุนบรรดาบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ของจีนเป็นหลัก

 

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีจีนย้ำว่า เศรษฐกิจของประเทศจำเป็นต้องมีการปรับตัวเพื่อให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างเหมาะสม ซึ่งการปรับตัวดังกล่าวมักหมายถึงการเดินหน้าใช้นโยบายและมาตรการทางการเงินแนวอนุรักษนิยมที่มุ่งเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวมากกว่าการเติบโตแบบหวือหวาในระยะสั้น

 

ทั้งนี้ เศรษฐกิจของจีนในเวลานี้กำลังชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยคำพูดของนายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียงครั้งนี้มีขึ้นหลังเศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณอ่อนแอเพิ่มเติมในเดือนตุลาคม อันเป็นผลมาจากการขาดแคลนพลังงาน ซึ่งกระทบต่อภาคการผลิต ขณะที่การประกาศใช้มาตรการเข้มงวดเด็ดขาดเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด ทำให้การใช้จ่ายในช่วงวันหยุดของจีนหยุดชะงัก

 

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising