วันนี้ (5 กันยายน) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตพระนคร ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำเหนือ ภายหลังการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 9/2567 ว่า ได้เน้นย้ำในที่ประชุม 2 ส่วน ส่วนแรกคือริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชุมชนที่อยู่ภายใต้คันกั้นน้ำให้ดูเรื่องจุดฟันหลอเป็นหลัก ปัจจุบันคิดว่าจุดนี้ยังไม่มีผลกระทบหรือหากมีก็น้อยมาก
แต่จุดที่จะได้รับผลกระทบคือชุมชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ เช่น ชุมชนแถวเทเวศร์ ชุมชนโรงสี และชุมชนอื่นๆ ที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ รวมแล้ว 16 ชุมชน ซึ่งหากชุมชนเหล่านี้ต้องการสะพานไม้ กระสอบทราย หรือขาดเหลือในจุดใด เราพร้อมดูแลเต็มที่ ซึ่งจะดำเนินการคล้ายกับที่ท่าอิฐ จังหวัดนนทบุรี เป็นชุมชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าชุมชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำดังกล่าวจะได้รับผลกระทบหลักร้อยหลังคาเรือน
ชัชชาติกล่าวต่อว่า ส่วนที่สองคือน้ำฝน ต้องดูเรื่องการขุดลอกคูคลอง ปั๊มน้ำ ซึ่งกทม. มีการติดตามและเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ตลอด ทั้งนี้ ต้องขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันดูแลเรื่องการไม่ทิ้งขยะลงแม่น้ำ คูคลอง การไม่เทน้ำมันลงท่อ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ท่อตัน น้ำระบายได้ไม่ดี
ปัจจุบันกรมชลประทานสามารถบริหารจัดการได้ดี แต่หากด้านตะวันออกน้ำเข้ามามากก็เป็นจุดที่ต้องกังวล เพราะคลองด้านตะวันออกเราระบายได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่วนแม่น้ำเจ้าพระยากำลังการรับน้ำยังเหลือ วานนี้ (4 กันยายน) ปริมาณน้ำที่สถานีจุดวัดน้ำเขื่อนบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่ที่ 1,900 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ซึ่งความจุอยู่ที่ 3,600 ลูกบาศก์เมตร/วินาที จะเห็นว่ายังเหลือความจุอีกพอสมควร
หากเกิดน้ำท่วมที่ชุมชนนอกคันกั้นน้ำ ชัชชาติกล่าวว่า ประชาชนในชุมชนนอกคันกั้นน้ำมีชีวิตที่คุ้นเคยกับน้ำขึ้นน้ำลงอยู่แล้ว หากน้ำมาประชาชนก็ไม่ได้ต้องการอพยพ แต่เราต้องดูความต้องการของประชาชนในชุมชนว่าต้องการอะไรเพิ่มเติม เช่น จัดกระสอบทรายเพื่อเป็นทางเดินเข้าบ้าน