วันนี้ (25 กรกฎาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 14/2565 โดยมีคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครเข้าร่วมประชุม
ชัชชาติเปิดเผยภายหลังการประชุมว่า วันนี้มีเรื่องที่ต้องพิจารณาตามนโยบาย เช่น ระเบียบเกี่ยวกับกรรมการชุมชน ซึ่งจะมีเบี้ยประชุมเพิ่มเติมเพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ปัจจุบันประธานชุมชนกับเลขาฯ ที่ได้เบี้ยประชุม แต่คณะกรรมการชุมชนทุกคนยังไม่มีเบี้ยประชุม เหมือนเป็นอาสาสมัคร เราต้องกระจายอำนาจลงชุมชนให้เข้มแข็ง ถ้าเรามีเครือข่ายกรรมการที่เข้มแข็ง ก็สามารถช่วยดูแลชุมชนได้ จะทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็งขึ้น ดูว่าทางไหนปรับเบี้ยประชุม หรือมีเครื่องแบบให้กับกรรมการชุมชน ซึ่งเป็นสิ่งที่มีการร้องขอมาแทบทุกชุมชนที่ลงไป แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป กำลังพิจารณาความเหมาะสม
ในส่วนของศูนย์ดูแลเด็กก่อนวัยเรียน 2-6 ปี มีค่าอาหารอยู่ที่ 20 บาท กำลังพิจารณาค่าอาหารให้เหมาะสม โดยกรรมการเสนออยู่ที่ 32 บาท และเรื่องอัตราของครูอาสาที่มาสอน จะปรับให้เหมาะสมตามวุฒิ ซึ่งถ้ากรรมการสรุปแล้วก็สามารถประกาศได้ทันที รวมทั้งมีนโยบายที่จะเพิ่มค่าหนังสือค่าอุปกรณ์ด้วย ปัจจุบันให้หัวละ 100 บาทต่อปี ซึ่งไม่พอ ที่กรรมการเสนอมาคือ 600 บาท สามารถทำให้ดูแลเด็กก่อนวัยเรียนได้ดีขึ้น ปัจจุบันกรุงเทพมหานครดูแลเด็กก่อนวัยเรียนประมาณ 19,000 คน ไม่เยอะ เนื่องจากปีหนึ่งจะมีเด็กประมาณ 60,000 คน เด็กส่วนหนึ่งอยู่ในสถานศึกษาที่กรุงเทพมหานครไม่ได้ดูแล ทำอย่างไรให้เด็กกลุ่มนี้เข้ามาสู่ระบบมากขึ้น
ชัชชาติกล่าวว่า สำหรับนโยบายเกี่ยวกับฝุ่น PM2.5 เริ่มดำเนินการจากที่ได้ไปคุยกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) มา ได้ตั้งคณะทำงานร่วมกัน มีปลัด ทส. กับ ปลัด กทม. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน มีทั้งหมด 16 แผนปฏิบัติการ (Action Plan) คือ
- วินิจฉัยหาต้นเหตุ คือตอนนี้เราไม่มีงานวิจัยเรื่องฝุ่นที่ต่อเนื่อง
- ทำโครงการนักสืบฝุ่น
- การแจกอุปกรณ์ป้องกันฝุ่น เพราะมีกลุ่มเปราะบางที่ต้องการหน้ากาก
- การตรวจโรงงานทั้งหมด แหล่งที่มาของฝุ่นหลักๆ คือมาจากรถยนต์ โรงงาน จากการเผาชีวมวล การก่อสร้าง
- การใช้ CCTV ในการจับรถปล่อยควันดำ สามารถไปดูทะเบียนได้ เป็นตัวช่วยในการหารถที่มีปัญหา
- การพัฒนาโครงการและผู้ประกอบการ โดยในเดือนตุลาคมจะมีการออกประกาศหรือเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตการก่อสร้าง ต้องไม่ใช้รถที่ปล่อยมลพิษทางอากาศ ให้เป็นมาตรการเข้มข้น ซึ่งเมื่อก่อนไม่มีมาตรการนี้ ผู้ประกอบการจึงต้องเตรียมตัว โดยรถบรรทุกวัสดุก่อสร้างที่เข้ามาในไซต์งานจะต้องไม่ก่อให้เกิดมลพิษ
- มีการแจ้งเตือนฝุ่น PM2.5 มีการใช้การพยากรณ์ที่แม่นยำ ร่วมมือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- Traffy Fondue เป็นตัวแจ้งเหตุ
- เฝ้าระวังกิจกรรมที่สำนักงานเขตดำเนินการ เช่น กิจกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่น การเผาศพ เรื่องการจุดธูป
- มี Open Data ข้อมูลฝุ่นให้ประชาชนเห็นได้ชัดเจน
- มีการตรวจวัดรถควันดำร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- พยายามให้รถราชการใช้รถพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น
- การตรวจควันดำในสถานที่ก่อสร้าง/แพลนปูน
- การตรวจควันดำของรถราชการทั้งหมด
- ขยายระบบตรวจวัด แต่เดิมมีอยู่ประมาณ 70 จุดของ กทม. ขยายเพิ่มเป็น 1,000 จุด โดยร่วมกับภาคส่วนต่างๆ มีเครือข่ายของบริษัท NT มาร่วม รวมถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งตอนนี้มีอยู่ 12 จุด และ
- กำหนดพื้นที่ BKK Clean Air Area คือพื้นที่ที่มีความหนาแน่น พยายามจะลดฝุ่นลง จำกัดเรื่องการเข้าพื้นที่ หาแรงจูงใจในการลดการเข้าพื้นที่ที่มีฝุ่น PM2.5 มาก
“แผนปฏิบัติการย่อย 16 แผน ได้ดำเนินการแล้ว เพราะว่าการทำเรื่องฝุ่นต้องเตรียมตัวนาน ช่วงปลายปีหน้าฝุ่นน่าจะบรรเทาลงไปได้ ต่อไปคงมีหน่วยงานอื่นมาร่วม เป็นตำรวจหรือกรมการขนส่งทางบก ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการรับผิดชอบเรื่องนี้อยู่แล้ว” ชัชชาติกล่าว
กรณีโรคฝีดาษวานรหรือฝีดาษลิง องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศยกระดับเตือนภัยโรคติดต่อระหว่างประเทศ ให้การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency of International Concern) ต่อจากโรคโควิด จากโควิด การดำเนินงานที่ผ่านมาของสำนักอนามัย กทม. คือให้ความรู้แก่บุคลากรทางด้านสาธารณสุข เพื่อเตรียมรองรับสถานการณ์ ทำหนังสือแจ้งศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิก โรงพยาบาล หากพบผู้ต้องสงสัยให้แจ้งไปยังกรมควบคุมโรค สำนักอนามัย ประสานสมาคมโรงแรมไทย เพื่อแจ้งโรงแรมทุกแห่งใน กทม. หากพบผู้ป่วยสงสัยให้รายงานไปที่สำนักงานเขต/และหรือศูนย์บริการสาธารณสุข โดยมีแผนที่จะดำเนินการต่อไปคือ ประสานร้านขายยาในพื้นที่ กทม. เพื่อช่วยเฝ้าระวัง ประสานกับองค์กรภาคประชาสังคมเพื่อให้ความรู้และร่วมเฝ้าระวัง และสังเกตอาการของคนที่ติดเชื้อฝีดาษลิง ซึ่งจะมีผื่นนูนแดง ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง และสะเก็ด โดยอาจจะไปดูชุมชนไนจีเรียที่เขาอยู่รวมกันว่ามีความเสี่ยงหรือไม่ ซึ่งจะได้ดำเนินการในเชิงรุกต่อไป
ชัชชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการเตรียมทำงบประมาณปี 2567 ได้เตรียมทำตามนโยบายคือ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการออกแบบงบประมาณและทำเรื่องงบประมาณฐานศูนย์ พยายามใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด มีการออกแบบกระบวนการ พอถึงเวลาที่เริ่มทำงบประมาณปี 2567 ก็จะสามารถทำตามนโยบายได้
ส่วนเรื่องการเปิดให้จองบัตรชมการประชันวงดุริยางค์ระหว่างกรุงเทพมหานครกับจังหวัดนครราชสีมา ในวันอาทิตย์นี้ (31 กรกฎาคม) จำนวน 1,500 ใบ หมดแล้ว เต็มภายใน 26 นาที ในการจัดกิจกรรมมีการตรวจ ATK ทุกคน และมีมาตรการป้องกันโควิดเข้มข้น หากจองไม่ทันก็สามารถชมการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เพจกรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์ได้