วันนี้ (1 มิถุนายน) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เดินทางมาเปิดงาน Samyan Mitr Proud 100% Love ที่สามย่านมิตรทาวน์ เวลา 18.00 น. หลังจากเข้ารับตำแหน่งในช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยถ่ายภาพบริเวณทางม้าลาย Pride Crosswalk และบริเวณอุโมงค์ทางเชื่อม MRT Pride Infinity ก่อนจะพูดคุยกับผู้อำนวยการเขตปทุมวันถึงปัญหาที่พบเจอ เช่น ปัญหารถติด การจัดการขยะ ทางเท้า ซึ่งชัชชาติย้ำว่าอย่าลืมไปดูนโยบายรายเขต และแนะนำให้ลงพื้นที่เพื่อให้เห็นสภาพปัญหา
ชัชชาติให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าถึงการตระหนักและเข้าใจในความหลากหลาย รวมไปถึงมีนโยบายให้หน่วยงาน กทม. เข้าใจ สนับสนุนความเท่าเทียม และยอมรับความหลากหลายทางเพศ
“งาน Pride Month เป็นงานที่จัดทั่วโลก เพื่อให้เกิดความเข้าใจและใส่ใจกับความหลากหลายทางเพศ จริงๆ แล้ว ผมมองว่าก็เป็นเรื่องปกติในสังคม ก็เป็นเรื่องสำคัญ การที่เราตระหนักรู้ถึงความหลากหลายของเพื่อนๆ เรา แต่ก่อนเราอาจไม่ค่อยยอมรับเรื่องนี้ แต่ปัจจุบันนี้โลกเปลี่ยนไปนะ”
ชัชชาติแจงว่า ตนเข้ามารับหน้าที่ในช่วงต้นเดือนมิถุนายนพอดี กทม. จึงไม่สามารถตระเตรียมเนื้อหางานเทศกาล Pride Month ได้ทัน อย่างไรก็ดี ตนยืนยันจะกลับไปทบทวนหรือมีคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับผู้มีความหลากหลายทางเพศ เช่น การปรับแก้ไขกฎแต่งกายตามเพศวิถี การให้บริการทางสาธารณสุข เป็นต้น
“นโยบายก็มีอยู่แล้วว่าเราจะยอมรับความหลากหลายตรงนี้ เราจะยอมรับการแต่งกายตามเพศวิถีของข้าราชการ กทม. ขอให้บริการประชาชนให้เต็มที่ ทำงานให้ดี ไม่บกพร่อง เรื่องการแต่งกายเป็นแค่ส่วนประกอบ แต่ว่ายังไม่ได้ดูรายละเอียดว่าปัจจุบันคำสั่งที่เป็นอยู่เป็นอย่างไร แล้วก็เรื่องการให้ความรู้ความเข้าใจในการให้บริการผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศในศูนย์บริการสาธารณสุขต่างๆ อาจจะมีการให้บริการด้านจิตวิทยา ให้คำแนะนำ หรือการให้ฮอร์โมนในบางรายที่ต้องการ อาจจะรวมถึงหลักสูตรในโรงเรียนด้วยว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่หญิงหรือชาย”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการติดธงสีรุ้งที่ศาลาว่าการ กทม. ชัชชาติเผยว่าภายในวันเสาร์ที่ 4 มิถุนายนนี้ จะมีความชัดเจนมากขึ้นว่าจะติดที่ไหนบ้าง เพราะบางทีศาลาว่าการอาจจะเข้าถึงได้ยาก โดยการติดธงสีรุ้งถือเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าราชการ กทม. ตระหนักในความหลากหลายทางเพศ และจะดำเนินการนโยบายเพื่อความเท่าเทียมทางเพศต่อไป
“ผมว่าเราต้องเอาจริงเอาจังเกี่ยวกับการป้องกันการคุกคามทางเพศ เริ่มจาก กทม. ก่อนเลย หากเกิดความรุนแรงในข้าราชการ กทม. หรือโรงเรียนสังกัด กทม. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรายอมรับไม่ได้ เราอาจจะมี Hotline รับเรื่องร้องเรียน และปัญหาเหล่านี้มันต่อเนื่องไปยังเรื่องอื่น เช่น คนไร้บ้าน ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการที่เขาหลบหนีการคุกคามทางเพศ ซึ่งเราต้องมองปัญหานี้ให้ครบทุกมิติ”
