วันนี้ (15 สิงหาคม) ที่ห้องประชุมและวางแผน อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (ดินแดง) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เป็นประธานในการประชุมคณะผู้บริหาร กทม. ครั้งที่ 17/2565
ชัชชาติได้กล่าวถึงสถานการณ์น้ำใน กทม.ว่า ปัญหาหลักต้องดูปริมาณน้ำในเขื่อนทางภาคเหนือ คือเขื่อนภูมิพลกับเขื่อนสิริกิติ์ ตอนนี้ปริมาณน้ำอยู่ที่ 44-45% ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้ว 10% ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต เพราะวิกฤตของช่วงปี 2554 น้ำในเขื่อนอยู่ที่ประมาณ 70% ส่วนทางด้านฝั่งตะวันออก คือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ น้ำจะไหลมาทางคลองระพีพัฒน์ ปริมาณน้ำที่ไหลมาประมาณ 161 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่กำลังของคลองสามารถรับได้ 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อาจจะมีจุดที่น้ำเอ่อล้นตลิ่งบ้าง โดยได้ประสานกรมชลประทานอย่างใกล้ชิด และสัปดาห์หน้าจะไปพูดคุยกับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลระบบน้ำทั้งประเทศ เนื่องจากน้ำใน กทม. มีทั้งหมด 4 ส่วน คือ น้ำเหนือ น้ำหนุน น้ำท่า และน้ำฝน ในส่วน กทม. เดินหน้าเต็มที่ในจุดฟันหลอ จุดคันกั้นน้ำ มีการซ่อมจุดที่น้ำท่วมมาก เช่น พระราม 3 ที่มีน้ำซึมกระสอบทรายออกมาอยู่นอกคันกั้นน้ำ แต่ไม่น่าเป็นห่วง
ขณะที่ อรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ได้รับการรายงานจากเจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำ กทม. ว่า น้ำด้านตะวันออกซึ่งเป็นจุดเสี่ยงของ กทม. ส่วนใหญ่มาจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ณ วันนี้ระดับน้ำอยู่ที่ 46% ของความจุอ่าง นอกจากนี้ กทม. ได้เฝ้าระวังพื้นที่ฝั่งตะวันออก โดยได้ประสานงานกับกรมชลประทาน มีสถานีสูบน้ำของกรมชลประทานที่เกี่ยวข้องกับ กทม. อยู่ 2 สถานี คือ สถานีคลองหกวาสายล่าง มีกำลังสูบ 35 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และสถานีหนองจอก กำลังสูบ 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งได้รับความร่วมมือจากกรมชลประทานเป็นอย่างดีในการเดินเครื่องสูบน้ำทั้ง 2 สถานีเพื่อช่วยเร่งในการระบายน้ำออก
อีกปัจจัยหนึ่งคือน้ำทางด้านตะวันออกจะเข้ามาเติมในคลองแสนแสบ ทำให้ระดับน้ำนอกประตูระบายน้ำของประตูมีนบุรีค่อนข้างสูง จึงได้ออกประกาศให้ประชาชนที่อยู่บริเวณริมคลองในเขตหนองจอกและลาดกระบังยกของขึ้นที่สูง เนื่องจากอาจจะมีน้ำเอ่อล้นบางส่วน โดยเย็นนี้จะมีฝนตกหนักบางพื้นที่
