วานนี้ (1 มิถุนายน) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังประชุมศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 5/2566
ชัชชาติกล่าวว่า ตอนนี้เริ่มเห็นพลังของประชาชน และประชาชนเองก็ไม่ยอมรับต่อการทุจริตความไม่โปร่งใส อย่างใน Traffy Fondue เรื่องโปร่งใสไม่ส่วย ช่วงนี้ก็ถือว่ามีการแจ้งเยอะขึ้น ช่วงแรกๆ ไม่ค่อยมีคนกล้าแจ้งเรื่องความโปร่งใส ไปแจ้งเรื่องท่อน้ำ ถนน ฟุตปาธ
ทั้งนี้ ถ้าประชาชนแจ้งเรื่องทุจริตมา เราก็รักษาความลับของคนแจ้ง ตนเชื่อว่าทาง กทม. สร้างความไว้วางใจให้กับประชาชนได้ เมื่อไรก็ตามเราสร้างความมั่นใจให้ประชาชนได้ ประชาชนเป็นแนวร่วม และถ้าเรารวมกันแล้ว เชื่อว่าเราจะแก้ปัญหาเรื่องส่วย เรื่องความไม่โปร่งใสได้ เรื่องนี้ กทม. เอาจริงเอาจัง
ชัชชาติกล่าวต่อว่า การทุจริตมีหลายรูปแบบ คือบางคนนึกว่ามีแต่เทศกิจเรียกรับส่วย จริงๆ แล้วมีตั้งแต่เรื่องขอใบอนุญาตก่อสร้าง การประเมินภาษีป้าย ประเมินถูก ประเมินแพง เหล่านี้อาจมีช่องโหว่ไปฉ้อราษฎร์หรือบังหลวงได้ ช่องโหว่ที่ว่าก็คือการใช้ดุลพินิจ
กทม. ได้พยายามจะเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ซึ่งจะเป็นตัวที่ตัดเรื่องดุลพินิจได้เยอะ แต่ปัญหาของเทคโนโลยีคือประชาชนยังไม่คุ้นชิน ยังยื่นน้อย ต้องพยายามหาแรงจูงใจ เช่น ถ้ายื่นผ่านอิเล็กทรอนิกส์จะใช้เวลาดำเนินการรวดเร็วกว่าการยื่นเอกสาร นี่เป็นกระบวนการที่ต้องค่อยๆ ปรับ เชื่อว่าอนาคตก็น่าจะมีแนวโน้มที่เยอะขึ้น
ด้าน เฉลิมพล โชตินุชิต รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า สถิติ 1 เดือนที่ผ่านมา (เดือนพฤษภาคม) มีการแจ้งเรื่องทุจริต 24 เรื่อง ส่วนใหญ่จะมาจาก Traffy Fondue ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 มีการแจ้งเรื่องทุจริต 124 เรื่อง โดยแจ้งผ่าน Traffy Fondue จำนวน 99 เรื่อง และผ่านช่องทางอื่นๆ จำนวน 25 เรื่อง
การที่จะดำเนินการกับคนทุจริตคือการพักราชการหรือออกจากราชการ โดยขณะนี้ได้พักราชการแล้ว 2 ราย อยู่ระหว่างกระบวนการสอบสวนและมีชี้มูลที่ชัดเจน 1 ราย ที่ต้องออกจากราชการ และอยู่ระหว่างการติดตามอีกหลายราย
ทั้งนี้ ชัชชาติกล่าวทิ้งท้ายว่า “ในการตรวจสอบต้องระวัง อย่าให้เพื่อนร่วมงานเราเสียกำลังใจเหมือนกัน ความยุติธรรมก็ต้องมีอยู่แล้วเฉพาะคนที่ทำผิดจริงๆ เพราะฉะนั้นคนที่ไม่ได้ทุจริตไม่ต้องกลัว เราดูแลทุกคนอย่างยุติธรรม ไม่ได้ไปกลั่นแกล้งใคร ขอให้ทุกคนเดินหน้าทำงานอย่างสุจริต เชื่อว่าคนดีมีเยอะกว่าคนไม่ดีเยอะ ดังนั้นเราก็ต้องหาทางเอาคนไม่ดีออกไป”