วันนี้ (12 มกราคม) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (ดินแดง) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดห้องทำงานเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ พร้อมรับชมการแสดงและมอบโอวาทให้เด็กนักเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่มาร่วมงาน
ชัชชาติกล่าวว่า สำหรับ กทม. สิ่งที่สำคัญและมีค่าไม่ใช่ถนนหนทาง ตึกรามบ้านช่อง แต่คือน้องๆ เด็กๆ ทุกคน เพราะสุดท้ายแล้วพวกเขาต้องมารับช่วงต่อในการดูแลเมือง เด็กคือเจ้าของเมืองในอนาคต ฉะนั้น กทม. ต้องฟังน้องนักเรียน วันนี้จึงไม่ใช่การให้โอวาท แต่ต้องมาฟังน้องๆ ว่าต้องการอะไร ถ้าเด็กมาฟังโอวาทอย่างเดียวแล้วเราไม่ฟังเด็ก สุดท้ายทุกคนจะเดินไปด้วยกันไม่ได้ ส่วนโอวาทที่อยากจะให้ฟังคือจากครูอาจารย์ที่โรงเรียน เรื่องระเบียบวินัย
จากนั้นชัชชาติได้อธิบายคำขวัญวันเด็กปี 2566 ที่ระบุว่า ‘เรียนอย่าแบด แซดอย่าบ่อย สู้อย่าถอย ค่อยๆ สร้างพลังใจ’
เรียนอย่าแบด คือการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ อาจจะมีคนจำนวนหนึ่งที่ไม่ต้องเรียนหนังสือแต่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ เขาอาจจะเป็นคนโชคดี เราต้องดูหลักการ ต้องมีความรู้ติดตัว การศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ ต้องเอาใจใส่เรื่องการศึกษา
แต่ถ้าใครเรียนเก่งหรือเรียนปานกลางก็ไม่เป็นไร แต่อย่างน้อยต้องเรียนให้ไม่แย่ ให้ผ่าน ไม่สอบตก หาความรู้รอบตัว ทำกิจกรรม รู้จักเพื่อน และเรียนรู้ตลอดชีวิต การศึกษามีส่วนสำคัญในการพัฒนาสร้างอาชีพให้เรา
แซดอย่าบ่อย คือความเศร้าโศกเสียใจ ความผิดหวัง มีอยู่แล้ว ส่วนตัวผู้ว่าฯ กทม. ก็มีอารมณ์แซด (เศร้า) แต่แซดแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อ มองโลกในแง่ดี มีสิ่งดีๆ อยู่รอบตัว ดูแลความรู้สึกเพื่อนๆ ดูแลซึ่งกันและกัน จะได้มีความสุขไปด้วยกัน
สู้อย่าถอย คืออย่ากลัวความล้มเหลว เดินหน้าต่อไป มีความพยายามอดทน สร้างประสบการณ์
และสุดท้าย ค่อยๆ สร้างพลังใจ เพราะพลังใจสำคัญที่สุด ถ้าใจเราไม่เข้มแข็ง ไม่มีใจในการเดินหน้าแล้วก็ไปต่อยาก ฉะนั้นต้องสร้างกำลังใจ กทม. และผู้ใหญ่ทุกคนพร้อมช่วยน้องๆ ให้กำลังใจ ถ้ามีปัญหาถามพูดคุยกัน ขาดเหลืออะไรบอก ผู้ใหญ่ทุกคนอยากให้พวกเด็กๆ ก้าวต่อไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุข
ชัชชาติกล่าวทิ้งท้ายว่า ขอให้วันเด็กปีนี้เป็นวันที่ดีสำหรับทุกคน กทม. พร้อมที่จะเดินไปกับพวกเรา เด็กเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาเมือง
จากนั้นชัชชาติได้ให้สัมภาษณ์ช่วงท้ายกิจกรรมว่า กทม. ต้องเตรียมโอกาสให้เด็กได้แสดงศักยภาพของตนเอง ซึ่ง กทม. จะเน้นในเรื่องของการศึกษาและด้านสาธารณสุข เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในระยะยาว ดังนั้น กทม. จึงให้ความสำคัญกับกิจกรรมวันเด็ก นอกจากมาให้คำขวัญแล้ว กทม. ยังอยากฟังเสียงของเด็กๆ ว่าต้องการให้ กทม. พัฒนาด้านไหน
“ส่วนสาเหตุที่ให้คำขวัญที่เกี่ยวข้องกับเพลง อยากให้น้องๆ สนใจ ซึ่งเป็นข้อความที่อยากจะบอกกับเด็กๆ อย่างง่ายๆ เพื่อเป็นการสร้างกำลังใจ เพราะปัจจุบันเด็กที่เป็นโรคซึมเศร้ามีเยอะ ดังนั้น กทม. จึงต้องดูแลความรู้สึกของเด็กๆ ทุกคน ต้องบอกกับเด็กๆ ว่า มีสมหวัง ผิดหวัง ปะปนกันไป โดยเฉพาะเรื่องเรียนเป็นสิ่งสำคัญ ทุกคนอาจจะไม่สามารถเป็นที่หนึ่งได้ อาจจะเป็นคนที่เรียนระดับปานกลางหรือเด็กหลังห้อง แต่อย่างน้อยขอให้มีความรู้และสนุกกับกิจกรรมด้วย” ชัชชาติกล่าว
ชัชชาติกล่าวต่ออีกว่า กทม. จะให้ความสำคัญกับด้านการศึกษาและจะกระจายงบประมาณและอุปกรณ์ต่างๆ กทม. สัญญาว่าจะปรับปรุงคุณภาพของโรงเรียนในสังกัด กทม. โดยจะพัฒนาคุณครูให้มีศักยภาพมากขึ้นและคืนครูให้กับนักเรียน ปรับปรุงการขอวิทยฐานะให้ง่ายขึ้น โดยมีฝ่ายธุรการเข้ามาช่วยงาน รวมถึงการปรับปรุงคอมพิวเตอร์ คุณภาพอาหารกลางวันในโรงเรียน และลานกีฬาในโรงเรียน กทม. จะทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
ต่อมาเวลา 10.40 น. ตัวแทนนักเรียนของโรงเรียนในสังกัด กทม. จำนวน 100 คน เข้าเยี่ยมชมห้องทำงานพร้อมนั่งเก้าอี้ของผู้ว่าฯ กทม. โดยมีชัชชาติคอยแนะนำและถ่ายรูปร่วมกับนักเรียนทุกคน พร้อมถามว่าอนาคตอยากเป็นอะไร ทำอาชีพอะไร ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ เด็กชายสุวรรณฉัตร วัย 9 ขวบ ที่ตอบว่าอยากเป็นพระภิกษุ ซึ่งชัชชาติกล่าวว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องตลก เป็นเรื่องความฝัน ไม่มีผิดหรือถูก