วันนี้ (14 มีนาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีที่พนักงานของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อทวงหนี้ค่าจ้างการเดินรถกับทางรัฐบาลเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยกำหนด 7 วัน หากไม่ดำเนินการจะหยุดการเดินรถส่วนต่อขยายสายสีเขียวว่า แม้การเดินรถส่วนต่อขยายจะเป็นคนละส่วน แต่เท่าที่ดูการเดินรถตอนนี้ ส่วนไข่แดงก็คือหมอชิต-อ่อนนุช และสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน ยังเก็บค่าโดยสารปกติ ซึ่งบริเวณส่วนต่อขยายเป็นการนำผู้โดยสารเข้ามาในส่วนไข่แดงจำนวนหลายแสนคนต่อวัน ซึ่งมองว่าเป็นรายได้หลักและเข้าใจว่าน่าจะมีรายได้อยู่
ชัชชาติกล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องการจ่ายหนี้ต้องดูตามข้อสัญญาที่ค้างอยู่ในกรุงเทพมหานคร (กทม.) และต้องหารือกัน ทั้งนี้ ยังไม่ได้รับแจ้งเข้ามาว่ามีการขู่ว่าจะหยุดการเดินรถ โดยมองว่าที่พนักงานของ BTS ไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาลนั้น เพราะพนักงานมีความกังวลใจ แต่พนักงานก็จะต้องคุยกับผู้บริหารเป็นหลัก และ กทม. ก็เห็นใจพนักงาน และเชื่อว่าคงเป็นเรื่องบริษัทกับพนักงาน คงไม่ใช่เชิงนโยบาย หากหยุดเดินรถก็คงต้องแจ้ง และคิดว่าคงไม่ได้เอาประชาชนมาเป็นเครื่องต่อรอง แต่คงต้องดูเรื่องของความถูกต้องด้วย
ชัชชาติยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมเรื่องการเลือกตั้งใหญ่ปี 2566 ด้วยว่า ได้สั่งการเรื่องของการติดประกาศการแบ่งเขตให้ทำตามระเบียบกฎหมายต่างๆ อย่างเคร่งครัด และให้ศึกษาระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องการติดป้ายหาเสียง โดยให้ปลัด กทม. ดูแลเรื่องนี้ รวมถึงดูข้อบังคับกฎระเบียบต่างๆ ให้ดี ซึ่งหากมีข้อซักถามให้ติดต่อสำนักงาน กกต. โดยตรง
“ผมไม่ได้กังวลอะไรมาก เพราะเจ้าหน้าที่ กทม. ผ่านการเลือกตั้งมาหลายครั้งแล้ว และสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องโปร่งใส ยุติธรรม ไม่เข้าข้างใคร เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นในผลการเลือกตั้ง พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ กทม. มีข้อเสนอในเชิงรุก เช่น ผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้ง จะทำอย่างไรให้เขามาช่วยเพื่อให้ผลการเลือกตั้งโปร่งใสมากขึ้น หรือจะมีกระบวนการไหนหรือไม่ที่จะทำให้กระบวนการตรวจสอบของประชาชนมีประสิทธิภาพมากขึ้น” ชัชชาติกล่าว