หลังมีข่าวออกมาว่า กลุ่มเซ็นทรัลได้เข้าซื้อกิจการโกลบัส (Globus) เชนห้างสรรพสินค้าหรูของสวิตเซอร์แลนด์ ล่าสุด มีการออกมายืนยันแล้วว่า เข้าซื้อจริง
ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มเซ็นทรัล ระบุว่า การเข้าซื้อครั้งนี้ถือเป็นการร่วมทุนครั้งใหม่ของกลุ่มเซ็นทรัลและซิกน่า ที่เป็นเจ้าของร่วมในกิจการกลุ่มคาเดเว (KaDeWe Group) ธุรกิจห้างสรรพสินค้าในประเทศเยอรมนี และกำลังพัฒนาโครงการห้างสรรพสินค้าใหม่ร่วมกันในเมืองดึสเซิลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี และกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยถือหุ้นฝ่ายละ 50:50
ข้อตกลงทางธุรกิจในครั้งนี้มีมูลค่าสูงกว่า 1 พันล้านฟรังก์สวิส หรือ 3.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งรวมไปถึงการเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ชั้นนำต่างๆ ของสวิตเซอร์แลนด์ และโรงแรมอีกหนึ่งแห่ง
ตั้งแต่การซื้อกิจการรีนาเชนเต ประเทศอิตาลี เมื่อปี 2011 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัลในยุโรป กระทั่งวันนี้ธุรกิจมีรายได้เติบโตจาก 200 ล้านยูโร และคาดว่า จะก้าวกระโดดแตะ 2 พันล้านยูโร ในปีนี้
ปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลบริหารธุรกิจใน 5 ประเทศ 19 เมืองในยุโรป รวมถึงอีก 2 เมือง คือ ดึสเซิลดอร์ฟและเวียนนา ที่โครงการอยู่ระหว่างการพัฒนา โดยมีห้างสรรพสินค้าที่เป็นแฟล็กชิปสโตร์ทั้งหมด 8 แห่ง ทำให้กลุ่มเซ็นทรัลเป็นหนึ่งในผู้นำค้าปลีกระดับลักชัวรีที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป
ความเป็นแบรนด์สวิสที่แข็งแรงคือรากฐานที่แข็งแกร่งของโกลบัส ทำให้กลุ่มเซ็นทรัลและซิกน่าตัดสินใจเข้าซื้อ ด้วยมองว่า โกลบัสเป็นแบรนด์สวิสดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในกลุ่มลูกค้าชาวสวิส
ตลอดจนการมีพนักงานที่มากประสบการณ์ มีลอยัลตี้โปรแกรมในรูปแบบบัตรสมาชิก รวมถึงการจำหน่ายสินค้าที่ครบครันและหลากหลายประเภท เช่น อาหารสำเร็จรูป, สินค้าเกี่ยวกับบ้าน และความสวยความงาม ตลอดจนการตั้งอยู่ในโลเคชันที่โดดเด่นและเหนือกว่า
“แม้ปัจจุบันธุรกิจค้าปลีกจะเป็นตลาดที่ท้าทายและแข่งขันสูง แต่การผนึกกำลังศักยภาพทางการเงินที่แข็งแกร่งของกลุ่มเซ็นทรัลและซิกน่า จะเป็นสิ่งที่รับประกันความมั่นคงและความสามารถในการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่องให้โกลบัสก้าวสู่การเป็นห้างสรรพสินค้าที่ครองตำแหน่งผู้นำ และครองใจลูกค้าทุกคน”
อย่างไรก็ตาม แม้การเซ็นสัญญาร่วมทุนจะเสร็จสิ้นไปแล้ว แต่การครอบครองกิจการอย่างเป็นทางการจะเกิดขึ้นหลังจากได้รับการอนุมัติจากองค์กรควบคุมการแข่งขันทางการค้าในยุโรป (European Competition Authorities) โดยมีกำหนดที่จะได้รับการอนุมัติในช่วงกลางปี 2020 นี้
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล