“จงมีชื่อเสียงไว้…ต่อให้คุณขี้ ทั้งโลกก็จะคลั่งไคล้คุณ” 

ประโยคเด็ดจากซีรีส์เรื่อง Celebrity ทาง Netflix สะท้อนรูปแบบการใช้ชีวิตของคนในปัจจุบันที่ไขว่คว้าหาชื่อเสียงผ่านโลกออนไลน์ หรืออย่างน้อยที่สุดก็เรียกความมั่นใจผ่านยอดกดไลก์ หรือมากไปกว่านั้นคือสิทธิพิเศษและเงินทอง อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงนั้นก็มีความเปราะบางและพร้อมจะกลับมาทำร้ายตัวเจ้าของได้ง่ายๆ 

ซออารี (พัคกยูยอง) คืออินฟลูเอ็นเซอร์ผู้ฟื้นจากความตาย แล้วลุกขึ้นมาไลฟ์เปิดเผยด้านมืดของวงการเซเลบริตี้ที่เธอได้ขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดในช่วงเวลาอันสั้น โดยเล่าย้อนถึงเรื่องราวของเธอว่าเป็นอดีตลูกคุณหนูครอบครัวล้มละลายจนต้องมาขายเครื่องสำอางตามบ้าน ซออารีพอใจกับชีวิตสมถะและหันหลังให้กับโซเชียลมีเดียโดยสมบูรณ์ 

จนกระทั่งได้พบกับ โอมินฮเย (จุนฮโยซอง) เพื่อนสมัยมัธยมซึ่งปัจจุบันเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์ที่มีชื่อเสียง และเป็นสมาชิกของกลุ่มกาบินฮเว หรือแก๊งหิ้วหวีฉบับไฮโซน่าหมั่นไส้แห่งเกาหลี ทำให้เธอได้พบสูตรการโกงเพื่อชื่อเสียงจากโซเชียลมีเดีย แต่นอกจากเงินและชื่อเสียงแล้ว อารียังได้เจอกับความอิจฉาริษยาจากกลุ่มกาบินฮเวจนกลายเป็นสงครามดราม่าย่อยๆ หลายต่อหลายครั้ง รวมทั้งเข้าไปมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ที่มีคนเสียชีวิตอย่างไม่ตั้งใจ ซึ่งในช่วงที่เรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้น เธอได้รับความช่วยเหลือจาก bbbfamous แอ็กเคานต์ลึกลับที่เหมือนจะหวังดีแต่ย้อนกลับมาทำร้ายเธอได้อย่างเลือดเย็น

เอาเข้าจริงตัวบทเรื่องชื่อเสียงและความอิจฉาริษยาคือสูตรสำเร็จที่เราได้เห็นกันอยู่บ่อยๆ เพียงแต่เปลี่ยนตัวละครและแพลตฟอร์มตามโลกที่เปลี่ยนไป อย่างในอดีตก็คือแวดวงไฮโซ มาถึงวงการบันเทิง วงการนางแบบ และในยุคปัจจุบันคือโซเชียลมีเดีย อย่างไรก็ตาม สูตรสำเร็จไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่ ‘การเป็นปรสิตของคนดัง’ แบบที่เราเรียกใครต่อใครว่าไฮโซเพียงเพราะเขาถ่ายรูปหน้าแบ็กดร็อปกับคนดังโดยที่ไม่รู้ประวัติชีวิตของคนเหล่านั้นเลยด้วยซ้ำ หรือ ‘คนต้องผ่านเรื่องดราม่าถึงจะดัง’ เราก็เคยเห็นดารานางแบบหลายคนที่โด่งดังจากเรื่องฉาวๆ แล้วพลิกเกมจนทำงานในวงการจนถึงปัจจุบัน แบบเดียวกับซออารีที่ใช้สูตรนี้จนกลายเป็นเบอร์ต้นๆ ของวงการ แต่ความแตกต่างเมื่อพูดถึงโซเชียลมีเดีย คือเรื่องเหล่านี้กลับเชื่อมโยงกับตัวเราได้มากกว่า และดูเหมือนเนื้อหาในเรื่องก็ตั้งใจหลอกด่าความไร้สาระในโลกออนไลน์ที่กระทบตัวเราไม่แง่ใดก็แง่หนึ่ง 

“โลกที่มีแต่ฉัน ฉัน ฉัน โลกที่กระเสือกกระสนให้ทุกคนมองเห็น รู้จัก และพิสูจน์ตัวเอง” 

นั่นสำหรับใครที่ใฝ่ฝันอยากเป็นผู้ทรงอิทธิพลในโลกออนไลน์ 

“…ถ้าล้าหลังคนอื่นจะทำอย่างไร” 

ประโยคล้อเลียนอาการ FOMO หรือ Fear of Missing Out ความกลัวที่จะพลาดโอกาสอะไรบางอย่างซึ่งช่วยผลักดันโลกออนไลน์ให้หมุนไป และทำให้ใครหลายคนกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ที่สำคัญเราก็ยินยอมพร้อมใจเชื่อเขาไปทุกอย่างและถึงขั้นเป็นสาวกปกป้องทุกเรื่อง ขณะเดียวกันก็พร้อมเหยียบย่ำถ้าเขาผิดพลาด แบบเดียวกับที่ซออารีได้ก้าวขึ้นมาเป็นพิมรี่พายสายแฟแล้วเกิดข่าวฉาว ธุรกิจก็พังครืนลงมาชั่วพริบตา นี่แหละความเปราะบางของชื่อเสียงในโลกออนไลน์ 

ความเสมือนจริงของ Celebrity ยังฉายภาพจำลองของโลกเซเลบโซเชียลผ่านตัวละครได้ครบทุกตัว ทั้งซออารี สาวเก๋ผู้เมินโลกโซเชียล แต่กลับเป็นคนที่มองเห็นโลกนี้ได้ทะลุปรุโปร่งกว่าคนอื่น ซึ่งการแคสต์เอาพัคกยูยองมารับบทนี้ยิ่งทำให้ตัวละครมีเสน่ห์และเสมือนจริง คือไม่สวยหยาดเยิ้มแต่มีคาแรกเตอร์และเสน่ห์ชวนมองบางอย่าง หรือกลุ่มกาบินฮเว อินฟลูเอ็นเซอร์หลากที่มาและกลวงโบ๋ ที่มีสายสัมพันธ์เพียงแค่ชื่อเสียงและสร้างกระแสรักษาฟอลโลเวอร์ไปวันๆ รวมทั้งตัวละครเล็กๆ อย่าง ลอร่าแวง ที่ช่วยฉายภาพความฉาบฉวยของโลกออนไลน์ที่อะไรๆ ก็ดูดีแค่ระยะรัศมีกล้องมือถือ 

ถึงแม้ว่าตัวละครซออารีจะมีเสน่ห์ มีความเป็นอันเดอร์ด็อกที่คนดูพร้อมจะเอาใจช่วย และมีสติรู้คิดอยู่เสมอ แต่ในวันที่ยอดฟอลโลเวอร์เพิ่มขึ้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไป จนความจริงก็กลับมาตีแสกหน้าว่าตัวเธอก็ไม่ต่างจากอินฟลูเอ็นเซอร์คนอื่นๆ สักเท่าไร ยิ่งไปกว่านั้นด้วยสไตล์และการใช้ชีวิตสุดหรูค่อยๆ บ่มเพาะความเกลียดชังในหมู่คนรู้จักและไม่รู้จัก ซึ่งเกิดขึ้นง่ายมากๆ ในยุคที่คนเราจะผิดใจกันด้วยเรื่องไร้สาระอย่างการไม่กดไลก์ ไม่ตอบข้อความหรือคอมเมนต์ในปัจจุบัน 

จุดสุดยอดของ Celebrity คือการใส่บทสรุปความป่วยไข้ของโลกโซเชียลไปที่ตัวละครลับตัวสุดท้ายที่เป็นสาเหตุของจุดเริ่มต้นให้เราได้เห็นว่า ในโลกที่ใครต่อใครก็อยากให้คนมองแต่ส่วนดีๆ โลกที่มีความสุขของตัวเอง ยังมีอีกหลายคนที่เอาไปเปรียบเทียบจนค่อยๆ กัดกินชีวิตของคนเหล่านั้น เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่การมีความสุข แต่ต้องสุขกว่าหรือสุขที่สุดเท่านั้น

โดยรวมแล้ว Celebrity คือซีรีส์ที่เดินเรื่องตามสูตร แต่ฉลาดด้วยการนำประเด็นที่เป็นสากลมาเล่าได้อย่างสนุกสนาน (ซึ่งสามารถยกตัวอย่างผู้ทรงอิทธิพลในฝั่งไทยให้เห็นภาพได้ไม่ยาก) มากไปกว่านั้น การใส่ประเด็นเรื่องความลับและการฆาตกรรมก็ช่วยตรึงผู้ชมให้อยู่หน้าจอแบบยอมโต้รุ่งดูยาวๆ 12 ตอนรวดเลยทีเดียว เหมาะมากๆ สำหรับคอซีรีส์สายแซ่บ รับรองว่าเผ็ดร้อนสะใจแน่นอน 

ภาพ: Netflix