กลายเป็นดราม่าร้อนฉ่าขึ้นมาทันทีเมื่อ ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต ออกมารีวิวการฉีดวัคซีน Sinovac แล้วก็ ‘บังเอิ๊ญ บังเอิญ’ ที่มีดาราพาเพรดกันออกมารณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนอย่างพร้อมเพรียง จนเกิดกระแส ‘จับโป๊ะ’ ว่าน่าจะเป็นแผนประชาสัมพันธ์จากรัฐบาล ซึ่งเมื่อลองจินตนาการว่าถ้าประเทศไทยนำเข้าวัคซีนที่หลากหลายและเร็วกว่านี้ การที่คนดังมารีวิวและรณรงค์ให้คนฉีดวัคซีนก็คงไม่กลายเป็นกระแสดราม่าอย่างที่เป็นอยู่ เพราะนี่ก็คือวิธีเดิมๆ ที่ทุกรัฐบาลใช้ชื่อเสียงของคนดังสร้างความน่าสนใจให้กับโครงการต่างๆ แต่สำหรับกรณีนี้มันเหมือนการพยายามกลบเกลื่อนต้นเหตุของปัญหาเสียมากกว่า
อย่างที่ทราบกันว่ารัฐบาลนี้มีปัญหาเรื่องการจัดการและการสื่อสาร ซึ่งการรณรงค์ฉีดวัคซีนคือภาพสะท้อนของจุดอ่อนนี้อย่างเห็นได้ชัด อย่างแรกเลย การหาต้นเหตุของปัญหาที่ประชาชนไม่กล้าฉีดวัคซีนก็เพราะตัวเลือกวัคซีนอันน้อยนิดที่เกิดจากการตัดสินใจที่คับแคบ โดยที่ไม่เคยออกมายอมรับในการตัดสินใจที่ผิดพลาดนั้นเลย ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการฟันธงว่าวัคซีนตัวไหนดีที่สุด แต่ถ้าหากมีสิทธิ์มีเสียง ถึงมันจะผิดจะพลาดอย่างน้อยๆ เราก็ยอมรับ เพราะเราก็มีส่วนเลือกเอง แต่สำหรับสถานการณ์ตอนนี้ มันเหมือนมีเพื่อนชวนไปเล่นไฮโล เราทักท้วงเพื่อนให้กระจายความเสี่ยงแทงสูงบ้าง แต่เพื่อนยืนยันจะแทงต่ำหมดหน้าตัก แล้วเมื่อผลออกคือเสียพนัน เพื่อนกลับให้เรารับผิดชอบด้วย อย่างนี้จะเรียกว่ายุติธรรมได้อย่างไร
ดังนั้นการแก้ปัญหาอย่างแรกคือการออกมายอมรับกับประชาชนเสียก่อน ต่อจากนั้นตัวรัฐบาลเองควรสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาถึงข้อดีและข้อเสียของสิ่งที่เลือก เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจ แล้วค่อยใช้พลังดาราส่งสารให้กับประชาชนในวงกว้าง ไม่ใช่มองข้ามช็อตไปใช้ความชื่นชมในตัวคนดังโน้มน้าวประชาชน และการเลือกใช้คำว่า ‘วัคซีนที่ดีที่สุด คือวัคซีนที่ฉีดได้เร็วที่สุด’ ก็ยิ่งทำให้ดูไม่จริงใจ เพราะเราอยู่ในยุคที่หาข้อมูลเปรียบเทียบได้อย่างง่ายดาย เร็วที่สุดนั้นอาจจะใช่ แต่ดีที่สุดนั้นคงไม่ เพราะก่อนหน้านี้มีโอกาสเลือกที่ดีกว่านี้ แล้วทำไมไม่เลือก นี่ยังเป็นคำถามที่ติดอยู่ในใจประชาชนตลอดมา
อย่าพูดว่ามีให้ฉีดฟรีแล้วยังเรื่องมากอีก ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าไม่มีอะไรได้มาฟรี วัคซีนนี้มาจากภาษีของประชาชน ซึ่งการที่เราออกมาเรียกร้องที่จะเลือก เพราะคนที่มีสิทธิ์เลือกเขาไม่รู้จักเลือกไง ทุกอย่างถึงเป็นแบบนี้ ที่สำคัญร่างกายเป็นของเรา เราก็มีสิทธิ์เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองไม่ใช่หรือ
ความไม่จริงใจในการให้ข้อมูลของรัฐบาล ยังลามไปถึงความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชนต่อคนดัง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เสื่อมความนิยมลงไป เพราะละเลยการพูดถึงประเด็นปัญหาต่างๆ ในสังคม พอต้องมาอยู่ในแผนประชาสัมพันธ์แบบลับๆ ล่อๆ หวังจะโน้มน้าวแบบเนียนๆ แต่เล่นพูดเรื่องเดียวกัน พร้อมๆ กัน พร้อมชุดคำพูดแบบเดียวกันก็ยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นลดลง ทั้งๆ ที่ข้อมูลหลายอย่างก็เป็นข้อมูลที่ดี อย่างกรณีของชมพู่ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนอย่างน่าสนใจยิ่งกว่าที่รัฐบาลเคยให้มาตลอดปีครึ่งเลยด้วยซ้ำ
ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต และข้อที่เธอโพสต์ไว้ในอินสตาแกรม
เจ้าตัวยืนยันว่าไปฉีดเองเพราะอยู่ในพื้นที่เสี่ยง และใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมงเขียนรีวิวนี้ด้วยความตั้งใจ แต่ก็ยังทำให้เกิดอาการ ‘เอ๊ะ…’ เพราะจังหวะเวลาอันประจวบเหมาะกับโครงการนำร่องของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่ให้ดารานักแสดงและครอบครัวฉีดวัคซีน เพื่อประชาสัมพันธ์และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน พร้อมข้อความทำนองเลือกแล้วว่าดีอย่าง บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ ที่ทวีตว่า “วัคซีนที่ดี่ที่สุด คือวัคซีนที่เร็วที่สุด ส่วนตัวบีเลือก #sinovac ค่ะ #ขอให้กำลังใจทีมแพทย์พยาบาลทุกคนด้วยค่ะ” มันทำให้เกิดคำถามว่าถ้ามีวัคซีนตัวอื่นให้เลือกมากกว่านี้ คำตอบของบีจะเป็นแบบนี้ไหม ซึ่งถ้าใช่เราก็เคารพการตัดสินใจของบี
คอมเมนต์ในอินสตาแกรมของ บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์
มุกดา นรินทร์รักษ์ ดาราสาวอีกคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว
ผู้เขียนเชื่อว่าทุกคนอยากให้การแพร่ระบาดของโควิด-19 จบเร็วที่สุด วิธีการก็คือการให้วัคซีนให้มากที่สุดและเร็วที่สุด คนดังจึงยินยอมที่จะเป็นกระบอกเสียงรณรงค์ให้คนออกมาฉีดวัคซีน ตรงจุดนี้เราเข้าใจได้ แต่ในท้ายที่สุด เมื่อสถานการณ์ปกติ ก็อยากให้ช่วยมาย้ำให้เห็นถึงความผิดพลาดของฝ่ายรัฐในกรณีที่ไม่เปิดกว้างทางเลือกให้กับประชาชน อย่าให้จบลงด้วยการแต่งเพลงโลกสวยแบบแล้วไปแล้วก็แล้วกันไป เพราะเราเรียนรู้ได้จากความผิดพลาดในอดีต
“ฉีดไม่ฉีด I respect your choice, but… ย้อนกลับไปที่คำถามแรก ถ้ารู้ว่า Sinovac จะ Problematic และ Obscure ทั้งเรื่องประสิทธิภาพและ Creditability จะยืนยันสั่งซื้อในปริมาณมากตั้งแต่แรกทำไม แทงหวยเหรอ? หรือมีคนได้ผลประโยชน์ ถึงวันนี้มันกลายเป็น Main Supply ที่ประชาชนต้องก้มหน้ายอมรับ ฉีดกันตายเอาตัวรอดไว้ก่อน เป็น Best choice among zero option นี่คือการบริหารจัดการที่ไม่ปกติ และไม่ควรทำให้มันกลายเป็นเรื่องปกติ สุดท้ายขอพูดเหมือนเดิม ถ้ามีใครหากินกับ Vaccine Allocation ขอให้กรรมตามสนองชีวิต LV. คูณด้วยจำนวนประชาชนที่มึ_กินภาษีมา” นำมาจากข้อความของ ตุลย์-ภากร ธนศรีวนิชชัย ที่ลงไว้ในอินสตาแกรมสตอรี
ตุลย์-ภากร ธนศรีวนิชชัย
ท้ายที่สุดการตัดสินใจฉีดวัคซีนหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละคน อยากให้คนดังเป็นแค่ตัวกลางส่งผ่านข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ แต่ไม่อยากให้เชื่อว่าสิ่งที่เขาใช้ สิ่งที่เขาเลือกนั้นดีไปเสียหมด สำหรับผู้เขียนเองเคยคิดว่าจะรอวัคซีนทางเลือก แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจอยากได้วัคซีนให้เร็วที่สุด ไม่ใช่เพราะเป็นวัคซีนที่ดีที่สุด แต่อยากให้สถานการณ์ปกติเร็วๆ เพื่อเช็กบิลคนที่ตัดสินใจผิดๆ ให้กับเรา
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
