×

สถานทูตสหรัฐฯ-กระทรวงการต่างประเทศไทย ร่วมฉลองความสัมพันธ์สหรัฐฯ-ไทย ครบรอบ 190 ปี

02.02.2023
  • LOADING...
ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-ไทย

สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และกระทรวงการต่างประเทศไทย ผู้นำและผู้แทนองค์กรต่างๆ มากมายทั้งในไทยและสหรัฐฯ ต่างเดินทางมาร่วมงานเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐฯ-ไทย ครบรอบ 190 ปี ในปี 2023 ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เมื่อวานที่ผ่านมา (1 กุมภาพันธ์)

 

โดยมี วิชาวัฒน์ อิศรภักดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้แทนฝ่ายรัฐบาลไทย กล่าวภายในพิธีเปิดงานเฉลิมฉลองความสัมพันธ์สหรัฐฯ-ไทย ครบรอบ 190 ปีในครั้งนี้ โดยเริ่มจากการบอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ทางการทูตที่มีมาเกือบ 2 ศตวรรษ ทั้งยังกล่าวถึงความแน่นแฟ้นที่ทั้งสองประเทศมีให้กันเสมอมา โดยเฉพาะในปี 2022 ที่ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับ คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ, แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และผู้แทนระดับสูงทั้งหลาย รวมถึงความสำเร็จในการผลักดันความตกลงทวิภาคีในมิติต่างๆ ร่วมกัน พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า ในโอกาสสำคัญนี้ไม่เพียงแต่เป็นช่วงเวลาที่ได้ดื่มด่ำกับความสัมพันธ์อันดีที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งอดีต แต่ยังเป็นช่วงเวลาแห่งโอกาสที่จะมองไปข้างหน้า มองไปยังอนาคต เพื่อประโยชน์สุขของทั้งสองประเทศ และอาจขยายรวมถึงความมั่นคงและความสงบสุขของทั่วทั้งภูมิภาค

 

ก่อนที่ โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย จะกล่าวต้อนรับทุกคนอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงสายสัมพันธ์อันดีที่แน่นแฟ้นของทั้งสองประเทศ นับตั้งแต่ลงนามในสนธิสัญญาไมตรีและการพาณิชย์ระหว่างกันเมื่อปี 1833 นับจากนั้นทั้งสหรัฐฯ และไทยก็เริ่มถักทอสายสัมพันธ์จนมาถึง 190 ปีในปีนี้ โดยทั้งสองประเทศต่างมุ่งหวังที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวไทยและชาวอเมริกันให้มั่นคงและมั่งคั่งยิ่งกว่าเดิม ผ่านการประสานความร่วมมือในมิติต่างๆ เพื่อรับมือและก้าวผ่านทุกความท้าทายที่รออยู่เบื้องหน้า รวมถึงยกระดับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นและแข็งแรงยิ่งขึ้น พร้อมเดินหน้าสู่วาระครบรอบ 200 ปี ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-ไทยในอีกหนึ่งทศวรรษหน้าร่วมกัน

 

ภายในงานยังมีการประกาศรางวัลผู้ชนะเลิศการออกแบบตราสัญลักษณ์ในโอกาสครบรอบ 190 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตสหรัฐฯ-ไทยอีกด้วย โดยผู้ชนะเลิศ ได้แก่ ชนิดา เหงขุนทด นักออกแบบที่คว้ารางวัลชนะเลิศมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันออกแบบตราสัญลักษณ์ฉลองครบรอบ 70 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ออสเตรเลีย และตราสัญลักษณ์ครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-อินเดีย เมื่อปี 2022 โดยชนิดาเผยว่า ในครั้งนี้เธอตั้งใจที่จะใช้นกอินทรีและช้างเป็นองค์ประกอบสำคัญของตราสัญลักษณ์ เนื่องจากเป็นสัตว์ประจำชาติของทั้งสองประเทศ มีดาวดวงเล็กๆ เปรียบเสมือนดอกไม้ไฟที่จุดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลอง อีกทั้งโทนสีทั้งหมดก็ใช้ตามสีธงชาติของทั้งสหรัฐฯ และไทยที่มีความสอดคล้องกัน 

 

ในโอกาสนี้ THE STANDARD ยังได้ร่วมสัมภาษณ์พิเศษ โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ถึงวาระครบรอบและกิจกรรมที่จะจัดขึ้นในปีนี้อีกด้วย 

 

Q: อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้สหรัฐฯ และไทยพัฒนาความสัมพันธ์ทางการทูตมาได้นานถึง 190 ปี

 

A: สหรัฐอเมริกาและไทยดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างกันมานาน 190 ปี โดยไทยถือเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของเราในภูมิภาคนี้ ที่ผ่านมาเราร่วมมือและกระชับความสัมพันธ์ในหลายด้าน ทั้งมิติด้านสาธารณสุข การค้า การลงทุน ความมั่นคง รวมถึงมิติอื่นๆ เพื่อให้ประชาชนของเราทั้งสองประเทศมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก้าวหน้าและเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีการแลกเปลี่ยนทางด้านวัฒนธรรม การศึกษา และด้านอื่นๆ อีกมากมาย ที่มีส่วนช่วยกระชับความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศตลอด 190 ปีที่ผ่านมา

 

ผมหวังว่าปี 2023 จะเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลอง และค้นหาเส้นทางหรือวิธีการใหม่ๆ ที่จะมีส่วนช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-ไทยแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น เราได้ถักทอผ้าที่มีลวดลายวิจิตร ประสานความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล หน่วยงานกับหน่วยงาน รวมถึงความร่วมมือระหว่างภาคประชาชนด้วยกันเองเสมอมา 

 

Q: เราจะสามารถกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-ไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นอีกได้อย่างไร มีมิติไหนที่ต้องการผลักดันเป็นพิเศษ 

 

A: ที่ผ่านมาทั้งสองประเทศต่างร่วมมือกันในหลากหลายมิติ อาทิ งานบริการด้านสาธารณสุข โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐฯ มีเจ้าหน้าที่จำนวนไม่น้อยที่ทำงานอยู่ภายในประเทศไทย และประสานความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขของไทย เพื่อร่วมศึกษาวิจัยและค้นหาแนวทางที่จะมีส่วนช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น และหนึ่งในสิ่งที่เป็นตัวอย่างรูปธรรมมากที่สุดคือ ยาต้านมาลาเรียที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ทำการวิจัยในประเทศไทย ทั้งยังเป็นผลมาจากความร่วมมือของทีมแพทย์และนักวิจัยของไทยและสหรัฐฯ ซึ่งมีส่วนช่วยผู้คนหลายสิบล้านคนจากโรคชนิดนี้ 

 

แล้วอีก 10 ปีนับจากนี้เราจะกระชับความสัมพันธ์กันในมิติอะไรอีกบ้าง ผมมองว่าในมิติด้านสิ่งแวดล้อม ยังมีแนวทางอีกมากที่เราจะสามารถช่วยกันรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกได้ หรือจะเป็นในมิติของเศรษฐกิจดิจิทัล การจัดการกับผลผลิต รวมถึงข้อมูลข่าวสารในอนาคต ผมคิดว่ายังมีอีกหลากหลายมิติให้เราได้ร่วมมือกัน เพื่อสร้างหลักประกันว่าทั้งสหรัฐฯ และไทยจะยังคงเชื่อมโยงกันในทุกระดับและหลากหลายมิติต่อไปในอนาคต 

 

Q: จะมีกิจกรรมไฮไลต์อะไรเกิดขึ้นบ้างในปี 2023

 

A: ปีนี้จะมีกิจกรรมพิเศษเกิดขึ้นมากมาย เรากำลังประสานงานและดำเนินการเรื่องนี้กันอยู่ โดยหนึ่งในกิจกรรมที่อาจจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ คือการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ของแม่น้ำสายสำคัญสองสาย ระหว่าง ‘แม่น้ำโขง’ ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับ ‘แม่น้ำมิสซิสซิปปี’ แม่น้ำสายสำคัญของสหรัฐฯ โดยจะจัดกิจกรรมขึ้นที่กรุงเทพฯ และเชียงราย ซึ่งจะเป็นกิจกรรมที่แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างทั้งสองประเทศ

 

นอกจากนี้ยังมีงานอย่าง Trade Winds ที่จะเป็นประตูของการค้าการลงทุนระหว่างสหรัฐฯ และไทย โดยจะมีผู้ประกอบการรายน้อยใหญ่ของสหรัฐฯ มากกว่า 200 ราย เดินทางมาพูดคุยและหาโอกาสที่จะทำธุรกิจระหว่างกันที่ประเทศไทยในปีนี้ อีกทั้งยังจะมีกิจกรรมเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม รถยนต์พลังงานไฟฟ้า และอื่นๆ ที่จะช่วยเรารับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก โดยจะมีกิจกรรมมากมายที่เกี่ยวข้องกับมิติต่างๆ ที่จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเกิดขึ้นตลอดทั้งปีนี้ ต้องคอยติดตาม 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising